“ชุมชนคนอาร์ต…ชื่อนี้มีของดีอะไร ???
และทำไมถึงต้องเป็นแหล่งรวมความอาร์ต”
“ราชบุรี” คือคำตอบของนิยามข้างต้น
ที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและศิลปะที่งดงาม ความเป็นธรรมชาติของราชบุรี
ไม่ได้จางหายไปกับความเจริญในตัวเมือง ยิ่งกาลเวลาผ่านไปนานเท่าใด
ทุกอย่างล้วนยังคงมีสภาพที่ไม่ต่างจากอดีตที่ผ่านมา
ออกเดินทางตามหาความอาร์ตนิยามของ...”ชุมชนคนอาร์ต ราชบุรี” กันครับ
ราชบุรี เป็นหนึ่งในจังหวัดทางภาคตะวันตกของประเทศไทย
มีทั้งหมด 9 อำเภอ คือ อำเภอเมือง , โพธาราม , บ้านโป่ง ,
ดำเนินสะดวก , ปากท่อ , บางแพ , จอมบึง , วัดเพลง และสวนผึ้ง
ซึ่งจะพูดถึงสถานที่เที่ยวให้ครบทุกอำเภอคงยากไป
ผมเลยเกริ่นแค่ 3 อำเภอ และพาไปเจาะลึก 1 อำเภอ
จะเป็นสถานที่ไหนบ้าง…เริ่มต้นกับอำเภอแรก ที่นี่ก่อนเลย
อำเภอเมือง (ศูนย์รวมของเมืองอาร์ต)
เขาแก่นจันทร์ จุดชมวิวมุมสูงใจกลางเมืองราชบุรี สะดวกสบายรถขึ้นถึง
และด้านบนยังสามารถมองวิวได้ทั่ว ฟากหนึ่งเป็นภูเขาน้อยใหญ่
ส่วนอีกฟากหนึ่งเป็นชุมชนในเมือง สองความต่างที่ผสมผสานได้อย่างลงตัว
รวมไปถึงศิลปะประยุกต์ของการปั้นโอ่งที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณ
จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดราชบุรี
โดยมีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เพิ่มความเป็นโมเดิร์นและเสน่ห์ลงไปในวัตถุ
ใครจะหาของประดับหรือของฝาก หาได้ไม่ยากถ้ามาที่นี่ เถ้าฮงไถ่
อำเภอสวนผึ้ง (ความอาร์ตในธรรมชาติและสิ่งปลูกสร้างหลากสไตล์)
มาสวนผึ้งเหมือนมาเที่ยวต่างประเทศ เพราะสถานที่แห่งนี้ได้รวมสิ่งปลูกสร้างตามแบบศิลปะ
ในแต่ละชาติรวมไว้ด้วยกัน ทั้งสไตล์อิตาลี สไตล์กรีก สไตล์โรมัน เป็นต้น
และหลายคนยังมองว่าสวนผึ้งมีแค่แกะ กับ อัลปาก้า (ซึ่งปัจจุบันสามารถพบเจอได้ในหลายจังหวัด)
แต่จริงๆแล้วสวนผึ้งเป็นหนึ่งในอำเภอของราชบุรีที่มีความอาร์ต
หลากหลายทั้งวิถีชุมชนชาวมอญ ประเพณีกินข้าวห่อที่สืบทอดกันมา
หรือจะเป็นธรรมชาติอย่างทะเลหมอกบนเขากระโจมที่อยู่ใกล้กรุง
เกริ่นมา 2 อำเภอหลักๆต่อมาจะพูดถึงอีก 2 อำเภอที่อยู่ใกล้จังหวัดนครปฐม
เดินทางไม่ไกลจาก กทม. เพียงแค่ 1.30 ชม. เท่านั้น
อำเภอบ้านโป่ง (ความอาร์ทในวันวานสู่ปัจจุบัน)
หลายคนถวิลหาวันวาน ที่บ้านโป่งมีสถานที่เที่ยวที่ทำให้เราได้เห็นความเป็นอยู่ ชมเครื่องใช้ต่างๆ
รวมถึงการบอกเล่าเรื่องราวผ่านสถานที่ในความทรงจำ บ้านโป่งวันวาน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความอาร์ต
ของของสะสมโบราณที่มีการเก็บรักษามาอย่างดีและเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชม
มาถ่ายรูปย้อนอดีตและแชร์รูปเหล่านั้นสู่ปัจจุบันไปด้วยกัน
ด้านในมีการจำลองสถานที่ ร้านค้าในสมัยอดีต ให้เข้ากับบรรยากาศวันวาน
รวมถึงของสะสมตั้งแต่สมัยโบราณที่ทางเจ้าของสถานที่ได้สะสมเอาไว้
จนมาเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชม
สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปสถานที่แห่งนี้เหมาะมากครับ เพียงแค่แต่งตัวให้เข้ากับธีมย้อนยุคหน่อย
รับรองว่าเหมือนเราย้อนอดีตไปยังยุคนั้นจริงๆ
โซนด้านในมีจัดเป็นห้องต่างๆเช่น โรงหนัง ห้องเรียน ห้องตัดผมในสมัยก่อน เป็นต้น
พูดได้เลยว่ามาที่นี้ทำให้เห็นภาพในอดีตที่ย้อนไปจากยุคปัจจุบันได้ชัดเจน
และค้นหาความอาร์ตกันต่อกับอำเภอที่โด่งดังจากละคร และมีเรื่องราวภาพเก่าไว้เล่าขาน
โพธาราม (อาร์ตอาคารเรือนเก่า เล่าเรื่องราว)
โพธารามเป็นอำเภอที่อยู่ไม่ไกลจาก กทม เป็นอำเภอทางผ่าน เป็นอำเภอที่หลายคนมองข้าม
แต่เชื่อหรือไม่ว่าที่นี่มีเสน่ห์ไม่น้อยไปกว่าอำเภออื่นเลย ผมจะลองทำแผนเที่ยวแบบ 2 วัน 1 คืน
ในโพธาราม ว่าไปที่ไหนได้บ้าง ให้สามารถตามรอยได้ง่าย โดยเริ่มกันที่
8.00 น. ล้อหมุนจาก กทม.
ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านจังหวัดนครปฐม
จนมีป้ายบอกไป อำเภอโพธารามเบี่ยงซ้ายและเลี้ยวขวาใต้สะพาน ข้ามสะพานแม่น้ำแม่กลอง
เจอสามแยกเลี้ยวขวา ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. มาถึงสถานที่แรก ชมหนังใหญ่ วัดขนอน
10.00 น. ชมการแสดงหนังใหญ่ วัดขนอน
จะมีการแสดงทุกเสาร์ อาทิตย์ โดยวันเสาร์เริ่มแสดงเวลา 10.00 น.
ส่วนวันอาทิตย์เริ่มการแสดงเวลา 11.00 น. โดยใช้เวลาในการแสดงประมาณ 1 ชม.
หนังใหญ่ เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมไทย ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นการแสดงขั้นสูง
เป็นการแสดงที่รวมศิลปะ ที่ทรงคุณค่าหลายแขนง ผสมกับฝีมือช่างแกะสลักที่ประณีต
เมื่อแสดงก็จะมีการนำศิลปะทางนาฏศิลป์การละคร ที่เคลื่อนไหวอย่างได้อารมณ์ตามเนื้อเรื่อง
ประกอบกับบทพากย์ บทเจรจา บทขับร้อง ดนตรีปี่พาทย์
ทำให้เกิดความเข้าใจในเรื่องราวและให้อรรถรสทางศิลปะแก่ผู้ชมได้อย่างสมบูรณ์
เนื้อเรื่องของหนังใหญ่เป็นตอนหนึ่งจากเรื่องรามเกียรติ์ โดยมีวงปี่พาทย์บรรเลงเพลงโหมโรง
พร้อมเสียงผู้พากย์ทำให้ให้ฟังได้ง่ายขึ้น
11.00 น. หลังจากชมหนังใหญ่จบ ด้านหลังจะมีพิพิธภัณฑ์สถานแสดงนิทรรศการหนังใหญ่
เปิดให้นักท่องเที่ยวและผู้สนใจเข้าร่วมชมศึกษาทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 – 17.30 น.
ตัวหนังใหญ่ส่วนมากทำมาจากหนังโค นำมาฉลุหรือสลักเป็นภาพตามตัวละครในเนื้อเรื่อง
น้ำหนักไม่ต้องพูดถึง ยิ่งขนาดใหญ่น้ำหนักยิ่งมาก
นักแสดงที่แสดงหนังใหญ่นั้นต้องมีกำลังแขนที่ดีเลยทีเดียว
ลวดลายอันอ่อนช้อย และสีสันที่ปรากฏอยู่บนตัวหนังใหญ่ แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ไทยอันทรงคุณค่า
อีกอย่างหนึ่งที่บรรพบุรุษไทยสร้างไว้
11.30 น. ชมจิตรกรรมฝาผนังและพิพิธภัณ์พื้นบ้านวัดคงคาราม
วัดคงคาราม เป็นวัดที่มีมาแต่โบราณ จากการเล่าสืบต่อมาของชาวบ้าน
วัดนี้อาจจะสร้างมาก่อนที่พวกมอญจะอพยพเข้ามา และ
หลังจากเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ก็ได้ทำนุบำรุงเป็นวัดมอญสืบต่อมา
ศิลปะจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถของวัดคงคารามเป็นฝีมือของช่างหลวง เส้นสายประณีต
เป็นจิตรกรรมที่บอกเล่าเรื่องในพระพุทธศาสนาที่ควรศึกษาและอนุรักษ์ไว้
ถึงจะเก่าแต่รายละเอียดของภาพจิตรกรรมยังเก็บรายละเอียดไว้ได้ดี
นอกจากนี้บริเวณวัดยังมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน โดยใช้บริเวณกุฏิ 9 ห้องของวัดคงคารามจัดแสดง
ด้านบนไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปนะครับ ส่วนบริเวณใต้ถุนกุฏิจะเก็บข้าวของเครื่องใช้โบราณไว้แสดง
ทั้งเครื่องตำข้าว สุ่มดักปลา เป็นต้น
12.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน ร้านส้มตำแจ่มใส
ซึ่งอยู่ห่างจากวัดคงคารามประมาณ 500 เมตร
14.00 น. ชมอุโบสถทองคำร้อยล้าน วัดพระศรีอารย์
อุโบสถทองคำ ณ. วัดพระศรีอารย์ แสดงถึงความยิ่งใหญ่อลังการแห่งพลังศรัทธาของชาวราชบุรี
ที่มีต่อพระพุทธศาสนาในการก่อสร้างอุโบสถทองคำมูลค่าร้อยล้าน ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 37 ปี
– ชมลวดลายปูนปั้นที่สร้างขึ้นเฉพาะไม่มีแบบสำเร็จรูป
– ฝาผนังแต่งแต้มด้วย จิตรกรรมเรื่องพระมหาชนก พระเจ้า ๕ พระองค์
– กราบไหว้พระศรีอารย์พระพุทธรูปคู่วัด
– พระประธาน พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะพม่า สร้างด้วยหยกขาวทั้งองค์
– กราบสักการะร่าง ของหลวงพ่อขันธ์ที่ ไม่เน่าเปื่อยอยู่ในโลงแก้ว
เหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาที่วัดพระศรีอารย์
15.00 น. เช็คอินที่พัก บ้านสุขพันธ์โพธาราม (โพธิ์ 1)
ที่พักที่ดัดแปลงมาจากโรงเรียนอาคารไม้ 2 ชั้น ในอดีตที่นี่เป็นโรงเรียนที่มีการเรียนการสอนอยู่จริง
หลังจากนั้นได้ปิดตัวไปและได้ปรับปรุงเป็นที่พักแบบโฮมสเตย์ในราคาไม่แพง
มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ มีอาหารเช้าเป็นชา กาแฟ และปาท่องโก๋ มีจักรยานให้ยืมฟรี
ห้องพักด้านบนเป็นพื้นไม้แต่ละห้องจะมีป้ายชื่อห้องติดด้านหน้า
ชั้นล่างเป็นห้องอนุบาล ส่วนชั้นบนเป็นห้องประถม
ห้องที่ผมพักเป็นห้อง ป.3 สภาพห้องด้านในสะอาดมาก
พื้นที่กว้างขวาง มีห้องน้ำในตัว และมีเครื่องปรับอากาศ
ราคาห้องคืนละ 1,000 บาท เข้าพักได้ 2 ท่าน
สามารถเสริมเตียงเพิ่มได้อีก 1 ท่าน คิดเพิ่ม 200 บาท
16.30 น. เดินเล่นชม ชุมชนตลาดเก่า 119 ปี เจ็ดเสมียน
ตลาดเก่า 119 ปี เจ็ดเสมียน คือตลาดนัดตอนเย็นที่ขายของกิน ของใช้ ซึ่งเป็นของพื้นบ้าน
ตั้งอยู่บนลานกว้างที่โอบล้อมด้วยบ้านเรือนไม้โบราณ มีลักษณะของสถาปัตยกรรมเป็นแบบตึกแถว
แต่เป็นบ้านไม้ติดๆกันหลายห้องในแนวยาว และมีอายุนับร้อยปี
แต่มีการบูรณะซ่อมแซมให้คงรูปแบบเดิมไว้มากที่สุด
สามารถเลือกซื้อ เลือกกิน แบบติดดิน ในตลาดนัดหลังสถานีรถไฟอายุกว่า 100 ปี
ทุกวันพุธ เสาร์ และอาทิตย์
ยังมีพิพิธภัณฑ์ชุมชน ที่ได้รวบรวมประวัติความเป็นมาของชุมชนแห่งนี้
ตั้งแต่ครั้งอดีตไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา ภายในมีทั้งแผ่นภาพบอกเล่าเรื่องราว
รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ของบรรพบุรุษชุมชนในสมัยก่อนจัดแสดง
18.30 น. ชมค้างคาวร้อยล้าน วัดเขาช่องพราน หนึ่งใน Unseen Thailand
ยามพระอาทิตย์ใกล้อัสดง แสงสุดท้ายจากขอบฟ้ากำลังลาลับไป
แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นการออกหาอาหารในวันใหม่ของค้างคาว
ในบริเวณเขาช่องพรานมีลักษณะเป็นเขาหินปูนที่สวยงาม
ยังมีถ้ำขนาดใหญ่ เรียกว่า ถ้ำพระนอน ซึ่งเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยงามแปลกตา
นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นสู่บนยอดเขาช่องพรานเพื่อนมัสการพระบรมธาตุได้อีกด้วย
ค้างคาวร้อยล้านตัวบินออกจากถ้ำเป็นสายควันดำโบกสะบัดเปลี่ยนทิศทาง
การเคลื่อนไหวไปมา เป็นเวลากว่า 1 ชม. เพื่อออกหาอาหารและกลับมายังถ้ำแห่งนี้ก่อนรุ่งอรุณ
เป็นภาพอันน่าประทับใจของปรากฏการณ์มหัศจรรย์ทางธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง
ทางวัดเขาช่องพรานจึงได้ร่วมกันปรับปรุงสถานที่ให้สวยงามและ
เปิดให้ประชาชนเข้าชมปรากฏการณ์ทางธรรมชาติค้างคาวร้อยล้านนี้
19.30 น. รับประทานอาหารเย็น บริเวณตลาดกลาง หน้าวัดโพธาราม
ตลาดโพธาราม ประกอบด้วย 3 ตลาดสำคัญ ตลาดบน ตลาดกลาง และตลาดล่าง
ตลาดหน้าวัดโพธารามหรือตลาดกลาง เป็นตลาดขายอาหารยามค่ำ ตั้งแต่เวลา 17.00 – 23.00 น.
เมนูทีเด็ดที่อยากแนะนำให้ลองชิมคือ หอยทอด ผัดไท หมูสะเต๊ะ และกระเพาะปลา อร่อยสุโค่ยจริงๆ
21.00 น. กลับเข้าที่พัก
6.00 น. ชมการล้างถั่วงอกแบบดั้งเดิม
บริเวณริมแม่น้ำแม่กลองในตลาดโพธารามจะเห็นวิถีชีวิตชาวบ้านแบบดั้งเดิมอยู่นั่นก็คือ
การล้างถั่วงอกแบบโบราณ การล้างถั่วงอกวิธีนี้จะนำถั่วงอกใส่ตะกร้าสาน
แล้วไปร่อนชะล้างเศษดินในแม่น้ำ ทำแบบนี้ซำ้ไปเรื่อยๆหลายหนจนถั่วงอกสะอาดได้ที่
แล้วนำขึ้นมา การล้างถั่วงอกนี้จะมีขึ้นทุกวันตั้งแต่เวลา 5.30-6.15 น.
6.30 น. ใส่บาตรพระตอนเช้า
จากที่พักเดินมาตลาดกลางประมาณ 300 เมตร จะพบเห็นชาวบ้านใส่บาตรกันอย่างเนืองแน่น
แต่เวลาประมาณ 6.30 น. บริเวณสี่แยกถนนราษฎรอุทิศที่มีเรือนไม้หลงเหลือ
หลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในปี พศ. 2509
มีพระสงฆ์จากวัดถ้ำสติ เดินบิณฑบาตเป็นสายเรียงสวยงาม
พระสงฆ์จะเดินผ่านตรอกจับกังแล้วเข้าถนนโชคชัย
บริเวณที่มีหอนาฬิกาซึ่งตรงนั้นเป็นตลาดเช้าของโพธาราม
7.00 น. ชมวิถีชีวิต ตลาดเช้าที่สุดแสนจะคึกคัก
ตลาดเช้าโพธารามจะเริ่มตั้งแต่เวลา 4.30-9.30 น. เป็นตลาดเช้าที่ค่อนข้างคึกคักมากเลยทีเดียว
ตลาดเช้านี้เป็นตลาดสด มีของสดและอาหารเช้าขายเต็มสองข้างทาง
ถนนค่อนข้างเนืองแน่นไปด้วยจักรยาน มอเตอร์ไซค์และชาวบ้านที่ตื่นมาจับจ่ายกันตั้งแต่เช้า
9.30 น. ปั่นจักรยานเที่ยวตลาดบน ชมบ้านเรือนไม้หลังเก่า
บริเวณตลาดบนเหลือเรือนแถวไม้มากที่สุดหลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้มาก่อน
บ้านเรือนบางหลังก่อสร้างเป็นแบบปูน แต่ที่นี่ยังมีที่เป็นแบบไม้ อันเป็นเสน่ห์ของโพธารามที่ชวนหลงใหล
ถึงเวลาจะผ่านไปยุคสมัยเปลี่ยนแปลงแต่วิถีชีวิตของคนที่นี่กลับไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม
อาคารเรือนไม้แถวนี้ เชื่อหรือไม่ว่าเป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่อง Rising Sun ที่มีมาริโอ้ และณเดช แสดงนำ
โดยสถานที่แถวนี้ถูกดัดแปลงเป็นตลาดสดและบ้านเรือนของประเทศญี่ปุ่น
ดูจากในละครแทบไม่น่าเชื่อว่าจริงๆแล้วคือเรือนไม้ในตลาดโพธารามนี่เอง
เสน่ห์ของโพธารามคืออาคารเรือนไม้ที่คงเหลืออยู่ นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ไม่ได้ต้องการชีวิตที่ SlowLife
แต่เป็นการมาเห็นมาชมวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่มากกว่า
11.00 น. ชมวิกครูทวี หัวใจสำคัญของตลาดบน
โรงหนัง หรือ สมัยก่อนเรียกว่าวิก ในอดีตเป็นศูนย์กลางของตลาดบนที่ชาวบ้านมาพบปะพูดคุยกัน
โรงหนังสมัยก่อนเป็นเก้าอี้ไม้เรียงเป็นแถวๆ ไม่มีตัวเลขระบุใครมาก่อนจับจองที่นั่งก่อน
ชั้นบนเป็นเก้าอี้เดี่ยวที่มีตัวเลขที่นั่งระบุ
ปัจจุบันวิกครูทวีไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปเข้าชม เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นของภาคเอกชน
แต่คราวนี้ผมได้พบกับหนึ่งในหุ้นส่วนของวิกแห่งนี้
ผมได้ขออนุญาตและเข้าไปเก็บภาพมาให้เพื่อนๆได้ชมกัน
ได้เข้ามาถึงห้องเก็บฟิล์มหนัง ห้องฉายหนัง รู้สึกได้ถึงความเก่าในโรงหนังแห่งนี้
วิกนี้จะฉายหนังสลับกับวิกที่บ้านโป่ง หนังเรื่องนึงใช้ฟิล์ม 2 ม้วน
ที่บ้านโป่งจะฉายม้วนแรกก่อน พอฉายจบ ฟิล์มม้วนนั้นจะถูกส่งมาที่วิกแห่งนี้เพื่อฉายหนังเรื่องนั้น
ส่วนที่บ้านโป่งต่อฟิล์มและฉายม้วน 2 ต่อจนจบ พอหนังจบ
ฟิล์มม้วนนั้นได้ถูกส่งมาที่โพธารามอีกครั้ง จะสลับแบบนี้ทุกเรื่องครับ
การได้เข้ามาชมวิกครูทวี ศูนย์กลางของตลาดบนโพธารามนี้
ทำให้ผมรู้สึกถึงความเก่าแก่และวิถีชีวิตของคนสมัยก่อนมากขึ้น
น่าเสียดายที่โรงหนังแบบนี้ปัจจุบันไม่มีเปิดให้เข้าไปชมด้านในแล้ว
ไม่อย่างนั้นมีนักท่องเที่ยวหลายคนสนใจแน่นอนครับ
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน เช็คเอ้าท์ และซื้อของฝาก
สำหรับอาหารกลางวันผมแนะนำร้านหมูสะเต๊ะที่อยู่ตรงข้ามกับวิกครูทวี
ร้านนี้คนแถวนั้นการันตีว่าอร่อยฝุดๆ ส่วนของฝากผมแนะนำ เต้าหู้ดำ
เป็นของฝากขึ้นชื่อของเมืองโพธาราม เป็นเต้าหู้ต้มในน้ำพะโล้ รสชาติกลมกล่อมอย่าบอกใครเชียว
13.00 น. ชมเก๋งจีน และจิตรกรรมฝาผนัง วัดไทรอารีรักษ์
วัดไทรอารีรักษ์ เป็นวัดมอญที่อยู่ใต้สุดของวัดมอญลุ่มแม่น้ำแม่กลอง
ปั่นจักรยาน เดินเล่นชิวๆ หรือขับรถจากตลาดบนโพธารามมาได้ครับ
อย่าๆๆๆเพิ่งเข้าวัดครับบบ ด้านหน้าวัดจะมีกลุ่มหมากรุกไทยของ สว (สูงวัย)
นั่งโขกกันตุ้บๆ ดูเพลินๆสนุกสนานดี ^^
วิหาร มีนักวิชาการบางท่านได้ให้ข้อสังเกตว่า รูปทรงของวิหารวัดไทรอารีรักษ์
มีความพิเศษหลายอย่าง โดยเฉพาะด้านสถาปัตยกรรมเป็นแบบลาวซึ่งอาจจะเป็นชาวลาว
สร้างมาก่อนก็เป็นได้ และทำให้สันนิษฐานได้ว่า วิหารนี้คงมีมาก่อนโบสถ์ สิ่งโดดเด่นภายในวิหาร คือ
เก๋งจีนขนาดใหญ่ สร้างเป็นมณฑปครอบรอย พระพุทธบาทโลหะซึ่งมีรอยสนิม
เก๋งจีน คือ สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ มีรูปทรงแบบจีน แต่มีหลังคาลดชั้น
ที่น่าจะได้รับอิทธิพลจากศิลปะไทย มีภาพกิจกรรมเรื่องสามก๊กประดับอยู่บนผนัง
สิ่งนี้แสดงถึงความสมานฉันท์ กลมเกลียวของทุกชนชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเขตโพธาราม
สิ่งที่น่าสนใจนอกจากเก๋งจีนในวิหารนั้น ยังมีโบสถ์ ที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังทั้งสี่ด้านภายใน
ภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นรูปแบบ แบบประเพณี แต่แสดงภาพแนวตะวันตก อาทิ เครื่องแต่งกายของผู้คน
อาคารสถาปัตยกรรมต่างๆ ความโดดเด่นอยู่ที่ ด้านบน เขียนเป็นภาพพระอดีตพระพุทธเจ้า
ต่ำลงมา ตอนหนึ่ง เขียนเป็นภาพพุทธประวัติ ตอนแห่พระบรมศพ
โดยมีหีบศพแบบมอญที่เรียกว่า ลุ้ง ตั้งอยู่ในราชรถ
ตอนหนึ่ง เป็นการละเล่นในงานถวายเพลิงพระบรมศพของพระพุทธเจ้า
จะเห็นชายนุ่งผ้าโจงกระเบน สวมเสื้อราชประแตน ใส่หมวก
ทำให้หลายคนสันนิษฐานว่า ช่างเขียนอาจจะเคยได้พบเห็น การเสด็จเยือนโพธาราม
หลายครั้งของรัชกาลที่ 5 ทำให้เขียนภาพพระองค์ไว้ในภาพจิตรกรรมด้วย
และที่น่าสังเกตุอีกอย่างภาพเขียนที่วัดนี้ลายเส้นจะต่างกับที่วัดคงคาราม (ที่กล่าวไปในตอนต้น)
เนื่องจากที่วัดคงคารามเป็นฝีมือของช่างหลวง แต่ที่วัดไทรอารีรักษ์นี้เป็นฝีมือของช่างชาวบ้าน
ลายเส้นอาจไม่คมเท่า แต่รายละเอียดนั้นเก็บได้ละเอียดยิบเลยครับ
14.30 น. เดินทางกลับ กทม.
17.30 น. ถึง กทม. โดยสวัสดิภาพ ^^
เป็นอย่างไรบ้างกับโปรแกรม 2 วัน 1 คืน ในโพธาราม อัดแน่นด้วยศิลปะความอาร์ตหลายรูปแบบ
ทั้งบ้านเรือนไม้เก่าๆ จิตรกรรมฝาผนัง ศิลปะจากของจีน มอญ ลาว และวิถีชีวิตแบบเดิมที่ยังไม่หายไป
ผมได้ลองทำแผนเที่ยวราชบุรีแบบง่ายๆประมาณ 3 แผน
เผื่อเพื่อนๆจะนำไปใช้เป็นไกด์ไลน์ในการเดินทางได้ง่ายขึ้น
แผนเที่ยว 1 : เที่ยว 4 อำเภอ ชุมชนคนอาร์ต ตามรอยรีวิวราชบุรี (2 วัน 1 คืน)
งบประมาณ 2300-3000 บาท ต่อคน (ราคาขึ้นอยู่กับที่พักที่สวนผึ้ง)
แผนเที่ยว 2 : เที่ยว 3 อำเภอ สำหรับสายฮาร์ดคอร์ มาทีเดียวแต่อยากเก็บครบ (เช้า-เย็นกลับ)
งบประมาณ 600-800 บาท ต่อคน
แผนเที่ยว 3 : เที่ยว 2 อำเภอ สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวแต่อยากมาสัมผัสความอาร์ต (2 วัน 1 คืน)
งบประมาณ 800-1000 บาท ต่อคน
ก่อนจบรีวิว อยากขอนำเสนอ “ร้านค้าประชารัฐสุขใจ” ซึ่งจะมี ในปั๊ม ปตท. ทั่วประเทศหลายแห่ง
สำหรับสินค้าที่จำหน่ายในร้านค้าประชารัฐสุขใจนั้น สสว.ร่วมกับกรมพัฒนาชุมชน และผู้ว่าราชการจังหวัด
ได้คัดเลือกสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์เด่นของแต่ละจังหวัด เพื่อนำมาวางขายในร้านค้าประชารัฐสุขใจ
ประจำจังหวัดนั้นๆ ส่วนสินค้าที่ยังไม่ผ่านการคัดเลือก เพราะอาจมีข้อจำกัดด้านคุณภาพของตัวสินค้า
หรือแพ็คเกจ สสว.จะช่วยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยในพื้นที่
กระทรวงอุตสาหกรรม พช. เป็นต้น เพื่อช่วยพัฒนาและปรับปรุงตัวสินค้า
หากต้องการข้อมูลการท่องเที่ยวเพิ่มเติมเราสามารถไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
TAT Call Center 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย หรือ www.tourismthailand.org
ราชบุรี ชุมชนคนอาร์ต แหล่งรวมความอาร์ตหลากหลายด้าน
อาร์ตด้านศิลปะ อาร์ตด้านจิตรกรรม อาร์ตด้านอาหาร และอาร์ตด้านสถาปัตยกรรม
เห็นแบบนี้แล้วไหนเราจะมองข้ามจังหวัดที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมแบบนี้ไปได้ หนึ่งในเมืองต้องห้ามพลาด ราชบุรี
ขอขอบคุณทุก ๆ การเดินทาง ที่สอนให้ผมได้เรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ในชุมชนแห่งนี้
และขอบคุณ ชาวราชบุรีที่ให้การต้อนรับพวกผมอย่างอบอุ่น แล้วผมจะกลับไปเที่ยวอีกแน่นอนครับ
“ราชบุรี…ไปมาครบหรือยัง ???”
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^