(Bilingual Review)
หลายคนคงสงสัยเหมือนผมใช่มั้ยครับว่าทำไมเดี๋ยวนี้ถึงได้ยินคนไทยชอบไป โอกินาว่า กันนัก ทั้งที่เมืองในญี่ปุ่นก็มีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโตเกียว เกียวโต โอซาก้า ฮอกไกโด ฟุกุโอกะ และอีกหลายต่อหลายเมือง หากอยากรู้คำตอบให้คลายสงสัย คงต้องออกเดินทางไป #บันทึกเที่ยว พร้อมกับผมและชาวคณะกันก่อน แล้วคุณจะรู้ว่า ทำไมใครๆ ถึงอยากมากับ…“10 เหตุผลที่ต้องไปโดน โอกินาว่า (Okinawa) สักครั้ง”
Have you ever wonder why nowadays many of Thai tourists are dreaming to visit Okinawa even there are many interesting cities like Japan like Tokyo, Kyoto, Osaka, Hokkaido, Fukuoka and others. If you also curious about this, let start to pack your luggage and go with us, NEJUTRAVEL team, to find out the answer of this question together. Following are the “10 reasons why you have to go to Okinawa at least once in a lifetime”.
1. ไป โอกินาว่า ไปค้นหาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
โอกินาว่า เป็นจังหวัดที่อยู่ทางใต้สุดของประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วยหมู่เกาะริวกิวนับร้อยเกาะเรียงกันเป็นแนวยาวกว่าพันกิโลเมตร จนได้ชื่อว่าเป็นฮาวายแห่งญี่ปุ่น เกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดก็คือ โอกินาว่า ซึ่งมีเมืองนาฮาเป็นเมืองหลวง ในอดีตโอกินาว่าเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรริวกิวอันรุ่งเรือง และเป็นเมืองท่าที่สำคัญ ในสมัยก่อนอาณาจักรริวกิวเป็นรัฐบรรณาการต่อราชวงศ์หมิงแห่งจักรวรรดิจีน จึงได้รับวัฒนธรรมต่างๆ จากจีน ทั้งในเรื่องของภาษา รูปแบบของสถาปัตยกรรม ข้าวของเครื่องใช้ และอาหารการกิน ฯลฯ
1. Visit Okinawa to explore the history and culture
Okinawa, the most southern province of Japan, consists of hundreds of Ryukyu Islands over which more than thousand kilometers long. It is named as “Hawaii of Japan”. The largest island is Okinawa, its capital is Naha. In the past, Okinawa was the center of the prosperous Ryukyu Kingdom and being a significant port. Ryukyu kingdom was a tribute to the Ming Dynasty of the Chinese Empire so it gained many Chinese cultures including language, architecture style, appliances, and food etc.
สถานที่แรกที่เราจะไปค้นหาประวัติศาสตร์ของเกาะแห่งนี้ก็คือ ปราสาทชูริ (Shuri-jo) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเตี้ยๆ ล้อมรอบด้วยกำแพงหินโค้งแบบเปิดโล่ง ตัวปราสาทสีแดงสด สวยงาม โดดเด่นกว่าที่อื่นๆ เพราะได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน มีลายไม้แกะสลักรูปมังกรอยู่บนหน้าจั่วและหลังคา
The first place we will go to explore Okinawa’s history is Shuri-jo Castle. This castle is located on a low hill and surrounded by curved stone wall. The castle is red and more outstanding than others. Its style is influenced by China. There is carved dragon on the gable and roof.
พื้นที่ในบริเวณปราสาทชูริแบ่งเป็น 2 โซน คือ เขตพระราชฐานชั้นนอก ซึ่งประกอบด้วยสวนและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ภายในกำแพงหลัก สามารถเข้าชมฟรี
The area around Shuri castle is divided into two zones. The first zone is the outer royal court which consists of gardens and buildings located within the main walls. This zone is free of admission.
อีกโซนหนึ่งคือ เขตราชฐานชั้นใน ซึ่งเป็นบริเวณตัวปราสาท ประกอบด้วยอาคาร 3 หลัง ตั้งอยู่กลางลานกว้าง ต้องเสียค่าเข้าชม พระตำหนักตรงกลางเรียกว่า เซอิเดน สร้างด้วยไม้สูง 3 ชั้น ทาสีแดงสด ประดับด้วยรูปสลักมังกรสีทองสัญลักษณ์แทนองค์กษัตริย์ มุงหลังคากระเบื้องแบบจีน เป็นพระราชวังใหม่ที่สร้างขึ้นแทนพระราชวังที่ถูกไฟไหม้ในช่วงสงครามโลก
Another zone is the inner royal court which is the castle. There are 3 buildings in the middle of the courtyard. We have to pay admission to enter into this area. The middle palace is called Seiden. It is 3-tiered wood building painted in red and adorned with golden dragon statues which representing the king and covered by Chinese tiles. It is a new palace that was built instead of the old one that was burned during World War II.
ที่ด้านนอกมีจุดชมวิว สามารถเห็นตัวเมืองได้อย่างสวยงาม อีกจุดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว นั่นก็คือ ประตู Shureimon ซึ่งเป็นประตูไม้สีแดงที่ได้รับอิทธิพลมาจากซุ้มประตูของจีน ปราสาทแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อเดือนธันวาคม 2000 หากเที่ยวชมให้ครบทุกจุด คงต้องใช้เวลาพอสมควร ปราสาทแห่งนี้เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 8:30 – 19:00 น. ค่าเข้าชมคนละ 820 เยน
There is a scenic spot outside that we can see the city view beautifully. Another popular tourist attraction point is the Shureimon gate which is a red wooden gate that be influenced by the arch of China. This castle was registered as a World Heritage Site in December 2000. Visiting all points, you need to take a lot of time. The castle is open daily from 8:30 a.m. to 7:00 p.m. The entrance fee is 820 yen per person.
อีกสถานที่ ที่เราจะได้ศึกษาศิลปะและวัฒนธรรมนั่นก็คือ หมู่บ้านวัฒนธรรมริวกิว (Ryukyu Mura Village) ซึ่งจำลองบรรยากาศย้อนยุคที่เหมือนจริงและน่าสนใจ ในอดีตโอกินาว่าเคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรริวกิวอันเจริญรุ่งเรือง ซึ่งมีการติดต่อค้าขายรวมถึงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับหลายๆ ชาติ จึงรับเอาวัฒนธรรมจากชาติต่างๆ มาผสมผสาน เกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งทางด้านสถาปัตยกรรมที่ผสมระหว่างจีนและญี่ปุ่น เครื่องปั้นดินเผา การหล่อเครื่องแก้ว ศิลปะการทอและย้อมผ้า การร่ายรำ ฯลฯ
Another place where we can study art and culture of Okinawa is Ryukyu Mura Village. This village simulates a realistic and interesting atmosphere of ancient. In the past, Okinawa was the land of the thriving Ryukyu kingdom. There are a lot of trading here and also the culture exchange with other nations. It gains culture of other countries and combine to be a unique one mixing between Chinese and Japanese. It also has a unique earthenware, glass casting, weaving, dyeing, and dancing, etc.
เมื่อเดินเข้าไปส่วนแรกจะเป็น Theme Park ที่มีร้านค้า ร้านอาหาร และเวทีการแสดงเล็กๆ บริเวณนี้ไม่ต้องเสียค่าเข้า แต่หากจะเข้าชมด้านในต้องซื้อตั๋วที่เครื่องขายตั๋วอัตโนมัติที่ด้านนอกซะก่อน
Walking into the first section that is Theme Park, you will see a lot of shops, restaurants and also a small stage. You are able to enter this area for free. But if you are going to visit inside, you have to buy the tickets at the automatic ticket machine outside.
ภายในมีอาคารต่างๆ มากมาย อาคารแรกที่เห็นลักษณะเหมือนอาคารจีน ภายในมีเชือกยักษ์สำหรับใช้ในงาน Great Tug-of-War ซึ่งเป็นงานชักเย่อที่ใหญ่ที่สุดของโอกินาว่านั่นเอง เห็นแล้วบอกได้เลยว่ามันใหญ่มากจริงๆ ครับ
There are many buildings in this area. The first one we met looks like a Chinese building. Inside this building there is giant rope used in the Great Tug-of-War festival which is largest festival of Okinawa. Let’s see, it’s really big….wow!
ที่อาคารอื่น มีการแสดงการทอผ้า การทำบิงกาตะ (ลักษณะคล้ายผ้าบาติก) ทำขนม ฯลฯ บางอาคารเราสามารถเข้าร่วมทำ Workshop ได้ด้วย อาคารส่วนใหญ่ในนี้จะปูด้วยหลังคากระเบื้องแดง ซึ่งเป็นแบบดั้งเดิมของ โอกินาว่า และยังคงมีอยู่จริงตามแถบเกาะทาเคะโทมิด้วย
At other buildings, there are displays of weaving, making batik clothes, cooking etc. We can attend the workshops in some buildings. Most of buildings in this area are covered by red tiles which are the traditional style of Okinawa. Currently we can still see this style in Takeshi Island only.
ดาวเด่นของที่นี่คงหนีไม่พ้น คงเป็นเจ้ากระบือน้อยที่ไม่ค่อยมีให้เห็นในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นมุมที่นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกันอย่างไม่ขาดสาย
The inevitable star here is a little buffalo that is rarely seen in Japan. Here is the most popular that many tourists come to take photos.
ที่นี่เราจะได้เห็นรูปปั้นคล้ายสิงโตหรือกิเลนที่มีชื่อว่า Shisa ซึ่งเป็นรูปปั้นในตำนาน ในสมัยก่อนคนโอกินาว่าจะวางรูปปั้น Shisa ไว้ที่ประตูทางเข้าหน้าบ้าน หรือบนหลังคาบ้าน เพื่อปกป้องคุ้มครองคนในบ้านและขับไล่สิ่งไม่ดี Shisa มีสองเพศ ทั้งตัวผู้และตัวเมีย โดยตัวผู้นั้นจะอ้าปาก ส่วนตัวเมียหุบปาก เวลาซื้อก็ควรซื้อเป็นคู่แล้ววางด้วยกัน วิธีการวางให้วางตัวเมียไว้ซ้าย ตัวผู้ไว้ขวา ซึ่งจะทำหน้าที่กวักโชคลาภเงินทองและปกป้องอันตรายสิ่งไม่ดีทั้งปวงไม่ให้เข้ามาในบ้าน หากเจอก็อย่าลืมซื้อกลับมาวางไว้ที่บ้านกันนะครับ
Here we will see a lion-like statue called Shisa which is a legendary statue of Okinawa. In the past, the Okinawan people would put the Shisa statue at the entrance to the house or on the roof in order to protect people in the home and evict bad things. Shisa has two genders both male and female. Male will open his mouth while female will close her mouth. You should buy in pair (male and female) and put them next to each other. You should put female on the left and put male on the right. Shisa will call windfalls and money to you and also help to protect your home from the bad things. If you find it, do not forget to buy it back home.
2. ไป โอกินาว่า ไปชมอควาเรียมที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
หลายคนคงเคยเห็นภาพฉลามวาฬยักษ์ว่ายวนอยู่ในอควาเรียมขนาดใหญ่ หากอยากจะลองไปชมของจริงสักครั้ง คงต้องไปกันที่ Okinawa Churaumi Aquarium ซึ่งอยู่ในสวน Ocean Expo Park เป็นอควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และใหญ่เป็นอันดับสองของโลก บนพื้นที่กว่า 19,00 ตารางเมตร มีแท็งค์บรรจุสัตว์น้ำมากถึง 77 แท็งค์ แบ่งเป็น 4 ชั้น แต่ละชั้นแบ่งเป็นโซน Great Sea, Coral Reef, Black Current Sea และ Deep Sea
2. Visit Okinawa to see the world’s second largest aquarium
I think some of you may have seen giant whale sharks swimming in a large aquarium. If you want to see the real one by yourself, you should visit Okinawa Churaumi Aquarium. This aquarium is located in the Ocean Expo Park. It is the largest aquarium in Japan and being the second largest aquarium in the world. With an area of over 19,000 square meters, there are 77 fish tanks divided into 4 layers. Each floor is divided into different zones including Great Sea, Coral Reef, Black Sea, and Deep Sea.
เนื่องด้วยภูมิประเทศที่เป็นเกาะขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยมหาสมุทร ทำให้โอกินาว่าเป็นจังหวัดที่มีทรัพยากรทางท้องทะเลอันอุดมสมบูรณ์ เมื่อเข้ามาภายใน เราจะได้ตื่นเต้นกับ Life in Inoh (Touch Pool) ซึ่งเป็นโซนที่เป็นบ่อเปิดให้เราสามารถสัมผัสกับปลาดาวตัวเป็นๆ กันได้เลย ซึ่งมีทั้งปลาดาว Kawatebukuro ปลาดาว Manju และปลิงทะเลดำ ลองจับดูแล้วจะรู้ว่าพวกมันนิ่มแค่ไหน อควาเรียมแห่งนี้เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 8:30 – 19:00 น. ค่าเข้าชมคนละ 820 เยน
Being a large island surrounded by the ocean Okinawa is a province with abundant marine resources. When you go inside the aquarium, you will wonder with the Life in Inoh (Touch Pool) zone which is an open area that you can touch the real starfish like Kawatebukuro starfish, Manju starfish, and black sea leech. Let’s try to touch them and you will know how soft they are. The aquarium is open daily from 8:30 a.m. to 7:00 p.m. The admission fee is 820 yen.
ไฮไลท์ของที่นี่คงจะหนีไม่พ้นห้อง The Kuroshio Sea เป็นที่ตั้งของแท็งค์ขนาดใหญ่ที่มีความจุถึง 7,500 ลูกบาศก์เมตร ผนังด้านหน้าเป็นอะคริลิคหนาถึง 60 เซนติเมตร สูงถึง 8.2 เมตร กว้าง 22.5 เมตร ภายในมีฉลามวาฬยักษ์ยาวกว่า 7 เมตรอยู่ถึง 3 ตัว ว่ายไปมาร่วมกับกระเบนราหู ฉลาม และปลาพันธุ์อื่นๆ ให้เราสามารถถ่ายรูปได้อย่างใกล้ชิด
The highlight of this aquarim is Kuroshio Sea room that has a large tank with a capacity of 7,500 cubic meters. The front wall is made from 60 centimeters acrylic which high 8.2 meters and wide 22.5 meters. Inside the tank, there are 3 whale sharks which long more than 7 meters swimming together with Manta Rays, Sharks, and other fishes. We can take photos with them closely.
ผู้ดูแลปลาที่นี่เล่าว่าฉลามวาฬจะกินอาหารครั้งละ 35 กิโลกรัม ถ้ามันเผลอกินสัตว์อื่นเข้าไป มันจะคายออกมาทันที
The staffs who take care of these fishes say that the whale shark will eat 35 kilos food at a time. If it accidentally eats other animals, it will spit them out immediately.
นอกจากนี้ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีตู้ปลาอื่นๆ อาทิ ปลาเขตร้อน ทะเลปะการัง และทะเลฉลามอันตราย เหมือนเราได้เข้าไปอยู่ในโลกใต้ทะเลลึกกันจริงๆ ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งเดียวที่ผู้เข้าชมสามารถชมฝูงปลากระเบน กระเบนราหู และปลากระเบนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดได้ ปะการังที่โอกินาว่าเกิดจากกระแสน้ำอุ่นคุโรชิโอะ ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์ได้จำลองสภาพแวดล้อมการดำรงชีพของปะการังเหล่านี้มาเพาะเลี้ยงให้เราได้ดู พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจุระอุมิเปิดให้บริการ เวลา 8:30-18:30 น. ในเดือน ต.ค.-ก.พ. และเวลา 8:30-20:00 น. ในเดือน มี.ค.-ก.ย. ค่าเข้าชมคนละ 1,850 เยน เด็ก 610 เยน ลองเช็คกับทางโรงแรมดูก่อนนะครับว่ามีตั๋วราคาพิเศษขายรึป่าว
Moreover, there are aquariums of other fishes including tropical fishes, coral reefs, and seas of dangerous shark. Seem like we have dive in the real deep underwater world. This is the only aquarium where visitors can see Manta Rays and the largest stingrays. The coral in Okinawa caused from Kuroshio hot spring. This aquarium has simulated the living environment of these coral reefs and shows us how to cultivate them. Okinawa Churaumi Aquarium opens daily from 8:30 a.m. to 6:30 p.m. in October-February and from 8:30 a.m. to 8:00 p.m. in March-September. The admission fee is 1,850 yen per person (610 yen for children). Don’t forget to check with your hotel because some hotels have special tickets for sale.
3. ไป โอกินาว่า ไปดูหาดทรายขาวๆ น้ำทะเลใสๆ
แน่นอนว่าไปโอกินาว่าทั้งที จะไม่ไปทะเลก็คงไม่ได้ เพราะโอกินาว่าได้ชื่อว่าเป็นเมืองชายหาดที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น มีหาดทรายขาวสะอาดให้เลือกเล่นน้ำได้รอบเกาะ ทั้งชายหาดที่แดดร่ม ลมสงบ และชายหาดที่มีคลื่นแรง
3. Visit Okinawa to see the white beach and crystal sea
Visiting Okinawa, you have to go to the sea of course. Okinawa is known as the most beautiful beach city in Japan. There are white sandy beaches that people love to swim around the island. There are also the sunny beach which is not windy and having beautiful waves.
ว่าแล้วก็ไปเริ่มที่แรกกันที่ Kouri Island เกาะนี้ไม่ควรพลาดเพราะแค่เข้ามาสู่ภายในเกาะ ก็จะถูกดึงดูดด้วย Kouri Bridge ที่ทอดยาวอยู่เหนือทะเลสีเขียวมรกต สะพานแห่งนี้มีความยาว 2,020 เมตร เอาไว้ข้ามเกาะ Kouri Island (Nakijin village) และ Yagaji Island (Nago city) ขอบอกว่าที่นี่วิวสวยมากๆ ไม่ควรพลาด
Let start our journey at Kouri Island. You shold not miss this island because when you enter to this island, you will be impressed by the Kouri Bridge stretching over the emerald sea. The bridge is 2,020 meters long across the island of Kouri Island (Nakijin village) and Yagaji Island (Nago city). I would like to tell you that there is beautiful view here that should not to be missed.
แลนด์มาร์กที่สำคัญของที่นี่คือ The Heart Rock ซึ่งเป็นโขดหินรูปหัวใจ เป็นสัญลักษณ์ของความรัก การจะเข้าไปชม The Heart Rock ใกล้ๆ จะต้องจอดรถไว้ด้านบนแล้วเดินลงไปที่บริเวณชายหาด ค่าจอดรถประมาณ 100-200 เยน แล้วแต่ทำเลที่ตั้ง บริเวณนี้มีที่จอดมากมายหลายเจ้า
Significant landmark here is the Heart Rock. It is heart-shaped rock that is a symbol of love. To visit the Heart Rock closely, you have to park on the top and walk down a bit to the beach. Parking fee is around 100-200 yen, depending on location. There are many parking lots in this area.
มาต่อกันที่จุดท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดไม่นานมานี้อย่าง Kouri Ocean Tower จุดชมวิวที่มองเห็นวิวในระยะไกลได้อย่างสวยงาม วิธีการขึ้น-ลงก็แสนเก๋ เพราะเค้ามีรถกอล์ฟแบบไม่มีคนขับให้บริการ เราแค่นั่งเฉยๆ รถก็เคลื่อนที่ไปได้เองโดยอัตโนมัติ ไฮเทคจริงๆ ค่าเข้าชมคนละ 800 เยน
Let’s move on to the new popular tourist attraction that just recently opened called Kouri Ocean Tower. Here is scenic spot that has beautiful view. How to go up and down is very chic by riding automated golf cart which has no driver. We just sit, relax and enjoy the view. The cart will move automatically. The admission fee is 800 yen each.
ด้านบนเป็น Shell Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เปลือกหอย ที่มีเปลือกหอยหลากหลายชนิดมาจัดแสดงให้ชม หากถูกใจก็สามารถซื้อกลับบ้านได้
On the top, there is Shell Museum which exhibits a variety of shells. You can buy the shell back home if you like.
ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 2 เพื่อไปชมสะพาน Kouri และท้องทะเลใสๆ ข้างบนนี้มีเครื่องดื่มและอาหารขายด้วย จากนั้นสามารถเดินขึ้นบันไดวนไปยังชั้น 3 เพื่อเก็บภาพมุมสูง และต่อขึ้นไปที่ชั้น 4 เป็นดาดฟ้า เปิดโล่งที่มีกระจกกั้น ทำให้เห็นมุมสูงได้อย่างสะดวก
Then take the lift to the 2nd floor to see the Kouri Bridge and clear sea. There are beverages and food sold here. After that, let’s walk up to the 3rd floor in order to capture the high angle scene. And continue to go up to the 4th floor that is an open deck surrounded with glass wall. You will see panoramic view from here.
มาต่อกันที่ Mazamo Cave หรือที่เรียกกันว่าแหลมมันซาโม เป็นแหลมที่ยื่นออกไปในทะเลฝั่งตะวันตกของโอกินาว่า มีลักษณะคล้ายงวงช้าง ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะตามธรรมชาติของลมและน้ำทะเลเป็นเวลาหลายร้อยปี หน้าผานี้มีความสูงกว่า 30 เมตร มองเห็นระลอกคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง และเส้นขอบฟ้าตัดกับทะเลจีนตะวันออก น้ำใสจนมองเห็นปะการัง ทะเลไล่สีสวยงามจับใจ เป็นมุมที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันอย่างมาก สามารถเข้าชมได้ฟรี ตลอดทั้งวัน
Keep going to Mazamo Cave wher is the cave pointed at the western shore of Okinawa. It ไas caused by the natural erosion of wind and sea for hundreds of years and currently looks like the trunk of the elephant. This cliff is more than 30 meters high. We can see the waves rippling to the shore and the skyline merges with Eastern China sea. The water is very clear so you can see the coral. The sea is very colorful. It is a popular point that tourists always come to take photos. You can access Mazamo Cave for free access throughout the day.
อีกหนึ่งจุดชมวิวที่อยากแนะนำก็คือ Nirai Kanai Bridge เป็นถนนที่มีทิวทัศน์งดงามที่สุดของแถบใต้ มีสะพานเชื่อมต่อหน้าผาสองด้านซึ่งมีความสูงต่างกันถึง 80 เมตร มีความยาว 1.2 กม. มีโครงสร้างอันโดดเด่นคือทางโค้งขนาดใหญ่ หากขับรถมาจากส่วนบนของสะพานจะมองเห็นทะเลและท้องฟ้าสวยงาม น่าประทับใจสุดๆ มีจุดจอดรถให้ถ่ายรูป
Another recommended viewing point is the Nirai Kanai Bridge, which is the most scenic road in the South. The bridge connects to two-sided cliff, which has a height of 80 meters and 1.2 kilometers long. Its distinctive structure is a large arch. Driving from the top of the bridge, you will see the sea and the beautiful sky that are very impressive. There is parking space for the tourists who want to take a picture.
อีกหนึ่งหาดที่สวยงามไม่แพ้กัน นั่นก็คือ Toyosaki Chura Sun Beach อยู่ห่างจากสนามบินเพียง 15 นาที ผู้คนมักใช้เป็นจุดชมเครื่องบินขึ้นลงและชมหมู่เกาะ Kerama หาดทรายที่นี่สวยงามสะอาดตา สีน้ำทะเลก็ช่างสดใส สมแล้วที่โอกินาว่าถึงได้ชื่อว่าเป็นฮาวายแห่งญี่ปุ่น
Another beautiful place that you should not miss is Toyosaki Chura Sun Beach that is only 15 minutes away from the airport. People often use it as a spot to see airplanes and Kerama Islands. This beach is very bright and the sea is very lovely. That’s why people call Okinawa as “Hawai of Japan”.
4. ไป โอกินาว่า ไปชมถ้ำหินปูนอายุกว่า 300,000 ปี
Gyokusendo เป็นถ้ำหินย้อยที่อลังการที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ภายในบริเวณ Okinawa World เป็นถ้ำหินงอกหินย้อยใต้ดิน โพรงถ้ำลึกกว่า 5 กม. เปิดให้เดินเข้า 890 เมตร มีจำนวนหินย้อยกว่าล้านแท่ง ถ้ำแห่งนี้น่าจะมีอายุกว่า 300,000 ปี ด้านในมีศิลปะหินย้อยที่สรรค์สร้างโดยธรรมชาติที่น่าสนใจ สามารถเข้าชมได้ทุกวัน ระหว่างเวลา 9:00 – 18:00 น. ราคา 1,650 เยน สามารถเข้าชมได้ทั้งถ้ำและหมู่บ้าน Kingdom Village
4. Visit Okinawa to see over 300,000 years old limestone caves
Gyokusendo is the most magnificent stalactite cave in Japan. It is a stalactite cave underground located within the Okinawa World. This cave is more than 5 kilometers deep and 890 meters wide. There are more than millions of stalactites and stalagmites inside. This cave is likely to be over 300,000 years old. It is an art of stalactites and stalactites that are created by nature. It opens daily from 9:00 a.m. to 6:00 p.m. The admission fee is 1,650 yen which include fee of Kingdom Village.
ภายในทำทางเดินไว้ดีมากๆ เป็นสะพานเหล็กที่ติตตั้งไฟไว้สว่างไสว มีธารน้ำไหลเรียบไปตลอดทาง บางช่วงเป็นเสมือนน้ำตกขนาดย่อม สายน้ำที่ไหลผ่านได้พาเอาแร่ธาติและหินปูนมาเกาะกันเป็นรูปทรงต่างๆ เกิดเป็นผลึกซึ่งใช้เวลานานนับร้อยๆ ปีในการก่อตัว
The pathways in the cave is very good that is a steel bridge decorated by a lot of light. There are water stream flows along the way. Some area is like a small waterfall. When water flowing, minerals and limestone will go with water and will stick together as a lot of crystal shapes. This shape takes hundreds of year in formation.
บริเวณผนังยังพบเศษกระดูกสัตว์ที่จมฝังลงในชั้นหินอีกด้วย แถมมีน้ำไหลมาจากหินตลอดเวลา ทำให้รู้สึกว่าได้สัมผัสกับธรรมชาติแบบจริงๆ เลยครับ
In the wall, we can see animal bone fragments buried in the rock. Water flows from the stone all the time makes me feel that it is really nature.
นอกจากถ้ำเกียวคุเซนโตแล้ว ภายใน Okinawa World ยังมี Kingdom Village ซึ่งเป็นธีมปาร์คที่จำลองวิถีชีวิตของชาวริวกิวเอาไว้ และพิพิธภัณฑ์งูฮาบุ ซึ่งจัดแสดงเรื่องราวของงูพิษร้ายแรงแห่งเกาะโอกินาว่าอย่างงูฮาบุ พิษของงูชนิดนี้จะทำให้เลือดออกอย่างผิดปกติ บาดแผลลุกลามได้ง่าย หากถูกกัดมีโอกาสทำให้แผลเน่าจนต้องตัดอวัยวะทิ้งก็เป็นได้ ไฮไลท์ของที่นี่คือการจับงูตัวเป็นๆ อย่างใกล้ชิด ใครที่กล้าพอขอแนะนำให้ลองนะครับ
In Okinawa World, there are Kingdom Village, theme park that simulates the life of the people of the Ryukyu, and Habu Museum that will tell you the story of the deadly snakes of Okinawa called Habu snake. The poison of this type of snake will make victim bleed abnormally. The wounds spread easily. The person who was bitten by Habu snack, the wound will decay and the organs that is bitten might be cut. The highlight of this zone is snake catch. If you brave enough, you should try.
5. ไป โอกินาว่า ไปกินอาหารทะเลสดๆ ที่ตลาดปลา
แน่นอนว่าอาหารที่ขึ้นชื่อของโอกินาว่าต้องเป็นอาหารทะเลสดๆ เมื่อเป็นแบบนั้นเราจะไปลองชิมกันที่ตลาดที่ได้ชื่อว่าเป็นครัวของ โอกินาว่า นั่นก็คือ The First Makishi Public Market เป็นตลาดขนาดใหญ่ที่พัฒนามาจากตลาดมืดในช่วงหลังสงคราม คนท้องถิ่นเรียกที่นี่ว่าเป็นห้องครัวแห่ง Naha มีร้านค้ารวมทั้งบริเวณรอบๆ ประมาณ 130 ร้าน มีวัตถุดิบแทบทุกอย่างทั้ง เนื้อ ปลา ผัก ผลไม้ ขนม เครื่องดื่ม ฯลฯ
5. Go to Okinawa to have fresh seafood at the fish market
The famous food of Okinawa is fresh seafood. So, we intend to eat seafood at market that is known as the kitchen of Okinawan named The First Makishi Public Market. It is a large market developed from the black market in the postwar period. Local people call it as the kitchen of Naha. There are around 130 shops that sell raw materials include almost everything – fish, vegetables, fruits, snacks, drinks, etc.
ที่ชั้นล่างจะเป็นตลาดขายของสด มี 3 ส่วน สำหรับขายเนื้อชั้นดี ปลาสด และอาหารแปรรูป ที่ผมประทับใจสุดๆ เป็นโซนขายปลาสดที่มีปลาสีสันต่างๆ มากมาย
ที่ชั้น 2 เป็นศูนย์อาหาร มีร้านจำหน่ายอาหารและของหวานรวม 13 ร้าน มีเมนูให้เลือกมากมาย เราสามารถรับประทานแบบ Mochiage ได้ ซึ่งเป็นระบบการรับประทานอาหารโดยเลือกซื้อปลาหรือเนื้อที่ชั้น 1 และนำไปให้พ่อครัวปรุงกันที่ชั้น 2 ซึ่งจะคิดค่าปรุงอาหารประมาณ 500 เยน (ต่อ 1 คน ไม่เกิน 3 รายการ)
On the ground floor, there is 3 zones including market for fresh meat, market of fresh fish, and market of processed foods. I am so impressed with the zone that sell fresh fish. There are a lot of colorful fish. The 2nd floor is a food court. There are 13 food and dessert shops. We can have lunch in Mochiage style that we can purchase fish at the market (on the ground floor) and let the shops on the second floor cook them. The cooking cost is about 500 yen (per person, up to three dishes).
นอกจากจะรับประทานแบบ Mochiage แล้ว ยังสามารถเลือกรับประทานจากเมนูในร้านได้ด้วย อาหารที่อยากแนะนำก็คือ Goya Chanpuru หรือมะระขี้นกผัด ซึ่งเป็นอาหารเก่าแก่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หาทานได้ตามร้านทั่วไป คนที่นี่เชื่อกันว่ามีสรรพคุณช่วยต้านทานอากาศร้อน ช่วยให้เจริญอาหาร และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน รสชาติออกจะฝาดๆ ไม่ขมมาก นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ ที่รสชาติใช้ได้ทีเดียว ทั้งยากิโซบะ ข้าวหน้าปลาทูน่า ข้าวหน้าหมูสามชั้น ซาซิมิ เป็นต้น
In addition to Mochiage, you can also choose from the menu. The recommended dishes are Goya chanpuru or bitter gourd that is a popular dish. You can find it at general restaurants. People believed that it help us to endure hot weather, stimulate us to eat more, and also help to strengthen the immune system. Its taste is astringent, not too bitter. There are also other menus that are quite good like Yakisoba, Tuna Don, Pork Rice, and Sashimi etc.
บริเวณตลาดยังมีร้าน Blue Seal ซึ่งเป็นร้านไอศกรีมขึ้นชื่อที่หาทานได้เฉพาะที่โอกินาว่าเท่านั้น รสชาติที่แนะนำให้ลองก็คือรสมันม่วงซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของเมืองนี้เลย เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่ขนมที่ทำมาจากมันม่วงทั้งนั้น ตลาดแห่งนี้เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00 – 18:00 น.
In the market, there is also Blue Seal shop which is a famous ice-cream shop served only in Okinawa. The recommended taste of ice-cream is purple potato that is the famous product of this city. You will see a lot of products made from purple potato sold in Okinawa. The market is open daily from 9:00 a.m. to 6:00 p.m.
อีกตลาดที่ขอแนะนำก็คือ Tomari Fish Market เป็นตลาดที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่มีอาหารทะเลสดๆ ให้เลือกมากมาย ด้านในสุดของตลาดมีโต๊ะเล็กๆ 2 ตัว นั่งได้เพียง 4-6 คน อารมณ์ของที่นี่จะคล้ายตลาดค้าปลา
Another market that is recommended named Tomari Fish Market. It is a very small market but selling a lot of fresh seafood. there are two small tables with only 4-6 seats in the market. Its seem like a fish market.
ที่ด้านหลังของตลาดมีท่าเรือ อาหารทะเลที่นี่จึงสดมากครับ แนะนำว่าถ้ามาที่นี่ควรมาตั้งแต่เช้า เพราะจะได้เห็นการซื้อขายปลา ประมูลปลา แถมยังได้ทานปลาสดๆอีกด้วย
There is a pier at the back of the market, so the seafood here is very fresh. Recommend that you should go in the early morning in order to see the fish auction fish and also enjoy with fresh fish.
6. ไป โอกินาว่า ไปนั่งชิวที่คาเฟ่ชิคๆ
โอกินาว่า ไม่ได้มีแค่ทะเลนาจา ผมจะพาเพื่อนๆ ไปเปลี่ยนบรรยากาศกันที่คาเฟ่ชิคๆ เก๋ๆ โดยที่แรกที่เราจะไปนั่งชิวกัน คือ Hamabe no Chaya เป็นคาเฟ่ริมชายหาดที่ทำเลดีมากๆ
6. Go to Okinawa to chill out at the cool café
Okinawa is not only having the sea. I’ll take you guys to change the atmosphere at the chic cafeteria. At first we will go to sit and relax at Hamabe no Chaya which is a beach café located in a very good location.
มีที่นั่งให้เลือกทั้งในร้านด้านบน และริมหาดด้านล่าง สำหรับในร้านก็สามารถเลือกได้ทั้งแบบเคาน์เตอร์ริมหน้าต่างหรือเป็นโต๊ะในร้าน ถ้าจะฟินให้สุดขอแนะนำที่นั่งพิเศษที่เป็นเคาน์เตอร์ริมหน้าต่างซึ่งหันหน้าออกไปทางทะเล ซึ่งเราสามารถนั่งจิบกาแฟรับลมทะเล ชมวิวหาดทรายสวยๆ ตัดกับน้ำทะเลใสๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน
There are seats available both in the restaurant and at the beach. In the restaurant, you can choose to sit either at the counter next to the windows or at the table in the restaurant. If you want to chill out and enjoy with the view, I recommend you to reserve the seats at the counter facing the sea. From this point, you will enjoy the sea breeze and beautiful beach view.
สำหรับที่นั่งที่ริมหาดด้านล่าง เป็นที่นั่งบนพื้นทรายที่มีต้นไม้เป็นร่มเงา ให้เราสามารถสัมผัสบรรยากาศน้ำขึ้นน้ำลงได้ตามธรรมชาติ อาหารและเครื่องดื่มของที่ร้านก็อร่อย ราคาย่อมเยาว์
For beach seats, it is a sandy seat with a shaded tree. We can touch the natural tide. Food and drinks here are very delicious and affordable.
อาหารที่แนะนำได้แก่ Homemade Scone เนื้อ Scone นุ่มละมุนลิ้น ทานกับครีมสดและแยม เข้ากันได้เป็นอย่างดี และ ยำสาหร่าย Umibudo หรือที่เรารู้จักกันในชื่อสาหร่ายพวงองุ่น ซึ่งเป็นสาหร่ายที่มีถิ่นฐานอยู่ที่โอกินาว่าและแถบฟิลิปปินส์เท่านั้น ลักษณะเป็นพวงใส ด้านในมีของเหลวอยู่ รสชาติกรุบกรอบ ออกเค็มนิดๆ มีคุณค่าทางอาหารสูง นอกจากนี้ยังมีทั้ง ชา Hibiscus กาแฟ และ Chocolate ต่างๆ ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 20:00 น. (วันจันทร์ที่ไม่ใช่วันหยุดนักขัตฤกษ์ ร้านจะเปิดเวลา 14:00 น.)
The first recommended dish is homemade scone that is soft scone served with fresh cream and jam. Another dish is Umibudo which is well-known grape seaweed that live only in Okinawa and Philippines. It is clear seaweed and contains liquid inside. Its taste is crunchy, salty, and nutritious. There are also Hibiscus tea, coffee, and chocolate. The restaurant is open daily from 10:00 a.m. to 8:00 p.m. (Every Mondays that are not public holidays, the restaurant will open at 2:00 p.m.)
อีกร้านหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลย ก็คือ ร้าน The Junglila Café and Restaurant เป็นร้านคาเฟ่ที่เพิ่งเปิดเมื่อเดือนกันยายน 2560 ที่ผ่านมานี้เอง ตั้งอยู่ริมทะเล บรรยากาศดีมากๆ ตอนเย็นพระอาทิตย์จะตกฝั่งทะเลพอดี ทานอาหารไป จิบเครื่องดื่มไป ชมพระอาทิตย์ตกสวยๆ ไปด้วย ได้บรรยากาศสุดๆ สำหรับสายถ่ายรูปรับรองมาที่นี่ฟินแน่นอน
One more café I would like to recommend is The Junglila Café and Restaurant. This café was just opened in last April. It is located by the sea with a very nice atmosphere. The view of sunset in the evening that the sun goes down to the sea is very beautiful and nice for photo shoot.
ภายในร้านตกแต่งด้วยวัสดุที่ทำจากไม้ ให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย ที่เคาน์เตอร์และด้านข้างของร้านเป็นเก้าอี้ชิงช้าให้นั่งเก๋ๆ ส่วนมุมเด่นของร้านเป็นที่นั่งแบบโซฟา คล้ายกับเรากำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในเต๊นท์ บริเวณพื้นปูด้วยสีขาวเป็นทรายทั้งหมด ให้บรรยากาศเหมือนกับเรานั่งอยู่ริมทะเลจริงๆ เมนูเครื่องดื่มก็มีให้เลือกมากมายทั้ง ส้ม เชอร์รี่ มะพร้าว ฝรั่งสีชมพู ฯลฯ
This café is decorated with wood materials, so it makes you feel warm. There are swing chairs at the counter and the side of the restaurant. At the corner of the restaurant, there is a sofa for us to relax same as we are sitting in a tent. The floor is covered with white sand. We will feel like sitting by the sea. There are many kinds of drinks including orange, cherry, coconut, pink guava, etc.
7. ไป โอกินาว่า ไปลิ้มรสอาหารนานาชาติในตำนาน
นอกจากอาหารญี่ปุ่นแล้ว ที่ โอกินาว่า ยังมีอาหารนานาชาติให้เลือกทานอีกมากมาย ทั้งอาหารเกาหลี อาหารฝรั่ง ฯลฯ โดยร้านแรกที่เราจะพาไปคือร้าน Island Pig Charcoal Stove Burned Man’Aji (Manmi) เป็นร้านอาหารสไตล์บาร์บีคิวที่มีทั้งเนื้อวัว และเนื้อหมูคุณภาพดีให้เลือกหลายแบบ บรรยากาศดีเว่อ ได้กลิ่นอายของท้องถิ่นผสมผสานแบบลงตัว ที่นั่งมีทั้งแบบเป็นห้องส่วนตัว และโต๊ะบริเวณกลางร้าน ประวัติของร้านนี้ยาวนานทีเดียว ได้ข่าวว่าเปิดมาแล้วหลายสิบปี
7. Go to Okinawa to taste the legendary international cuisine
Other than Japanese food, Okinawa also has many international dishes for you to choose i.e. Korean menus, American menus etc. The first restaurant we will go is Island Pig Charcoal Stove Burned Man’Aji (Manmi) which serves barbecue foods. There are many types of beef and high-quality pork in the menu. Its atmosphere is very good. You can choose to sit in a private room or at the table in the center of the restaurant. The history of this shop is quite long. It has been open for decades.
นอกจากอาหารประเภทบาร์บีคิว ยังมีอาหารเกาหลีอื่นๆ อีกมาก อาทิ บิบิมบับ (ข้าวยำเกาหลี) ฯลฯ อร่อยทุกเมนูจริงๆ ท้าให้ลอง
More than barbecue, there are many Korean dishes such as Bibimbab (Korea Mixed Rice) etc. All the menus are very good and should be tried.
อีกร้านที่เด็ดไม่แพ้กัน เป็นอาหารแนวแฮมเบอร์เกอร์ที่ได้รับคะแนน 4.5 จาก Tripadvisor จากร้าน Captain Kangaroo แฮมเบอร์เกอร์ที่นี่ไม่ธรรมดา โต๊ะนั่งภายในร้านมีค่อนข้างจำกัด ทำให้คนต่อคิวกันยาวออกมานอกร้านเลยทีเดียว วันที่ผมไปคนเยอะมากๆ รอคิวกันเป็นชั่วโมงเลย
Another restaurant that is very good and be recommended is hamburger restaurant that was rated 4.5 by Tripadvisor. Its name is Captain Kangaroo. The hamburgers here are very special. Due to the seats are quite limited, a lot of peoples are in long queue outside. At this time, I wait for almost an hour.
เมนูที่นี่มีให้เลือกทั้งเนื้อวัว ไก่ หมู และปลา รสชาติอร่อยล้ำสมการรอคอยจริงๆ ขออนุญาตให้ภาพเป็นสิ่งที่บอกละกันครับว่าน่าทานขนาดไหน ^^
The menu offers a wide selection of beef, chicken, pork, and fish. Let’s these pictures tell you is it yummy or not.
8. ไป โอกินาว่า ไปช้อปปิ้งของท้องถิ่น
สถานที่แรกที่ได้รับความนิยม คือ American Village เป็นแหล่งช้อปปิ้งในเมืองชาตังที่จำลองมาจากย่าน San Diego ใน USA เนื่องจากเมืองชาตังนี้เคยเป็นที่ตั้งของฐานทัพอเมริกันมาก่อน บริเวณแถบนี้จึงเต็มไปด้วยชาวต่างชาติจำนวนมาก
8. Go to Okinawa to shopping local stuff
The first popular place is the American Village that is a shopping district in Chatan. It imitates the area in San Diego, USA. Since Chatan was the site of the American military base, this area is filled with a lot of foreigners.
ร้านค้าที่นี่มีให้เลือกมากมาย รวมทั้งยังมีสถานบันเทิงต่างๆ ทั้งโรงภาพยนตร์ ลานโบว์ลิ่ง คาราโอเกะ เกมส์เซ็นเตอร์ ชิงช้าสวรรค์ บาร์ ร้านอาหาร ร้านขายของฝาก/ของที่ระลึก ฯลฯ เปิดให้บริการทุกวัน ระหว่างเวลา 10:00-23:00 น. หากมาช่วงกลางคืนจะได้เห็นแสงสีสวยงามเชียวครับ
There are plenty of shops here and also various entertainment venues including cinema, bowling alley, karaoke, games center, Ferris wheel, restaurant, and souvenir shops etc. It opens daily from 10 a.m. to 11 p.m. It is very beautiful at night.
จากนั้น มาต่อกันที่ถนนช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดอย่าง Kokusai-dori ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง เป็นถนนที่ได้ชื่อว่า 1 ไมล์แห่งความมหัศจรรย์ เพราะสามารถฟื้นตัวหลังสงครามได้อย่างรวดเร็ว ตลอด 2 ข้างทางมีของให้เลือกซื้อมากมาย ทั้งขนม อาหาร ของฝาก ของที่ระลึก ร้านยา ฯลฯ ที่น่าจะถูกใจนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ เห็นจะเป็นร้านดองกี้ที่มีของให้เลือกมากมายแถมราคาไม่แพงอีกด้วย ถัดมาข้างๆ เป็นร้าน Pablo ที่ฮอตฮิตในบ้านเราไม่แพ้กัน แต่ที่แตกต่างและน่าลองสุดๆ ก็คือ Cheese Tart มันม่วง ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของ โอกินาว่า หรือจะเดินเล่นแถวนั้นก็สามารถหาของได้หลากหลายแนวเลย ถนนที่สำคัญอีกเส้นก็คือ Tsuboya Yachimun-dori ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด Yachimun หรือภาชนะดินเผาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ โอกินาว่า ถนนยาว 400 เมตร ปูพื้นด้วยหิน มีทั้งร้านจำหน่ายเครื่องปั้นดินเผาและคาเฟ่
Then come together at the largest shopping street in Okinawa named Kokusai-dori located in the heart of the city. The road is named 1 mile of miracle because it was recovered very quickly after the war. On both sides of the street, there are a lot of restaurants, snack shops, souvenir shops, and pharmacies, etc. The one that would be attractive for tourists like us is Don Quijote that sells variety of products with the cheap price. Next to Don Quijote is Pablo shop that is very popular. Pablo products here is a bit differ from Thai’s. The one that you should try is Purple Potato Cheese Tart which is the famous product of Okinawa. If you walk along this street, you will find variety of things. Another important street is Tsuboya Yachimun-dori where is the source of Yachimun (earthenware) which is the symbol of Okinawa. This street is 400 meters long and be paved with stone. There are also pottery shops and cafes along this street.
9. ไป โอกินาว่า ไปสนุกเฮฮากับเดอะแก็งค์ ด้วยการเช่ารถขับง่ายๆ
รถที่นี่พวงมาลัยขวาเหมือนบ้านเรา ถนนหนทาง การจราจรก็เป็นระเบียบ การเช่ารถขับจึงเป็นทางเลือกที่นักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมกันมาก แต่ข้อจำกัดของที่นี่คือ เค้าจะจำกัดความเร็วไว้ไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไฟจราจรก็เยอะมากๆ แต่รถเช่าที่นี่ส่วนมากจะเป็น Hybrid ซึ่งทำให้ประหยัดน้ำมันไปได้มากครับ
จองรถเช่า -> https://bit.ly/3wCJgEY
9. Go to Okinawa to enjoy hilarious car rental with the gang
In Okinawa, the car steering wheel is on the right side as in Thailand. Renting a car is a popular choice for Thai tourists. But there is speed limit that is maximum at 60 kilometers/hour and there are a lot of traffic lights along the way. Most of cars rented here are hybrid car which are very fuel-efficient.
Reserved Car -> https://bit.ly/3wCJgEY
รถเช่ามีหลายขนาดให้เลือกตามจำนวนผู้ร่วมเดินทาง ครั้งนี้ผมเช่ารถของบริษัท OTS ซึ่งมีเคาน์เตอร์เล็กๆ อยู่ในสนามบิน ต้องไปติดต่อที่เจ้าหน้าที่ก่อน แล้วจึงขึ้นรถ Shuttle Bus ของ OTS ไปยังสำนักงาน พอไปถึงก็มีพนักงานที่เป็นคนไทยมาอธิบายเรื่องกฎ ระเบียบต่างๆ ให้ฟังอย่างละเอียด หากใครมีแพลนเที่ยวที่แน่นอนแล้ว ขอแนะนำให้ซื้อตั๋วสำหรับเข้าสถานที่ต่างๆ ได้ที่สำนักงานของ OTS ซึ่งจะได้รับส่วนลดพิเศษอีกด้วย รถแทบทุกคัน มี GPS ในตัวทั้งนั้น การหาพิกัดของสถานที่ต่างๆ ที่นี่เค้าใช้ Map Code หรือเบอร์โทรศัพท์ของสถานที่นั้นๆ Map Code ก็หาได้ง่ายตามคู่มือที่ทาง OTS ให้มา
The cars they offered are available in several sizes based on the number of passengers. This trip I rented car from OTS which has a small counter at the airport. You have to contact the staff at the airport first and then take OTS shuttle bus to go to OTS office. There are Thai staffs at OTS office and they will come to explain us in detail about the driving rules in Okinawa. If you have plan for some attractions already, I recommend you to buy tickets in advance at OTS office in order to get special discount. Most cars here already have GPS system. Finding the route of your destinations is by keying the map code or the phone number of that place. Map code is easy to find in the manuals provided by OTS.
การจอดรถที่นี่เป็นเรื่องสำคัญ เราจะต้องจอดในบริเวณที่ให้จอดรถเท่านั้น ห้ามจอดริมถนน หรือข้างทางเด็ดขาด ที่จอดรถที่นี่ก็เก๋ไก๋ พอเราเอารถเข้าช่องจอดปุ๊บก็จะมีไม้กั้นเด้งขึ้นมาใต้ท้องรถ พอจะนำรถออกก็ต้องไปจ่ายเงินที่ตู้ พอจ่ายเงินปุ๊บ ไม้กั้นก็จะตกลง ทีนี้ก็สามารถเอารถออกได้แล้ว ส่วนราคาค่าที่จอดนั้นก็มีหลากหลาย แล้วแต่ความใกล้-ไกลของแต่ละสถานที่ ยังไงก็ลองเลือกกันดูนะครับ อีกเรื่องที่สำคัญในการขับรถที่นี่คือ เรื่องบัสเลน หากขับรถเที่ยวในวันจันทร์ – ศุกร์ จะต้องสังเกตสัญลักษณ์ Bus Lane บนพื้นถนนให้ดีนะ ว่าเค้าห้ามรถทั่วไปเข้าไปวิ่งในช่อง Bus Lane ระหว่างเวลากี่โมงบ้าง การขึ้นทางด่วนที่นี่ก็ไม่ยาก รับทั้งเหรียญ แบงก์ และบัตรเครดิต สะดวกสบายเป็นที่สู้ดดดด โดยเราต้องรับบัตรตอนเข้าก่อน แล้วจ่ายเงินตอนออกทางด่วนในภายหลัง ต้องเก็บบัตรไว้ดีๆ หากไม่ได้รับบัตรหรือบัตรหาย อาจมีค่าปรับแพงสุดถึง 1,000 เยน เลยนะ
Parking is very important here. We have to park only in parking area. Do not park on or aside the road that is not a parking lot. How to park in car park here is very chic. After you parked in car park for a while, a wooden bar at the ground (under the car) will pop up and will lock your car at that point. If you want to move your car, you have to pay at the machine and then the bar under your car will disappear. The parking fee is varied depends on the location. Another important issue is the bus lane. If you drive on Monday – Friday, you must be noted that there are bus lanes on the roads that you should carefully notice. It is not difficult to take the express way in Okinawa because you can conveniently pay either by coins or credit card. When you enter the express way, you need to get the ticket first and then pay for it at the exit later. It is necessary to keep this ticket because you will be fined up to 1,000 yen if you cannot show the ticket.
เวลาคืนรถ เค้าก็มีหลายสาขาให้เลือก ลองดูจากคู่มือได้เลย รถที่ผมเช่าคราวนี้เป็นรถ Toyota Aqua Hybrid คันกระทัดรัด นั่ง 4 คนสบายๆ ใส่กระเป๋าใบกลาง 2 ใบ พร้อมกระเป๋าเป้ 2 ใบ กระเป๋าถือ และของจุกจิก พอดีๆ ที่สำคัญประหยัดน้ำมันมากๆ ขับรถเที่ยว 3 วัน น้ำมันลดไปไม่ถึงครึ่งถังเลยค่าเช่าตกวันละ 4,200 เยน เท่านั้น ไปกันหลายคน หารแล้วคุ้มมาก มาเที่ยว โอกินาว่า ถ้าขับรถไม่เป็นให้หนีบเพื่อนที่ขับรถได้มาด้วย รับรองฟินเฟร่อ
There are many branches you can choose to return the car. You can check them in the manuals. The car I rented this time is Toyota Aqua Hybrid. There is space for 4 passengers, 2 medium luggage, and 2 backpacks. It is also save fuel. After drove for 3 days, the oil was used less than half of the tank. The rental fee is 4,200 yen per day.
10. ไป โอกินาว่า บินตรงแบบสบายๆ ในราคาสบายกระเป๋า
เดี๋ยวนี้ไป โอกินาว่า ได้ง่ายๆ ในราคาประหยัดกับ สายการบิน Peach Air บินตรงสู่ Naha Airport โดยใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงครึ่ง แถมเวลาบินก็ดี๊ดี มาถึงตอนเช้า สามารถเที่ยวต่อได้เลย เวลากลับก็ถึงดึก สามารถพักผ่อนแล้วไปทำงานต่อได้สบายๆ จองตั๋วได้ง่ายๆ ทางเว็บไซท์ -> flypeach แถมมีตั๋วโปรออกมาเป็นระยะๆ เล็งให้ดีแล้วจองให้ทันกันนะ
10. Go to Okinawa by affordable direct flight
Now everyone can go to Okinawa very easily and affordable. Peach Air offers direct flight to Naha Airport by flying for only four and a half hours. The flight schedule is very attractive. You will reach Okinawa in the morning, so you can start your trip then. For return flight, you will reach to Bangkok at night so you can take a rest before starting your work in the next day. Easy way to reserve the ticket -> flypeach which often launches the attractive promotion. Keep your eye on it and don’t miss.
ไฟลท์ขาไป ออกเดินทางเวลา 01:45 – 07:30 น. / ไฟลท์ขากลับ เดินทางเวลา 21:20 – 00:15 น. ช่องระหว่างขาไม่คับแคบหรืออึดอัดจนเกินไป ในส่วนของสัมภาระสามารถถือขึ้นเครื่องได้คนละ 10 กก. จำกัดจำนวน 2 ชิ้น ในส่วนของการเช็คอิน ผู้โดยสารทุกท่านที่ออกเดินทางจากประเทศญี่ปุ่นสามารถทำการเช็คอินผ่านเครื่องอัตโนมัติ (ยกเว้น เที่ยวบินไฟลท์ต่างประเทศที่เดินทางออกจากสนามบิน Haneda / Shin-Chitose) กรณีที่ผู้โดยสารเดินทางออกจากประเทศอื่น จำเป็นต้องทำการเช็คอินที่เคาน์เตอร์เช็คอิน ทุกครั้ง เพื่อให้การออกเดินทางตรงเวลา ตามกำหนดการบิน ควรเช็คอินให้เรียบร้อยภายในเวลาที่กำหนด
Departure flight is at 01:45 – 07:30 a.m. Arrival flight is at 9:20 p.m. – 00:15 a.m. The space between the seats is not too tight or not uncomfortable. The passengers are able to carry stuff not more than 10 kilograms per person and limited to maximum 2 pieces per person. For the check-in process, all passengers departing from Japan can check in automatically at the kiosk (excluding international flight departed from Haneda and Shin-Chitose airports). In case passengers departed from other countries, they have to check-in at the counter within a specified period.
ที่สนามบิน โอกินาว่า มีทั้งหมด 3 Terminal คือ International, Domestic และ LCC หากโดยสารสายการบิน Peach Air จะไปลง/ขึ้นที่ LCC Terminal หากใครอยากมาช้อปปิ้งหรือหาของทานกันที่ Terminal อื่นก็สามารถนำกระเป๋าไปฝากไว้ที่ตู้ Locker แล้วนั่งรถ Shuttle Bus ไปยัง Terminal อื่นได้ โดย Shuttle Bus นี้รับ-ส่งฟรี ออกทุก 10 นาที ถือได้ว่าสะดวกทีเดียว แต่หากไม่ซีเรียสมากที่ LCC Terminal ก็มีร้านของฝากเล็กๆ กับร้านกาแฟให้สามารถนั่งชิวได้ แต่ที่นั่งอาจจะน้อยไปสักเล็กน้อย
At Okinawa Airport, there are 3 terminals which are International, Domestic, and LCC. Peach Air passengers have to use LCC Terminal. If you want to shopping or find something to eat, you can keep your luggage at the locker and take free shuttle bus to go to other terminals. This shuttle bus will depart every 10 minutes. That is very convenient. There is small souvenir shop and coffee shop at LCC Terminal but the seats are very limited.
เตรียมไว้สักนิดก่อนพิชิต… โอกินาว่า
บางทีเรื่องเล็กๆน้อยที่ไม่ควรมองข้ามอย่างประกันการเดินทาง ควรเตรียมก่อนเดินทางล่วงหน้า ทริปนี้เพื่อนในกลุ่มมีอาการท้องร่วง ถ่ายท้องเกือบ 20 รอบ ภายในเวลา 1 วัน แต่ดีที่ซื้อ ประกันเดินทาง Sompo ข้อดีของการมาญี่ปุ่นแล้วซื้อประกันเดินทางของที่นี่เลยคือ ไม่ต้องสำรองเงินจ่ายออกไปก่อนสักเยนเดียว ถ้าค่ารักษาพยาบาลนั้นยังอยู่ภายในวงเงินประกัน แถมยังมีเจ้าหน้าที่พูดคุยเป็นภาษาญี่ปุ่นกับแพทย์ทางฝั่งนี้ให้ด้วย พูดง่ายๆคือคอยเป็นล่ามตอนรักษานั่นเอง สนใจซื้อประกัน Sompo ตามลิ้งค์นี้เลย -> ประกันการเดินทาง Sompo
Get ready to conquer…Okinawa
Perhaps we should not overlook the little things like travel insurance but we should prepare it before traveling. This trip one of my friends in the group had diarrhea and took almost 20 rounds in a toilet per one day, but it is good that she had Sompo travel insurance. The advantage of having Sompo travel insurance when traveling in Japan is that you don’t need to pay for medical expense in advance if the expense is still within the coverage limit of your insurance. There is also Thai staff who will help you to communicate with Japanese doctor as your personal interpreter. If you are interest, please follow this link -> Sompo travel insurance
คนติดโลกโซเชียลอย่างผมก็ไม่พลาดการติดต่อสื่อสารด้วยการเช่า Pocket Wi-Fi ของ Tripizee มาใช้งานล่วงหน้า แพ็คเก็ตประเทศญี่ปุ่นวันละ 120 บาท เชื่อมต่อได้มากสุด 8 เครื่อง (แต่แนะนำว่า 4 เครื่องกำลังพอดี) หารออกมาแล้วคนละ 30 บาทต่อวัน (เดินทาง 4 คน) คุ้มสุดๆ แถมในเรื่องของความเร็วเป็น 4G ใช้มากใช้น้อยเท่าไรก็ไม่มีการปรับสปีดลดลง ดู Youtube อัพภาพลง FB ฟินสุดไม่สะดุดเลยสักนิด สนใจเข้าไปดูเข้าไปจองได้ที่ -> tripizee
Being social media addict, I will not miss any social update by using Tripizee’s Pocket Wi-Fi. The rental fee is only 120 baht per day. I can connect up to 8 devices in a time (but I recommend you to connect no more than 4 devices). It means that we pay only 30 baht per person per day (our group has 4 people) that is very reasonable. You can enjoy unlimited 4G without reducing the speed so you can watch YouTube or upload photos as much as you want. If you are interest, please follow this link -> tripizee
ท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่า… โอกินาว่า ต้องมาต้องโดนให้ได้สักครั้ง ผมอาจเจอ 10 เหตุผลที่ทำให้อยากมาที่นี่ แต่บางทีคุณอาจจะเจอ 100 เหตุผลเลยก็ได้ว่าทำไมใครๆก็ตกหลุมรักเกาะเล็กๆเกาะนี้…“10 เหตุผลที่ต้องไปโดน โอกินาว่า (Okinawa) สักครั้ง”
ขอขอบคุณ Peach Air สายการบินราคาประหยัดสำหรับเส้นทางบินตรงสู่ โอกินาว่า
ขอบคุณ Pocket Wi-Fi Tripizee ไม่ว่าจะเกาะหรือทะเล สัญญาณแรงไม่มีสะดุดตลอดทริป
ขอบคุณ ประกันการเดินทางจาก Sompo อุบัติเหตุ เจ็บป่วยที่ญี่ปุ่น ไม่ต้องสำรองจ่ายออกก่อน
และ ขอบคุณ โอกินาว่า เกาะสวยน้ำทะเลใสที่ชวนหลงใหลและทำให้อยากกลับมาอีกหลายๆครั้ง
Last but not least, I would like to tell you that … you should visit Okinawa at least once in a lifetime. I could find 10 reasons why we should go to Okinawa, but maybe you might find 100 reasons why everyone falls in love with this small island.
Special Thanks to Peach Air affordable direct flights to Okinawa.
Special Thanks to Tripizee Pocket Wi-Fi that provide me excellent Wi-Fi signal even at the island or in the sea without tripped throughout the trip.
Special Thanks to travel insurance from Sompo that make us no worry about the expense of any accident or illness in Japan.
and thanks to Okinawa the beautiful island and wonderful sea that call us to go back again and again.
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^