จะว่าไปแล้ว ประเทศที่คนไทยนิยมเดินทางไปเที่ยวมากที่สุด
คงหนีไม่พ้น ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเดี๋ยวนี้ไปเองง่าย มีข้อมูลตามเน็ทมากมายให้ค้นหา
แถมยังฟรีวีซ่าให้เหล่านักท่องเที่ยวไทยเราได้ช้อปกันเพลิน
ซึ่งญี่ปุ่นเองก็มีฤดูกาลให้เที่ยวหลากหลายฤดู ทั้งหิมะ ซากุระบาน หรือใบไม้เปลี่ยนสี
แต่ละช่วงล้วนมีเสน่ห์ในตัวเอง แต่ละเมืองล้วนมีความเป็นเอกลักษณ์ประจำเมือง
แต่วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆไปอัพเดทเทรนด์กันที่ห้องครัวของญี่ปุ่น โอซาก้า เมืองที่ได้ชื่อว่าของกินหลากหลาย
รวมถึงเกียวโต เมืองโบราณเก่าแก่ที่อยู่ใกล้โอซาก้า ที่มีศิลปะและธรรมชาติอันงดงาม
พร้อมแล้วเก็บกระเป่า ออกเดินทางไปตามเทรนด์ด้วยกัน…
“10 Trend Don’t Miss…Kyoto-Osaka”
เตรียมตัวก่อนเดินทาง
การเดินทางครั้งนี้ผมใช้บริการสายการบินไทย Thai Airways สายการบินประจำชาติของเรา ^^
บินไปยังโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีบินทุกวัน วันละ 2 เที่ยวบิน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5.30 ชม.
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ Row C มีให้บริการหลายช่อง ค่อนข้างรวดเร็วในการเช็คอินและโหลดสัมภาระ
สำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัดที่ไม่ได้ถือบัตรพิเศษอะไรเพิ่ม จะได้น้ำหนักสัมภาระคนละ 30 กก.
http://www.thaiairways.com/th_TH/index.page
ช่วงวาเลนไทน์นี้ทางสายการบินไทยก็ออกโปรโมชั่นแรงๆเอาใจขาเที่ยวแต่เที่ยวเป็นคู่
*** โปรโมชั่นต้อนรับวาเลนไทน์ ❤️?? ***
การบินไทยนำเสนอบัตรโดยสารราคาพิเศษควงแขนแฟนเที่ยว
บินเป็นคู่ต้อนรับเทศกาลแห่งความรัก Happy in Love เดินทางพร้อมกันตลอดเส้นทางทั้งไปและกลับ
ต้อนรับเทศกาลแห่งความรัก สามารถออกบัตรโดยสาร ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560
และออกเดินทางตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2560
โดยมีเงื่อนไขและข้อจำกัดของบัตรโดยสารซึ่งท่านสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thaiairways.com
เที่ยวบินในประเทศ
http://www.thaiairways.com/th_TH/plan_my_trip/Special_fare/Offers_Booking/happy_for2_dom.page
เที่ยวบินระหว่างประเทศ
http://www.thaiairways.com/th_TH/plan_my_trip/Special_fare/Offers_Booking/happy_for2.page
ได้ Boarding Pass มาก็พร้อมลุยกันเลยครับ ^^
สำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัดจะไม่สามารถเข้าเล้าจน์ของการบินไทยได้
นอกจากมีบัตรเครดิตพิเศษเพิ่ม แต่ถ้าใครมีบัตร King Power
สามารถไปใช้บริการรอเครื่องออกไปพลางๆได้ก่อนครับ
เมื่อขึ้นเครื่องมาแล้ว ทุกที่นั่งมีหน้าจอสำหรับ Entertain ต่างๆ เช่น
ดูหนัง ฟังเพลง ดูซีรี่ย์ ดูรายละเอียดไฟลท์บิน
มีผ้าห่ม หูฟัง มาให้พร้อม หลับซักงีบเผลอแปปเดียว 5.30 ชม. ตื่นขึ้นมาถึงที่หมายช่างรวดเร็วจริงๆ
บนเครื่องจะเสิร์ฟอาหาร 1 มื้อ ก่อนเครื่องลงจอดที่สนามบิน ซึ่งจะเป็นเมนูอาหารเช้าพอดี
ถ้าเราเลือกออกเดินทางตอนกลางคืนจากประเทศไทย
หน้าตาเมนูอาหารบนเครื่องเดินทาง 2 คน เลยเลือกสั่งไม่เหมือนกันจะได้ลองชิมทั้ง 2 อย่าง ^^
เมนูบนเครื่องขากลับก็เช่นเดียวกัน ที่ผมชอบเลยก็คือข้าวต้มกุ้ง ที่ให้กุ้งมาหลายตัว
ทานข้าวต้มกุ้งบนเครื่องบินตอนเช้าก่อนเครื่องลงจอด ฟินนักแล ^^
ขากลับผมลองเช็คอิน Online ผ่าน Mobile App ของการบินไทย
ซึ่งมีหน้าจอการใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก และเพิ่มความสะดวกในการจัดการ Booking ได้ดี
แถมไม่ต้องไปเสียเวลาเช็คอินหน้าเค้าเตอร์ให้รอนานๆอีกด้วย ^^
ยุคสมัยนี้ไปต่างประเทศแทบไม่ต้องเปิดโรมมิ่งให้มีค่าใช้จ่ายแพง
เพราะการสื่อสารทุกอย่างจะไม่สะดุดถ้าเกิดมี Pocket-Wifi
ผมใช้บริการของ Tripizee ซึ่งมีค่าบริการที่วันละ 100 บาท เท่านั้น ไปหลายคนก็หารกัน
เพราะสามารถเชื่อมต่อได้สูงสุด 4 เครื่อง แถมแบตเตอรี่นั้นอึด ทน ชาร์ตทีเดียว ใช้ได้เต็มวันเลย
https://www.tripizee.com/th
อีกหนึ่ง Pass การเดินทางของโอซาก้าที่ใครๆก็รู้จัก นั่นก็คือ Osaka Amazing Pass
สามารถซื้อจากที่ไทย หรือไปซื้อที่เค้าเตอร์สนามบินเมื่อไปถึง
เจ้าบัตรนี้มีความพิเศษหลายอย่าง ทั้งรถไฟใต้ดินที่ครอบคลุม
รวมไปถึงค่าเข้าสถานที่เที่ยวต่างๆในโอซาก้ายังฟรีอีกหลายแห่งด้วย
ส่วนลดร้านค้า ร้านอาหาร ก็มากมาย พูดง่ายๆว่ามีใบนี้ใช้แล้วคุ้มจริงๆ
http://www.osaka-info.jp/osp/en/index.html
เมื่อเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว ก็ออกเดินทางสู่
“ห้องครัวของญี่ปุ่นโอซาก้า รวมถึงเมืองโบราณเกียวโตกันเลย…Let’s Go”
เข้าสู่เนื้อหากันแล้ว 10 เทรนด์ที่ห้ามพลาดของเกียวโต โอซาก้ามีอะไรบ้าง ตามไปชมกันครับ
1 – ชมปราสาทยุคเก่า Osaka Castle
ปราสาทโอซาก้า เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญตั้งแต่ยุคโบราณของเมืองโอซาก้า
ถูกสร้างขึ้นในปี 1583 แทนที่วัดอิชิยาม่า ฮอนกันจิ (Ishiyama Honganji Temple)
ซึ่งได้ถูกทำลายประมาณ 30 ปีก่อนที่จะสร้างปราสาทโอซาก้า
ตัวปราสาทถูกล้อมรอบด้วยกำแพงหินคอนกรีต , คูน้ำ และสวนนิชิโนมารุ (Nishinomaru Garden)
หอคอยปราสาทจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 8 ชั้น
ปัจจุบันมีการสร้างลิฟท์เพื่อให้สามารถขึ้นไปชมปราสาทและพิพิธภัณฑ์ด้านบนได้ง่ายขึ้น
ถ้ามีบัตร Osaka Amazing Pass เข้าชมฟรีนะครับ ^^
วิธีการเดินทาง : รถไฟใต้ดินสถานี Tanimachi 4-chrome เดิน 10 นาที
ด้านข้างปราสาทโอซาก้า มีต้นแปะก๊วยบานสะพรั่ง ถ้าใครมาในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
แถบนี้จะเต็มไปด้วยสีเหลืองอร่าม ทั้งบนต้นและตามพื้น แต่ถ้ามาในช่วงซากุระ
ที่นี่คือจุดเช็คอินยอดฮิตเลยทีเดียว ^^
2 – ขึ้นยอดตึกยุคใหม่ Umeda Sky Building
Umeda Sky Building เป็นสถาปัตยกรรมอาคารสูงที่งดงามในย่านคิตะของโอซาก้า
ตั้งอยู่ใกล้ Umeda Station หรือรู้จักกันในชื่อ New Umeda City
ตึกแห่งนี้มีความสูงถึง 173 เมตร ประกอบด้วยสองอาคารหลัก
และมีสวนลอยอยู่บนชั้นที่ 39 เป็นจุดชมวิวที่จะได้เห็นทัศนียภาพของเมืองโอซาก้าทั้งหมด
ถ้ามีบัตร Osaka Amazing Pass ขึ้นฟรีนะครับ ^^
วิธีการเดินทาง : รถไฟใต้ดินสถานี Umeda เดิน 10-15 นาที
ความสวยงามไม่ได้อยู่แค่บนยอดตึก แต่อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจของตึกนี้คือชั้นใต้ดิน
ที่ตกแต่งเป็นยุคโบราณ มีร้านอาหารมากมาย และห้ามพลาดกับร้านพิซซ่าญี่ปุ่น หรือ โอโคโนะมิยากิ
ที่มีคนต่อแถวเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเมนูร้านนี้อินดี้ มีแต่ภาษาญี่ปุ่นอีกด้วย ใครอยากลิ้มลอง
แนะนำว่าให้หาศัพท์เฉพาะ หรือรูปไปประกอบการสั่ง ภายในร้านจะจุคนได้ไม่มากจากการประเมินทางสายตา
ผมคาดว่าต่อรอบจุคนได้ประมาณ 20 คน ถ้าได้มาเที่ยวตึกนี้แล้วอย่าลืม
แวะมาชิมโอโคโนะมิยากิ ร้านนี้ด้วยนะครับ…Kiji
3 – ชิมปลาสดๆที่ตลาด Kuromon Ichiba
Kuromon Ichiba ตลาดสดที่จำหน่ายผัก ผลไม้ อาหารสดมากมาย
มีร้านอาหาร อยู่รวมๆ กันให้เราเลือกชิมเลือกช้อปปิ้งกันตามอัธยาศัย
มีประวัติยาวนานถึง 190 ปี และได้รับสมญานามว่าเป็น “ครัวแห่งโอซาก้า”
ร้านค้าส่วนใหญ่จะเปิดประมาณ 09.00-18.00 น.
นักท่อเที่ยวหลายคนนิยมไปตลาดปลา เพื่อไปทานซูชิร้านดัง
แต่ถ้าไม่อยากรอคิวนานๆ รวมถึงได้บรรยากาศซื้อของในตลาดสด
เลือกของสดมาทาน คงต้องเป็นตลาดสดที่นี่ แต่ละร้านมีของสดมากมาย
อยากทานร้านไหน จิ้มๆชี้ๆ และจะหั่นกันสดๆมาเสิร์ฟที่โต๊ะภายในร้าน
บอกเลยว่าของสดๆ อร่ยๆ ราคาไม่แพงต้องที่นี่เลยครับ
วิธีการเดินทาง : รถไฟใต้ดินสถานี Nipponbashi เดิน 5 นาที
4 – เยี่ยม Harry Potter ที่ Universal Studios Japan (USJ)
ใครว่าสวนสนุกจะเหมาะแค่กับเด็ก เมื่อก่อนผมเคยคิดแบบนั้น แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่
Universal Studios Japan สวนสนุกที่ไม่ได้สนุกแค่เด็ก แต่ผู้ใหญ่อย่างเรากับสนุกยิ่งกว่า
ปีนี้ครบรอบ 15 ปีของการก่อตั้ง USJ จัดธีมของเล่น ตัวการ์ตูนมาต้อนรับนักท่องเที่ยวเพียบ
ถ้าอยากสนุกให้เต็มที่ ผมมีข้อแนะนำมาให้
1. ควรมาเที่ยววันธรรมดา หรือถ้าให้ดี วันอังคาร , วันพุธ หรือ วันพฤหัสบดี จะดีมาก
2. ควรซื้อตั๋วเข้า USJ ล่วงหน้า ผ่าน Agency หรือผ่านหน้าเว็บ (แต่ต้องเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)
https://www.usj.co.jp/e/ticket/index.html
3. เพิ่มความสะดวกสบายให้ได้เล่นเครื่องเล่นครบควรซื้อบัตร Express เพิ่ม
เพียงเท่านี้คุณก็จะฟินได้ตั้งแต่ USJ เปิดยันปิด เต็มที่กันเลย ^^
วิธีเดินทาง : รถไฟมาลงที่สถานี Universal-City
เครื่องเล่นมีตั้งแต่ Basic ยัน Advance แต่ในเมื่อได้เข้ามาแล้ว เวลาเหลือเยอะ ก็จัดไปให้ครบ
สำหรับผมนี่ Basic ครบครับ ขาดแต่ Advance 555+ ไล่มาตั้งแต่
โชว์ Sesame Street , Terminator , Spider-Man , JAWS , Jurassic Park ,
The Flying Dinosaur , Backdrop และ Harry Potter
โซนที่ล้น โซนที่คนแย่งเข้ามากที่สุดคือ โซน Harry Potter
ผมโชคดีที่วันที่ผมไปไม่ต้องรอรับคิวเข้าด้านหน้า สามารถเดินเข้าไปด้านในได้เลย
แล้วค่อยเล่นเครื่องเล่นให้ตรงกับเวลาที่จองมาล่วงหน้าผ่านบัตร Express
ปราสาทฮอกวอตส์ จุดเด่นของโซนเครื่องเล่นแฮร์รี่ ที่ด้านในของปราสาทมีเครื่องเล่นอีกหนึ่งอย่าง
ผจญภัยในรูปแบบ 3D ให้ความตื่นเต้นสุดๆ ถ้าใครมีบัตร Express 7 หรือ 4 ก็สามารถเข้าไปได้โลด
โดยไม่ต้องต่อคิวยาวเป็นหางว่าว ช่วงที่ผมไปก็ต่อคิวประมาณ 2 ชม.
และถ้าใครเหนื่อยกับเครื่องเล่นแล้วอย่าลืมลองบัตเตอร์เบียร์
สี กลิ่น รส มันใช่ แต่นี่ไม่ใช่เบียร์จริงๆนะครับ เด็กทานได้ไม่เมา ^^
ช่วงธันวาคมที่ผ่านมาโซนแฮร์รี่ได้มีการทำธีมต้อนรับคริสต์มาสต์
ให้ผู้คนที่เข้ามาโซนนี้มีกิจกรรมอย่างอื่นให้เล่น นอกเหนือจากเครื่องเล่น 2 อย่างในโซนแฮร์รี่
ก็คือไม้กายสิทธิ์ประจำตัวของนักเรียนแต่ละคน จะมีจุดให้ลองเสกคาถาวาดลวดลายของไม้ 5 จุด
ไปตามรูปร่างที่กำหนดแล้วแต่ละจุดก็จะมีความมหัศจรรย์ซ่อนอยู่
ปุ้ง!!! วิงกาเดียม เลวิโอซ่า ลอยขึ้นมาในบัดดล ^^
ปิดท้ายค่ำคืนที่ USJ ด้วยการแสดงแสงสี เปิดไฟประดับต้นคริสมาสต์ที่ตั้งตระหง่านกลาง USJ
5 – พักหรูพร้อมแช่ออนเซ็นแบบฟินๆที่เรียวกัง
หลายคนบอกว่าไปญี่ปุ่นต้องพักเรียวกังซักคืน แต่จะหาเรียวกังดีๆ ราคาพอประมาณ
มีออนเซ็นแช่ วิวสวยๆ และได้บรรยากาศแบบญี่ปุ่น รวมถึงอยู่ไม่ไกลจากโอซาก้าด้วย
Fushioukaku Ryokan คือคำตอบสุดท้ายของผม (ราคาคืนละประมาณ 10,000 บาท/ห้อง)
http://www.fushioukaku.co.jp/th/
ในโอซาก้าจะหาเรียวกังสวย บรรยากาศดี ฟินๆคงยาก แต่ถ้าไปเกียวโตล่ะ พรึบ!!! แน่นอน
แต่ที่นี่เป็นคำตอบของเรียวกังที่อยู่ใกล้เมืองโอซาก้า เดินทางมาสะดวก
ห่างจากสถานี Umeda เพียง 30 นาที และห้องที่ผมพักมีบ่อออนเซ็นส่วนตัวกลางแจ้งอีกด้วย
วิธีเดินทาง : รถไฟจากสถานี Umeda มาลงที่สถานี Ikeda แล้วต่อฟรีชัตเติ้ลบัสของโรงแรม
จะจองผ่านเว็บไซท์ของเรียวกังเลย หรือจองผ่านตัวแทนอย่าง Japanican ก็มีให้เลือกเช่นกัน
ผมเลือกแพ็คเก็ตเข้าพักเป็นที่พัก 1 คืน พร้อมอาหาร 2 มื้อ (มื้อค่ำ , มื้อเช้า)
บรรยากาศห้องอาหาร วิวดีสุดๆ มีความเป็นส่วนตัว อาหารก็รสชาติอร่อย
ว่ามื้อค่ำเยอะแล้ว เจอบุฟเฟ่ต์มื้อเช้าเข้าไปนี่อึ้งเลยครับ เยอะและเต็มไปด้วยคุณภาพจริงๆ
วิวใบไม้เปลี่ยนสี ที่มองจากห้องพักออกมาก็สดชื่นแบบนี้เลย ^^
6 – ชมใบไม้เปลี่ยนสีสุดสวยเกียวโต
เกียวโต ถือเป็นเมืองเก่าเมือแก่ของญี่ปุ่น ทั้งวัฒนธรรม ศิลปะ ขนบธรรมเนียมต่างๆที่ยังคงดำรงไว้
หวนให้นึกถึงญี่ปุ่นสมัยโบราณ ถ้าเปรียบกับของไทย อารมณ์ประมาณ อยุธยาเมืองเก่าของเรา
มาเกียวโต มาทำอะไร ชาเขียวเกียวโต บ้านเมืองเก่าๆที่หาไม่ได้ในโอซาก้า หรืออย่างช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
ที่เกียวโตถือว่าเป็นสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
ผมขอแนะนำ 2 วัด ที่สีสันสวยงาม มีสวนสวยๆให้เดินเล่นชมใบไม้เปลี่ยนสี
Eikando Temple หรือวัดเซ็นรินจิ เป็นวัดของพุทธศาสนานิกายโจโด
วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงในการชมใบไม้แดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
อาคารหลักของวัดสร้างขึ้นบนเนินเขา และมีทางเดินไม้เชื่อมต่อกับอาคารอื่นๆ
อาคารแรกที่จะพบเมื่อเดินเข้ามาภายในบริเวณวัดคือห้องโถง Shakado
บนบานประตูเป็นภาพวาดสวนหินที่สวยงาม ถัดมาเป็นห้องโถง Miedo เป็นที่ประดิษฐานของท่าน Honen
ต่อมาเป็นห้องโถง Amidado ที่ประดิษฐานพระพุทธรูป
นอกจากนี้ยังมีสวนโฮโจที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม มีทั้งลำธารเล็กๆ บ่อน้ำ และสะพานเชื่อมต่อ
กับส่วนที่เป็นอาคาร มีความสวยงามที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จัดแสดงไฟในตอนกลางคืน
วิธีเดินทาง : รถบัสในเกียวโต (สาย 5) ป้ายรถบัส
Nanzenji-Eikando-michi
เดิน 5 นาที
ทางเดินระหว่างวัดเออิคันโดะไปวัดเงิน จะผ่านถนนสายนักปราชญ์
ถนนสายนี้ขึ้นชื่อเรื่องการเดินชมซากุระ แต่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็มีพีคๆให้เห็นตามจุดต่างๆเช่นกัน
Kitano-Tenmagu Shrine ป็นหนึ่งในสองของศาลเจ้าเทนมากุที่สำคัญที่สุดในญี่ปุ่น
โดยผู้คนเชื่อกันว่าจะช่วยเรื่องความสำเร็จทางการเรียนและการทำงาน
บริเวณข้างวัดจะมีสวนย่อมๆแต่เต็มไปด้วยคุณภาพหลากสีของใบไม้เปลี่ยนสี
โดยเสียค่าเข้าชมเพิ่มจากเข้าวัดอีกคนละ 500 เยน แต่จ่ายไปเถอะครับ
แลกกับความคุ้มที่เห็นใบไม้เปลี่ยนสีพีคๆแบบนี้ในสวนเล็กๆที่ไม่พลุกพล่าน
วิธีเดินทาง : รถบัสในเกียวโต (สาย 50 , 101) ป้ายรถบัส
Kitano Tenmangumae
เดิน 5 นาที
ช่วงที่ผมไป ผมว่าที่วัดนี้คือพีคสุดของใบไม้เปลี่ยนสีเลยก็ว่าได้
ถ้าใครมาตรงช่วงนี้ อย่าลืมแวะมาชมที่สวนของศาลเจ้าแห่งนี้กันนะครับ
รับรองว่าตาจะบอดสีไปชั่วขณะ ^^
7 – เยือนวัดเก่าย้อนยุค
อย่างที่กล่าวไปในตอนต้นว่าถ้าอยากมาเจอศิลปะ วัฒนธรรมเก่าๆที่ยังคงเหลืออยู่ในญี่ปุ่น
เกียวโตคือคำตอบสุดท้าย ที่นี่มีวัดเก่าย้อนยุคหลายวัด แต่วัดที่คนไทยนิยมไปเช็คอิน
ไปถ่ายรูป ไปเที่ยวกันมากๆคือ วัดทอง หรือ Kinkakuji Temple และ วัดน้ำใส Kiyomizu-dera
Kinkakuji Temple (วัดทอง) วัดนี้จะมีอาคารหลักเป็นสีทองเกือบทั้งหลังตั้งโดดเด่นอยู่กลางน้ำ
ทำให้เกิดเป็นเงาสะท้อนกับพื้นน้ำเบื้องหน้า จนเกิดเป็นภาพที่สวยงาม
วัดนี้มีโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่งดงาม โดยเฉพาะมุมด้านหน้าใกล้กับทางเข้าวัด
เป็นมุมที่มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจกันมากที่สุด อาคารเดิมของวัดนั้นถูกไฟไหม้มาหลายครั้งในอดีต
และได้มีการสร้างวัดนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี 1955 ซึ่งอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้
วิธีเดินทาง : รถบัสในเกียวโต (สาย 12 , 59) ป้ายรถบัส Kinkakuji-mae เดิน 3 นาที
Kiyomizu-dera (วัดน้ำใส) เป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น
มีน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากน้ำตกไหลผ่านทำให้เป็นที่มาของชื่อ
นอกจากนี้ยูเนสโกได้บันทึกให้วัดแห่งนี้ขึ้นเป็นมรดกโลกอีกด้วย
อาคารที่มีชื่อเสียงของวัดแห่งนี้ก็คืออาคารไม้ขนาดใหญ่
และโถงอาคารถูกสร้างให้ยื่นออกไปภายนอกทำให้บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม
นอกจากนี้อาคารไม้ของวัดสร้างขึ้นโดยไม่มีการใช้ตะปูตอกแม้แต่ตัวเดียวในการก่อสร้าง
วิธีเดินทาง : รถบัสในเกียวโต (สาย 100 , 206) ป้ายรถบัส Kiyomizu-michi เดิน 10-15 นาที
ช่วงเย็นพระอาทิตย์ตกก็สวยงามไปอีกแบบ
*** ตั้งแต่มกราคม 2017 จะมีการปิดซ่อมแซมในส่วนของอาคารหลัก จนถึงปี 2020 ***
8 – ชมป่าไผ่สูงชะลูด Arashiyama
คงจะแปลกไม่น้อย ถ้ามาเกียวโตแล้วไม่ได้แวะชมธรรมชาติแปลกตาอย่างป่าไผ่แห่งนี้
ทางเดินเล็กๆที่ตัดผ่านกลางสวนป่าไผ่ สามารถเดินเล่นซึ่งให้บรรยากาศที่แปลก
โดยเฉพาะถ้ามีลมพัดมาพร้อมกันก็จะเป็นเสียงกิ่งก้านของต้นไผ่กระทบกันไปมา
บริเวณใกล้ๆจะเป็นร้านขายของพื้นเมืองที่ทำมาจากต้นไผ่ เป็นร้านดั้งเดิมของคนท้องถิ่น
ช่วงเวลาที่แนะนำ ให้มาช่วงเช้าๆ เพราะคนจะไม่เยอะมาก และจะดีต่อภาพที่ได้อีกด้วย ^^
วิธีเดินทาง : รถไฟ JR Sagano Line สถานี Saga Arashiyama เดิน 10 นาที
9 – เล่นซ่อนหา ตามหาเสาแดงโทริอิพันต้น
ถ้าจะให้นับหรือเล่นซ่อนหาจำนวนเสาโทริอิแห่งนี้ ผมขอเวลาซัก 1 อาทิตย์
ด้วยความที่มหัศจรรย์ มีเสาโทริอิสีแดงเป็นพันเป็นหมื่นต้นอยู่บนภูเขาอินาริ
เสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขา
โดยเทพอินาริจะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพืชผลไร่นาต่างๆ
และมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย จึงสามารถพบเห็นรูปปั้นจิ้งจอกมากมายด้วยเช่นกัน
ศาลเจ้าแห่งนี้มีความเก่าแก่มากถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนสร้างเมืองเกียวโตซะอีก
วิธีเดินทาง : รถไฟ JR Nara Line สถานี Inari เดิน 5 นาที
10 – มาเกียวโตต้องกิโมโน
ชุดกิโมโน เป็นเหมือนชุดประจำชาติญี่ปุ่น ซึ่งจะมีผ้าหลายชิ้นรวมถึงขั้นตอนในการแต่งตัวที่ซับซ้อน
จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญช่วยแต่งให้ และถ้ามาเมืองเก่าอย่างเกียวโต สิ่งที่แนะนำและไม่อยากให้พลาดเลย
คือการแต่งชุดกิโมโน เดินถ่ายรูปเล่นในเกียวโต เมืองโบราณที่มีเสน่ห์แห่งนี้
จริงๆแล้วมีร้านเช่าชุดมากมาย แต่ที่ผมจะแนะนำนี้เป็นร้านที่จองผ่าน Online แล้วได้ราคาถูก
สามารถเลือกสาขา เลือกชุดหรือแบบ เลือกเวลาที่จะเข้าไปแต่งตัวล่วงหน้าได้
ทำให้เป็นการคอนเฟิร์มว่ามาแล้วไม่เสียเที่ยว มีชุดสวยๆใส่เดินเล่นชัวร์ แถมมีภาษาไทยด้วยนะ
https://kyotokimono-rental.com/th/
เมื่อทำการจองเสร็จเรียบร้อย ไปถึงร้านให้ตรงเวลา เพราะจะใช้เวลาแต่งตัวประมาณ 30 นาที
รวมทำผมระดับ Basic แต่ถ้าทำผมแบบ Advance ก็จะแพงขึ้นและใช้เวลานานกว่า
เพียงแค่ 30 นาที ทางร้านจะเนรมิตให้คุณเป็นสาวยุ่นได้แบบไม่เขอะเขิล
หรือจะแต่งเป็นคู่ชาย หญิง ทางร้านก็มีให้เลือกด้วยนะครับ ใครสนใจลองแวะไปชมกันได้ ^^ชุดกิโมโนในเมืองโบราณ ท่ามกลางธรรมชาติใบไม้เปลี่ยนสี หรือจะเป็นช่วงซากุระ
ก็เข้ากันหมดทุกเทศกาลทุกช่วงเวลาจริงๆ “มาเกียวโตต้องกิโมโน”
สำหรับผมแค่ 10 เทรนด์นี้ยังถือว่าน้อยไปใน 2 เมืองใหญ่อย่างเกียวโต โอซาก้า
แต่อย่างน้อย 10 เทรนด์นี้ทำให้ผมได้รับรู้ถึงวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น ในเรื่องการแต่งตัว
ในเรื่องการเข้าพักอาศัย ในเรื่องของศิลปะการรับประทานอาหาร
รวมถึงธรรมชาติอันสวยงามที่มองยังไงก็ไม่มีเบื่อในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
ญี่ปุ่น จึงเป็นคำตอบที่นักท่องเที่ยวไทยหลายคนยืนยันว่า…
“จะกลับไปซ้ำอีก (หลาย) รอบ”
แล้วเพื่อนๆล่ะครับมีตกเทรนด์ข้อไหนไปบ้างในรีวิวนี้ ???
ขอขอบคุณสายการบินไทย Thai Airways บินตรงจาก กทม. ไปยังเมืองต่างๆของญี่ปุ่น
และขอบคุณนางแบบในชุดกิโมโนด้วยครับ ^^
“10 Trend Don’t Miss…Kyoto-Osaka”
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^