บุรีรัมย์…เอ่ยชื่อจังหวัดนี้แล้วทุกคนนึกถึงอะไร ???
ผมเชื่อว่าร้อยละ 90 จะต้องบอกว่า สนามฟุตบอลทีมบุรีรัมย์ i-Mobile Stadium
เพราะที่นี่เป็นเมืองสัญลักษณ์ของจังหวัดนี้ไปซะแล้ว
เมื่อ 2 ปีก่อน ผมเคยไปปั่นจักรยานที่บุรีรัมย์
เชื่อมั้ยครับว่า กีฬาที่ทำให้คนบุรีรัมย์คลั่งไคล้มากที่สุดก็คือ ฟุตบอล
แต่ตอนนี้กาลเวลาผ่านไป i-Mobile Stadium ไม่ได้เป็น คำตอบในกลุ่มร้อยละ 90 อีกต่อไปแล้ว
เพราะถ้าเอ่ยชื่อจังหวัดบุรีรัมย์ ร้อยละ 90 ที่นึกถึงจะตอบว่า…“เมืองแห่งกีฬา”
บุรีรัมย์มีเครื่องบิน บินตรงจากดอนเมืองทุกวันแล้วนะครับ
NokAir วันละ 2 ไฟลท์บิน และ
AirAsia วันละ 1 ไฟลท์บิน เครื่องออกและถึงตรงเวลา ไม่ต้องกังวลเรื่องดีเลย์ ^^
และตอนจองผ่านทางหน้าเว็บไซท์ AirAsia เรายังสามารถเลือกรถรับ-ส่งเข้าตัวเมืองได้อีกด้วย
งานนี้ถึงจะไม่ฟรีแต่ราคาไม่แพงแถมสะดวกทั้งคนที่จะมาบุรีรัมย์ และ สุรินทร์ด้วยครับ
หรือถ้าใครจะเช่ารถจากสนามบินเลยก็ได้ เพราะตัวสนามบินนั้นอยู่ อ.สตึก ซึ่งห่างจากตัวเมืองประมาณ 40 กม.
ทุกวันศุกร์ช่วงค่ำ บริเวณด้านหลังสนามฟุตบอล i-Mobile Stadium หรือที่คนระแวกนี้เรียกว่า
Castle 12 จะมีการแข่งรถของเด็กแว้นแบบถูกกฎหมาย นั่นคือใครที่ชอบความเร็ว
ชอบแต่งรถ แต่การกระทำแบบนี้ถ้าไปทำบนท้องถนนจะถือว่าผิดกฎหมาย
และก่อความรำคาญกับผู้คนแถวนั้นได้ ที่บุรีรัมย์จึงมีไอเดียเด็ดๆ
คือจัดสนามแข่งให้เด็กแว้นซะเลย 20.00-23.00 น.
และทุกคืนวันศุกร์ก็จะมีการแข่งแบบจริงจังชิงเงินรางวัลกันด้วยนะ
หลังจากแข่งขันแบบจริงจังจนจบได้ผู้ชนะเป็นที่เรียบร้อย
ทางผู้จัดจะให้นักบิดจากทางบ้านมาลองรถของตัวเอง
กิจกรรมแบบนี้ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย เพราะนักบิดทุกคนจะต้องใส่หมวกกันน๊อก
และการกระทำแบบนี้จะไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนด้วยครับ
เอามาให้ชมแบบเป็นคลิป VDO สั้นๆกันบ้าง
มาดูในส่วนที่พักกันครับ ทริปนี้ผมเลือกพักที่ โรงแรม Amari Buriram United
ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกับ Thunder Castle Stadium โดยใช้เวลาเดินจากโรงแรมไม่เกิน 2 นาที
Amari Buriram United มีห้องพักทั้งหมด 3 ประเภท
Deluxe 44 ห้อง / Grand Deluxe 14 ห้อง / และ Sweet 2 Bed rooms 2 ห้อง
ทุกห้องล้วนจะมีภาพเกี่ยวกับฟุตบอล นักกีฬาทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และสัญลักษณ์ของทีม
ส่วนห้องประเภท Deluxe กับ Grand Deluxe ต่างกันที่ห้อง Grand Deluxe มีระเบียงหน้าห้อง
ซึ่งมีเนื้อที่กว้างกว่า และโคมไฟ ลายปลอกหมอน รวมถึงแก้วน้ำ ล้วนมีลวดลายเดียวกัน
เป็นลวดลายสัญลักษณ์ของทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทั้งหมดครับ
มาดูในส่วนของห้องอาหาร ชื่อของห้องอาหารที่นี่ก็สอดคล้องสมกับเป็นต้นแบบโรงแรมกีฬาแห่งแรกของไทย
ห้องอาหาร Kick Off เปิด 6.00 – 22.30 น. ตอนเช้าเป็น Buffet กลางวัน เย็น เป็น Alacarte ครับ
มื้อเย็นของวันนี้ผมได้ลองทานอาหารที่ห้องอาหาร Kick Off แห่งนี้
โดยเมนูอาหารที่สั่งจะเป็นแนวเพื่อสุขภาพซะมากกว่าตามสไตล์แบบนักกีฬา
ที่โภชนาการครบและดีต่อสุขภาพครับ
เมนูแนะนำ 2 เมนูนี้คือ…
Chef Salad – สลัดผักกับทูน่า มาในแบบที่เชฟแนะนำตามชื่อเลยครับ
Buriram Sausage – ไส้กรอกหมู ที่ดูเผินๆเหมือนไส้กรอกทั่วไป
แต่ทีเด็ดไม่ได้อยู่ที่ตัวไส้กรอกอย่างเดียว เพราะน้ำจิ้มนี่แหล่ะครับที่ไม่เหมือนใคร
ที่นี่มีจักรยานให้สำหรับผู้ที่เข้าพักเช่าปั่นไปที่ต่างๆด้วยนะครับ เผื่อใครสนใจ
อัตราค่าเช่าจักรยาน 3 ชั่วโมง 100 บาท มีหมวก มีโซ่ล็อกล้อให้พร้อมเพื่อความปลอดภัย
แต่ถ้าใครไม่อยากเช่าจักรยานปั่น ในโรงแรมเองก็มีกิจกรรมให้กับผู้เข้าพักต่างๆ เช่น
สระว่ายน้ำ ลู่วิ่งออกกำลังกาย ห้องออกกำลังกาย และสนามเทนนิส
สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถือเป็นอีกความภูมิใจของชาวบุรีรัมย์
เนื่องด้วยเป็นทีมฟุตบอลไทยทีมแรกที่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันระดับเอเชีย
ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา และครองถ้วยจากทุกนัดการแข่งขันในประเทศ
ทำให้เป็นทีมที่มีแฟนบอลมากที่สุดในประเทศไทย และเหตุผลนี้เอง Amari Buriram United
จึงเป็นโรงแรมแรกของประเทศไทยที่มีกลิ่นอายของกีฬาฟุตบอลสอดแทรกไปในทุกการออกแบบ
สร้างความแปลกใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
อีกหนึ่งความภูมิใจของชาวบุรีรัมย์ที่สถาปนาจังหวัดตัวเองเป็นเมืองแห่งกีฬาได้อย่างสมบูรณ์
ก็คือสนามแข่งรถระดับเอเชีย Buriram International Circuit (BRIC)
สนามแข่งรถแห่งนี้ เป็นสนามแข่งรถยนต์ทางเรียบ และสนามแข่งมอเตอร์ไซด์ทางเรียบ ที่แรก
และที่เดียวของไทยที่ได้มาตรฐานระดับโลก
บนพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ที่ถูกสร้างเป็นสนามแข่งรถที่ได้รับการรับรองจากสมาพันธ์รถยนต์นานาชาติ
ว่าเป็นสนามแข่งรถระดับมาตรฐาน FIA Grade 1 และระดับมาตรฐาน FIM Grade A ซึ่งเป็นระดับสนาม
ที่อนุญาตให้ใช้จัดการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง หรือที่เราเรียกกันว่า Formula 1
สนามแห่งนี้ใช้เวลาเพียง 422 วัน ในการสร้างเสร็จ ซึ่งถือว่าทำได้รวดเร็วมากครับ
ช่วงที่ผมไปมีการซ้อมแข่งขันจับเวลาของมอเตอร์ไซค์พอดี สนามนี้คนทั่วไปสามารถเข้ามาชมฟรีนะครับ
ไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด มาลงชื่อแล้วเดินขึ้นมาชมด้านบนอัฒจรรย์ได้เลยครับ
สนามนี้เป็นสนามเดียวของโลกที่สามารถมองเห็นการแข่งขันได้ 100%
มองเห็นได้ตลอดเวลาการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นช่วงโค้งไหนก็ตาม ในมุมมองแบบพาโนรามา
ยังไม่จบแค่นี้ ที่สนามแห่งนี้มีโรงแรมด้วยนะ โรงแรม Bric Box Buriram
ตั้งอยู่ห่างจากสนามแข่งรถ BRIC เพียง 250 เมตร แต่ความพิเศษของที่พักนี้คือ
การได้ชมการแข่งขันรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ กันแบบชิดติดขอบสนามจากหน้าห้องพักได้เลย
ข้อเสียเดียวของโรงแรมนี้คือมีแต่ห้องที่เป็น Single Bed เท่านั้น ถ้ามา 2 คนต้องแยกห้องนอน
แต่ในอนาคตอาจจะมีห้องคู่เพิ่มนะครับ ^^
ผมได้ลองเช่าจักรยานของทางโรงแรม เพื่อปั่นไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆบริเวณโรงแรม
อย่างสนามแข่งรถ BRIC หรือจะเป็น Community Mall ใหม่แกะกล่องอย่าง Buriram Castle
และที่พลาดไม่ได้เลยคือสนามแข่งฟุตบอลแห่งนี้ครับ Thunder Castle Buriram United
สนามฟุตบอลแห่งนี้เปิดให้เข้าชมฟรี เพียงแค่ลงทะเบียนตรงด้านหน้าทางเข้า
โดยวันที่ไม่มีแข่งบอลจะเปิดให้เข้าไปชมตั้งแต่ 9.00 – 16.00 น.
แต่ถ้าวันไหนมีแข่งบอลจะเปิดแค่ครึ่งวันครับ
สนามฟุตบอลแห่งนี้รองรับความจุผู้เข้าชมจำนวน 32,600 คน
และใช้เวลาก่อสร้างสนามเพียงแค่ 256 วันเท่านั้น เร็วมากๆ แต่ได้รับมาตรฐาน ระดับเวิร์ดคลาสจากฟีฟา
และมาตราฐานระดับ A -class stadium จากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (AFC)
รวมถึงมาตราฐานของสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (AFF) เป็นสนามแห่งแรกแห่งเดียว
ที่ได้มาตราฐานทั้งที่ไม่มีลู่วิ่งคั่นสนาม
หลังจากชมตัวสนามฟุตบอลแล้ว สามารถเดินไปดูห้องต่างๆภายในได้
ต้องบอกก่อนว่าสนามกีฬาแห่งนี้มีทั้งหมด 4 ชั้น
โดยชั้นที่ 1 จะเป็นสำนักงานห้องแถลงข่าว ห้องสื่อมวลชน ร้านขายสินค้าที่ระลึก
ห้องนักกีฬาทีมเหย้า-เยือน ห้องพักผู้ตัดสิน และห้องประชุม
ส่วนชั้นที่ 2 จะเป็นห้องจัดเลื้ยงใหญ่จำนวน 400 ที่นั่ง
ชั้นที่ 3 เป็นห้องวีไอพี 6 ห้อง และห้องจัดเลี้ยง 1 ห้อง
และชั้นที่ 4 เป็นห้องวีไอพี 15 ห้อง
ตอกย้ำการเป็นเมืองแห่งกีฬา ด้านหน้าสนามฟุตบอลจะเห็นประชาชนทุกเพศทุกวัย
มาออกกำลังกาย เล่นกีฬา ณ.ลานด้านหน้าสนามแห่งนี้ ดูทุกคนมีความสุขสนุกไปกับสิ่งที่ตัวเองทำ
ผมขอนำภาพจากครั้งก่อน ที่ผมได้มาสัมผัสประสบการณ์นั่งดูบอลที่สนามแห่งนี้
ถ้าใครได้มาเที่ยวที่นี่ ลองหาเวลาเหมาะๆแล้วลองมานั่งดูบอลซักครั้ง
จิตวิญญาณของกองเชียร์ที่นี่จะทำให้คุณฮึกเหิมแบบไม่รู้ตัว เชื่อผมเถอะ!!!
หลังจากที่ผิดหวังไม่ได้ดูการแข่งรถยนต์ทางเรียบในสนาม BRIC
ผมกับเพื่อนๆเลยมาลองเล่นโกคาร์ท ซึ่งสนามโกคาร์ทแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากสนามฟุตบอลอีกด้วย
ออกจากสนามฟุตบอลเลี้ยวซ้ายไม่ถึง 500 เมตร สนามโกคาร์ท ศิลปะชัย
ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม ขวามือครับ
อัตราค่าเล่นโกคาร์ท 4 นาที 200 บาท ต่อคันครับ
4 นาทีได้กี่รอบ อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าขับช้าขับเร็วแค่ไหน แต่อย่างต่ำก็ประมาณ 5-6 รอบสนามครับ
เมื่อเวลาใกล้หมดจะมีเจ้าหน้าที่มาโบกธงตราหมากรุกให้เรานำรถเข้าไปจอดด้านใน
ยัง ยังไม่จบ มาต่อกันที่เพลาเพลิน หลายคนอาจแปลกใจ เพลาเพลินเค้ามีแต่ดอกไม้ สวนน้ำ
หรือผมจะพามาเล่นน้ำหรือเปล่า…
ไม่ใช่ครับ ที่เพลาเพลินเค้ามีกิจกรรม Adventure ให้เล่น ได้เหงื่อพอสมควร
ซื้อบัตรทางเข้าด้านหน้า 150 บาท บัตรนี้สามารถใช้เข้าชมสวนดอกไม้ได้ด้วยครับ
ส่วนกิจกรรม Adventure ที่ผมได้บอกไป ต้องเสียเงินเพิ่ม ถ้าเป็นบัตรเหมาจ่ายเล่นทุกอย่าง 200 บาท
ผมเลือกซื้อบัตรเป็นแบบเล่นทุกอย่างเลย เหมาเรียบ ^^
ที่เห็นตรงหน้าเลยคือกำแพงเมืองจีนจำลอง ยังครับผมยังเก็บแรงไว้ก่อน
ไปปีนตาข่ายเชือกใยแมงมุม เพื่อเดินข้ามสะพานตาข่ายเชื่อมระหว่างกำแพงเมืองจีนไปยังหอไอเฟล
ฐานต่อไป หอไอเฟลจำลอง
กิจกรรมเลื่อนข้ามน้ำ หรือ “จิ้งจอกเวหา” โดยใช้หอไอเฟลเป็นฐานสูง ติดตั้งสลิงพร้อมลูกปืน
เพื่อข้ามน้ำไปฝั่งตรงข้าม ความชัน 3 องศา มีระบบควบคุมความเร็วและฐานรับสลิงอย่างดี
ทาวเวอร์บริดจ์
ข้ามลำน้ำ ด้วยสะพานเชือก เป็นการฝึกการทรงตัวในที่แคบ หรือการเดินเพื่อลำเลียงสิ่งของ
ปีนกำแพงเมืองจีนจำลอง
ปีนกำแพงหน้าผา ซึ่งติดปุ่มหินเทียมสำหรับจับการปีน
ฐานนี้ผมไปได้ครึ่งทางเองครับ สำหรับผมที่ไม่เคยปีนหน้าผาจำลองมาก่อน ถือว่ายากพอสมควรเลย
และปิดท้ายด้วยการโรยตัวจากหอเอนปิซ่าจำลอง
โรยตัวทางดิ่งด้วยอุปกรณ์ที่ประกอบด้วยเชือกสำหรับสไลด์ลงจากที่สูง หมวกกันน็อค
และอุปกรณ์ต่อพ่วงระหว่างจุดต่างๆ โดยจะมีเจ้าหน้าที่แนะนำพร้อมทั้งทำให้ดูก่อนครับ ไม่ต้องกังวล ^^
จบแล้วสำหรับกิจกรรม Adventure ที่เพลาเพลิน ใครมีเวลาลองเดินเข้าไปดูสวนดอกไม้ของที่นี่ได้ครับ
เรียกได้ว่าจัดได้อลังการวังเว่อมากๆ แต่สำหรับผมตัวก่อน เพราะหมดแรงแล้วววว ><
ไหนๆก็มาสายกีฬากันถึงระดับนี้แล้ว คงต้องหาร้านอาหารเพื่อสุขภาพดูบ้าง
มาเจอร้านนี้เพราะมีพี่ที่โรงแรม Amari แนะนำมาว่าร้านนี้เป็นร้านอาหารคลีน
แต่ไม่ใช่คลีนแบบธรรมดาแน่ๆ เพราะร้านนี้เค้าทำอาหารให้นักกีฬาฟุตบอลด้วยนะ
Take Me Home แค่ชื่อร้านก็อยากนำกลับบ้านซะแล้วว ฮ่าๆๆๆ
เปิดเมนูด้วยน้ำชามะละกอ ผมไม่ได้พิมพ์ผิด เพราะนี่คือชามะละกอหอมๆจริงๆนะ
ทานคู่กับสลัดโรลกุ้ง เข้าคู่ดีที่สุด
เบาๆไปแล้วมาหนักๆบ้างกับเมนู สะเต๊กอกไก่ย่างจิ้มแจ่ว และข้าวอบธัญพืชปลาย่าง
อาหารคลีนไม่จำเป็นต้องจืดเสมอไป
อีก 2 เมนูรสแซ่บแต่ถูกหลักโภชนาการอย่าง ลาบทอด และกุ้งผัดต้มยำแห้ง
ท่องให้ขึ้นใจว่าตอนนี้เรามาร้านอาหารคลีนนะ ฮ่าๆๆ
ตามมาด้วยกับ น้ำตกคีนูว และยำเส้นแก้ว
ทานคาวแล้วต้องทานขนมหวาน อีกเมนูเด็ดขึ้นชื่อ อย่าง แพนเค้กไร้แป้ง!!!
ที่ส่วนผสมในนี้จะไม่มีแป้งเลยครับ ลองเดาดูมั้ยว่าทำจากอะไร ^^
สำหรับพิกัดร้าน ผมขอวางไว้ที่ลิ้งค์นี้นะครับ —> Take Me Home
เพียงแค่ไม่กี่ปีที่ผมมาบุรีรัมย์ล่าสุด ผมถึงกับอึ้งในความเปลี่ยนแปลงต่างๆ
แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีแทบทั้งสิ้น กีฬา ได้เข้ามาซึมซับในชีวิตประจำวัน
และในจิตวิญญาณของคนบุรีรัมย์มากขึ้นและมากขึ้น
จนแทบทุกคนหลงใหลในกีฬาแบบไม่รู้ตัว
ยิ่งทำให้จังหวัดนี้มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ในแบบที่ชาวบ้านมีความสุขไปกับกีฬาที่เค้าชื่นชอบ…
“บุรีรัมย์…เมืองแห่งกีฬาและความสุข”
และหากต้องการข้อมูลของบุรีรัมย์เพิ่มเติม
Qr code ของ App Go2Buriram และ Buriram Magic สามารถช่วยเพื่อนๆได้
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^