วิวมุมสูงคือของโปรดของนักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคน
คงเหมือนนกที่กำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้าและมองลงมาข้างล่าง
และมีหลายสถานที่ที่ทำให้คุณได้ลิ้มลองขึ้นไปบนฟ้าเพื่อมองลงมาเหมือนคุณเป็นนก
การขึ้นบอลลูนที่พุกาม / การขึ้นบอลลูนที่วังเวียง / การขึ้นบอลลูนที่คัปปาโดเกีย
ทั้ง 3 ที่ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปขึ้นบอลลูนกันมากที่สุด
แต่ถ้าคุณอยากได้ประสบการณ์ที่แปลกตา ได้เห็นภูมิประเทศแบบไม่เคยเจอมาก่อน
ชื่อของ Cappadocia จะเป็นลิสต์ชื่อแรกที่เหล่านักท่องเที่ยวเลือกมามากที่สุด…
“ถ้าครั้งหนึ่งคุณมีความฝันที่อยากจะบินได้เหมือนนก
การขึ้นบอลลูนที่นี่จะทำให้ความฝันของคุณเป็นจริง…Go Ahead Go Cappadocia”
สายการบิน Turkish Airlines
ทริปนี้ผมใช้บริการสายการบินประจำชาติตุรกีอย่าง Turkish Airlines บินตรงสู่ประเทศตุรกี
โดยเครื่องจะไปลงที่อิสตันบลู ขาไปเป็นเครื่องบินประเภท A330-300 โดยที่นั่งที่ผมได้เป็นชั้นธุรกิจ
และผมทำการต่อเที่ยวบินภายในประเทศต่ออีกเพื่อไปยัง Nevsehir
จุดเริ่มต้นของ Cappadocia (คัปปาโดเกีย)
เล้าจน์ของสายการบิน Turkish Airlines ที่สุวรรณภูมิใช้เล้าจน์เดียวกับของการบินไทย
lay out ที่นั่งของชั้นธุรกิจเที่ยวบินนี้เป็นแบบ 2-2-2 ปรับเอนนอนได้ 180 องศา
สิ่งอำนวยความสะดวกบนเครื่องมีให้ครบครัน มีกล่องเก็บของตรงปลายเท้า
ส่วนหน้าจอใช้วิธีบังคับจากรีโมทที่เป็นตัวควบคุมการทำงานทุกสิ่ง
พนักงานบริการบนเครื่องให้การต้อนรับอย่างดี สุภาพและเป็นกันเองสุดๆเลยครับ ^^
อาหารบนเครื่องเที่ยวบินระยะไกลนี้มี 2 มื้อ มีเมนูอาหารและเครื่องดื่มให้เราเลือกหลายชนิด
ทุกไฟลท์มีบริการฟรี Wi-Fi (สำหรับชั้นธุรกิจ) ให้ด้วย ไม่จำกัดเวลาในการใช้งานนะครับ
ประมาณ 10 ชั่วโมง เครื่องได้ลงจอดที่สนามบินอาตาตูร์ก ของเมืองอิสตันบลู ประเทศตุรกี
โปรแกรมวันนี้ผมมีไฟลท์บินต่อไปคัปปาโดเกีย ผมเลยมารอที่เล้าจน์ภายในประเทศของ Turkish Airlines
มีห้องอาบน้ำไว้ให้บริการด้วยนะครับ ^^
ตอนประกาศเรียกขึ้นเครื่อง สามารถเดินมาขึ้น Bus เพื่อไปส่งที่หน้าประตูเครื่องได้เลย
เพิ่มความสะดวกสบายได้อีกเพียบเลยครับ
Turkish Airlines ที่บินภายในประเทศมีอาหารว่างเป็นขนมปังและเครื่องดื่ม
ให้บริการบนเครื่องด้วยครับ
ประมาณ 1.30 ชม. เครื่องได้มาถึงสนามบิน Kapadokya เมือง Nevsehir ประเทศตุรกี
เป็นสนามบินเล็กๆออกมาด้านนอกจะพบกับ Taxi และรถ Shuttle เพื่อไปยังเมืองต่างๆ
เป้าหมายของผมที่ไปคราวนี้คือ Goreme ซึ่งนั่งรถ Shuttle จากสนามบินไปราคาคนละ 15 TRY
นั่งรถจาก Nevsehir มา Goreme ประมาณ 1 ชม. พอเริ่มเข้าสู่เขต Goreme
คุณจะรู้ทันที เพราะภูมิประเทศที่มีความแตกต่างอันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่อย่างชัดเจน
รถ Shuttle จากสนามบินจะมาส่งถึงหน้าที่พักเลยครับ
เพียงเราแจ้งว่าพักที่ไหน คนขับจะไปจอดถึงที่เลย
Star Cave Hotel คือ รร ที่ผมจองเข้าพักในครั้งนี้ ราคาคืนละ 40 EUR
ที่นี่เป็นโรงแรมที่นิยมอีกแห่งของคนไทยด้วยนะครับ ลักษณะที่พักเป็นแบบบ้านถ้ำ
คนที่นี่นิยมปลูกสร้างบ้านเรือนเป็นแบบนี้เกือบทั้งหมด
บริเวณที่รับประทานอาหารเช้าก็ให้บรรยากาศดี มองชมวิวไปทานอาหารไป ฟินเลย
Cappadocia หรือ คัปปาโดเกีย แปลว่าม้าอันสง่างาม ในภาษาเปอร์เซีย
เป็นพื้นที่ที่มีภูมิประเทศแปลกประหลาด อยู่ทางตอนกลางของประเทศตุรกี กินพื้นที่ของหลายเขต
อย่าง Nevsehir , Avanos , Goreme , Kayseri , Urgup และเขตอื่นอีก 7 เขต
แต่พื้นที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในเขต Nevsehir ซึ่งที่มาของดินแดนแห่งนี้ มีหลายข้อสันนิษฐาน
พอสรุปได้ว่า มีภูเขาไฟลูกหนึ่ง ชื่อ Erciyes เกิดระเบิดและมีลาวาออกมาปกคลุมพื้นที่โดบรอบ
อยู่นานเข้า พายุ แดด ลม ฝน ได้กัดกร่อนพื้นที่บริเวณดังกล่าวทีละเล็กทีละน้อย
จนกลายเป็นภูมิประเทศที่แปลกตา ดินบริเวณนี้มีจุดที่ไม่เหมือนใคร อยู่ 2 ประการ
ประการแรก คือ เป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ คนจากหลายที่เลยอพยพเข้ามาอยู่เป็นจำนวนมาก
และ ประการที่ 2 ดินบริเวณนี้ เป็นดินที่มีความนิ่ม จึงง่ายต่อการขุดเจาะ หรือแกะสลัก
โพรงถ้ำ บ้าน หรือวิหาร ดังนั้นจึงไม่แปลกที่สมัยอดีต คนบริเวณนี้นิยมสร้างบ้าน
โดยใช้วิธีการขุดเป็นถ้ำเข้าไปเป็นที่อยู่อาศัย
บริเวณตัวเมืองเขต Goreme มีร้านขายของฝากและร้านอาหารอร่อยๆตั้งอยู่หลายร้าน
เหล่านักท่องเที่ยวใช้พื้นที่แห่งนี้ในการเดินช้อปปิ้งและหาร้านอาหารนั่งทาน
เพื่อชมบรรยากาศตัวเมือง Goreme ยามค่ำคืน
Sunset Point ตั้งอยู่ด้านบนเนินเขาใช้เวลาเดินขึ้นไปถึงด้านบนประมาณ 15-20 นาที
ทางเดินขึ้นไปไม่ชันมาก เมื่อขึ้นไปแล้วจะได้เห็นมุมเทพๆแบบนี้ ^^
วันที่ผมขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกบริเวณจุดชมวิวแห่งนี้ ถึงแม้จะมีเมฆมาบดบัง
ความสวยงามทางธรรมชาติ แต่บรรยากาศโดยรวมแล้วที่นี่เป็นหนึ่งในวิวมุมสูง
ที่ไม่ควรพลาดที่จะมาเยือนโดยเด็ดขาด อีกทั้งบริเวณนี้เป็นจุดชมบอลลูนที่ลอยขึ้นเหนือฟากฟ้า
แห่งนี้ในยามเช้าด้วยครับ ^^
เช้าวันที่ผมตื่นเต้นที่สุด เรียกได้ว่าไฮไลท์ของทริปนี้เลยก็ว่าได้ ผมได้จองขึ้นบอลลูนชมวิวมุมสูง
ของคัปปาโดเกียผ่าน รร ที่พัก ซึ่งมีอยู่หลายเจ้าให้เลือก แต่ทาง รร ที่ผมพักเค้าแนะนำเจ้านี้มา
Turkiye Balloons ตกคนละ 130 EUR รวมอาหารเช้า รวมรถรับส่งที่พัก
ก่อนหน้าหลายวันที่ผมมาที่นี่ บอลลูนไม่สามารถลอยขึ้นบนฟ้าได้ เนื่องจากลมแรง
บอลลูนจะไม่ลอยขึ้นไปบนฟ้ามีอยู่ 2 เหตุผลหลักๆเลยคือ
1. ฝนตก
2. ลมแรง
ซึ่งถ้าเราชำระเงินไปแล้วแล้วเกิดบอลลูนไม่สามารถขึ้นได้ ทางบริษัททัวร์จะคืนเงินให้
หรือสามารถเลื่อนวันไปขึ้นวันอื่นแทน กรณีที่เราพักที่นี่มากกว่า 1 คืน
แต่ผมถือว่าโชคดี วันแรกก็ได้ขึ้นทันที ลุ้นอยู่ตั้งนาน
เมื่ออัดอากาศเข้าไปจนได้ที่แล้ว บอลลูนตั้งลำตรงเตรียมทะยานลอยขึ้นฟ้า
บอลลูนลำของผมบรรจุนักท่องเที่ยวทั้งหมด 16 คน แบ่งเป็น 4 กระเช้า กระเช้าละ 4 คน
และมีกัปตันคอยคุบบอลลูนตรงกลางอีก 1 คน
“Let’s Fly…”
ก่อนมาขึ้นผมยังรู้สึกเสียวๆหวาบหวิวบอกไม่ถูก ถึงแม้ไม่ใช่คนกลัวความสูงก็ตาม
แต่พอสิ้นเสียงกัปตันประกาศเอาบอลลูนขึ้นฟ้า เสียงชัตเตอร์ของเหล่านักท่องเที่ยวแต่ละคน
กดกันรัวๆ รวมถึงตัวผมด้วยเช่นกัน รู้ตัวอีกทีบอลลูนลอยขึ้นไปอยู่เหนือฟากฟ้าแล้ว
ความรู้สึกกลัว ความรู้สึกหวาบหวิว ถูกกลบด้วยความสุขไปหมดเลย
บอลลูนของแต่ละบริษัททัวร์ต่างก็เริ่มทะยานขึ้นฟ้า เวลาเริ่มประมาณ 7.00 ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
แต่บางแพ็คเกตจะใช้เวลา 1.30 ชม. ขึ้นอยู่กับว่านักท่องเที่ยวจะเลือกแพ็คเกตไหน
วิวมุมสูงที่สามารถมองเห็น Uchisar Castle ปราสาทที่มีรูปร่างคล้ายรังปลวก
อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของเมืองนี้
ไม่ต้องอธิบายอะไรให้ยืดเยื้อ ยิดยาว มาชมความฟินเหนือน่านฟ้า Cappadocia กันดีกว่า
กับ 12 รูปแบบ non-Stop ที่จะทำให้คุณหลงรักที่นี่แบบไม่รู้ตัว
ค่อยๆเลื่อนลงๆนะครับ จะได้ซึมซับความสุขไปพร้อมกับผม ^^
วิธีการบังคับบอลลูนของแต่ละบริษัทจะคล้ายๆกัน คือเมื่อลอยขึ้นไปบนฟ้าได้นานพอสมควร
จะผ่อนให้บอลลูนลงมาข้างล่างบ้าง แล้วก็ให้บอลลูนลอยขึ้นไปบนฟ้า สลับกันไปแบบนี้
เพื่อหลีกทางให้บอลลูนของบริษัทอื่นได้ขึ้นไปเชยชมความงามข้างบน
และเพื่อหลบกระแสของลมที่พัดมาเป็นระยะ
วันที่ผมขึ้นบอลลูนนี้ ถึงแม้จะไม่ได้เห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆจากบนฟ้า
แต่ผมก็ได้เห็นหมอกหนาๆที่ค่อยๆครอบคลุมคัปปาโดเกียเรื่อยๆ
เป็นภาพที่สวยงามและดูแปลกตามากเลยครับ
การขึ้นชมวิวมุมสูง Cappadocia ด้วยบอลลูน ถือเป็นเอกลักษณ์และไฮไลท์ของการมาเที่ยว
ถ้าคุณมา Cappadocia แล้วไม่ได้ขึ้นบอลลูน เหมือนคุณมาไม่ถึงจริงๆ
ส่วนอุบัติเหตุบนฟากฟ้าที่หลายคนกลัว จากสถิติที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุบอลลูนตก
คิดเป็น 0.1% ของทั้งหมดที่เคยขึ้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก เพราะกัปตันทุกคนล้วนมีประสบการณ์
มีความชำนาญในการพานักท่องเที่ยวขึ้นไปชมความงามบนท้องฟ้า
ถ้าถามผมว่าคุ้มมั้ยกับเงินค่าขึ้นคนละ 130 EUR โดยเสียเวลาข้างบน 1 ชม.
ผมตอบได้เลยว่า “คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม” เลยครับ ^^
ความแตกต่างของบริษัททัวร์ที่นอกเหนือจากชื่อเสียงและบริการแล้ว
อีกสิ่งหนึ่งคือการนำบอลลูนลง วิธีการนำบอลลูนลงคือจะมีทีมงานของบริษัททัวร์
นำรถกระบะมาต่อท้ายพ่วง แล้วใช้วิทยุสื่อสารคุยกับกัปตันบนบอลลูน
ในเรื่องของพิกัด ตำแหน่งที่จะนำบอลลูนลง และที่สำคัญความนุ่มนวล
การนำบอลลูนลงพื้นได้อย่างปลอดภัย ไม่กระแทก
จะได้รับเสียงปรบมือของเหล่านักท่องเที่ยวที่ไว้ใจกัปตัน ^^
ตามธรรมเนียมของผู้ชนะ จะมีการฉลองแชมเปญ
และมอบประกาศนียบัตรให้กับทุกคน ถือเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติมายาวนาน
เอ้า!!! ฉลองงงงงกับความสุขเหนือน่านฟ้าครั้งนี้ด้วยกัน ^^
แล้วก็ต้องไม่พลาดกับการเซลฟี่บนบอลลูนที่กำลังลอยอยู่บนฟ้าด้วยนะครับ ^^
หลังจากนั้นรถมาส่ง รร ที่พัก โปรแกรมต่อไปคือเที่ยวสถานที่ต่างๆใน Goreme
วิธีที่สะดวกสบายที่สุดคือซื้อทัวร์ในแต่ละเส้นทาง ซึ่งมีทั้งหมด 3 เส้นทางด้วยกัน คือ
Green Program Tour : Goreme Panorama , Derinkuyu Underground City ,
Selime Rock Monastery , Ihlara Valley
Red Program Tour : Goreme Open Air Museum , Uchisar Castle Tour ,
Avanos Tour and Potterys , Pasabag Tour , Rose Valley ,
Devrent Valey , Ürgüp
Blue Program Tour : Soganli Valley , Mustafa Pasa(Old Greek Village) ,
Cemil Village , Keslik Monastery
ผมเลือกซื้อ Green Program Tour จากทาง รร ราคาคนละ 120 TRY
รวมรถรับส่งจากที่พัก รวมอาหารกลางวัน รถจะมารับประมาณ 9.00 ครับ
จุดแรกที่พาไปชมคือ Goreme Panorama View เป็นจุดชมวิวที่มองได้ทั่ว
คุณจะได้เห็นภูมิประเทศที่แปลกตา ที่มองแล้วจะไม่คิดว่ามีที่แบบนี้อยู่จริงบนโลกใบนี้
สถานที่ต่อมาคือ Derinkuyu Underground City หรือ เมืองใต้ดินเดอรินคุยู
เรื่องราว เริ่มเมื่อ 2000 ปี ที่แล้ว ชาวคริสต์หลบหนีพวกโรมันที่คอยตามฆ่าผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์
โดยขุดพื้นดินลงไปใต้บาดาล ลึกลงเทียบได้กับตึกเป็น 10 ชั้น เพื่อรักษาชีวิตตนให้รอด
เป็นสถานที่สุดมหัศจรรย์ เพราะ คนสมัยนั้นสามารถสร้างเมืองใต้ดินที่มีทุกสิ่งทุกอย่าง
เช่น ห้องอาหาร โรงเรียน ห้องนอน โรงพยาบาล ได้ถึงขนาดนี้
ซึ่งปัจจุบันค้นพบเมืองใต้ดิน ลักษณะนี้ ถึง 40 แห่ง ในบริเวณโดยรอบ
แต่เมืองที่ได้รับความนิยมอย่างสูงคงนี้ไม่พ้น Derinkuyu ที่อยู่ในโปรแกรมของเรา
ถือเป็นเมืองใต้ดินที่ลึกที่สุด ใน 40 เมือง ที่ขุดพบ ที่นี่ถูกยกให้เป็นเมืองมรดกโลกด้วยครับ
มาต่อกันที่สถานที่ถัดไป Selime Rock Monastery เป็นเหมือนสำนักนักบวช
ที่ขุดเจาะหินเข้าไปเป็นโบสถ์ เป็นวิหาร เป็นโรงเรียน และ ห้องต่างๆ มากมาย
ซึ่งสำนักแห่งนี้ นักบวชชาวคริสต์ทำขึ้นมาตั้งเเต่สมัยศตวรรษที่ 13
บริเวณรอบข้างจะพบเห็นหินรูปทรงแปลกตาอยู่ตลอดทาง
ที่นี่ถูกสร้างมาเป็นห้องๆ แต่ละห้องจะมีการใช้งานที่แตกต่างกัน
เป็นทั้งโบสถ์ ห้องครัว โรงเรียน เป็นต้น
หลังจากทานข้าวเที่ยวเรียบร้อย จุดสุดท้ายของ Green Program Tour คือ Ihlara Valley
คือหุบเขา หรือ แคนย่อนขนาดใหญ่ ที่เบื้องล่างเป็นธารน้ำที่มีความยาวหลายกิโลเมตร
ในสมัยก่อนพื้นที่แห่งนี้ เป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีชาวบ้านอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ทั้งที่อยู่ตรงตีนเขา และ ตามหน้าผา หากดูตามแผนที่แล้ว หุบเขาแห่งนี้จะแบ่งเป็น 4 โซน ได้แก่
Ihlara Village / Ohlara Valley / Belisirma / Selime
ความยาวจากโซนที่ 1 ไปหา โซนสุดท้าย มีความยาว ถึง 16 กิโลเมตร
Trekking เบาๆแค่โซนแรกพอ ประมาณ 1 ชม. เป็นทางราบ
เดินเลียบลำธารชมภาพเขียนสีตามผนัง ชมธรรมชาติทั่วไป
ก่อนกลับเข้าที่พัก ไกด์ประจำรถ ได้พาไปชมวิวอีกแห่งหนึ่ง
บริเวณนี้เรียกว่า Pigeon Valley แถมยังได้เห็นวิว Uchisar Castle ใกล้ๆจากตรงนี้ด้วย
เต็มอิ่มกับ Green Program แล้วแยกย้ายกลับที่พัก ถือเป็นโปรแกรมเที่ยวที่ไม่หนักเกินไป
แต่ละสถานที่มีความสวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และราคาไม่แพงอีกด้วย
ถ้าให้ไปเองโดยไม่ซื้อทัวร์ จะเดินทางไปคงยากพอสมควร
ผมว่าคุ้มแล้วครับกับการเที่ยวโดยซื้อ Program Tour ตามที่เราต้องการไป
เช้าวันก่อนกลับ Istanbul ผมมาหามุมถ่ายรูปที่สามารถมองเห็นบอลลูน
ที่กำลังลอยขึ้นไปบนฟากฟ้า ซึ่งจุดที่มองเห็นได้รอบด้านคือที่ Sunset Point
จุดที่ชมได้ทั้งบอลลูนลอยขึ้นตอนเช้า ชมพระอาทิตย์ตก และชมวิวเมือง Goreme
บอลลูนหลายลูกต่างทะยอยลอยขึ้นไปบนฟ้าในเช้านี้
ถือเป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลท์ของ Cappadocia เลยก็ว่าได้
กับวิวมุมสูงที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาถ่ายรูปในบริเวณนี้
หลายคนดั้นด้นมาตุรกีก็เพื่อชมความงามที่แปลกตาของ Cappadocia
และผมเองก็ได้มาเห็นกับตา จนแทบไม่อยากเชื่อว่ามีพื้นที่แบบนี้จริงบนโลกใบนี้
“บ๊ายบาย…บอลลูน”
จากที่พักมาสนามบินผมให้ทาง รร จองและเรียกรถให้ ตกคนละ 25 TRY
เมื่อรถมาส่งที่สนามบิน สามารถเข้าไปเช็คอินที่เค้าเตอร์ Turkish Airlines ได้เลย
เพื่อเตรียมตัวเดินทางไป Istanbul กันต่อ ^^
บริการอาหารบนเครื่องเป็นขนมปังกับเครื่องดื่ม กับเวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.
Istanbul รอแปปนึงนะ เราใกล้ได้เจอกันแล้ว ^^
Cappadocia หรือ คัปปาโดเกีย เมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เป็นเมืองที่มีภูมิประเทศที่แปลกตา
เป็นเมืองที่มีเสน่ห์สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
ทั้งหมดคือสิ่งที่ Cappadocia มีอยู่บนความสวยงามของตัวมันเอง
ขอขอบคุณสายการบิน Turkish Airlines ที่สนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้
ขอบคุณชาวตุรกีทุกคน ผู้คนที่นี่น่ารัก ยิ้มแย้มช่วยเหลือตลอดเวลา
“ถ้าครั้งหนึ่งคุณมีความฝันที่อยากจะบินได้เหมือนนก
การขึ้นบอลลูนที่นี่จะทำให้ความฝันนั้นของคุณเป็นจริง”
ตอนต่อไปผมจะพาไปเที่ยวเมือง Istanbul (อิสตันบลู)
ถึงแม้ความสวยงามทางธรรมชาติจะสู้ที่ Cappadocia ไม่ได้
แต่ถ้าได้ลองไปแล้วคุณจะตกหลุมรักกับเมืองสองทวีปนี้ ^^
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^
