การไปชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวอย่างเราไม่ควรพลาด ยิ่งเป็นแถบตอนเหนือของญี่ปุ่นอย่าง ฮอกไกโด ที่ขึ้นชื่อว่าหิมะนุ่มแล้ว ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ก็สวยไม่แพ้ภูมิภาคอื่น สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าจะไปถ่ายรูปสวยๆ กับใบไม้ที่พร้อมใจกันเปลี่ยนสีต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ไหนดี ลองดูสถานที่ที่เราแนะนำ เพื่อไว้เป็นไกด์ไลน์ในการเที่ยว ว่าแล้วก็เตรียมชุด พร็อพ และท่าโพสต์เก๋ๆ ให้พร้อม แล้วเก็บกระเป๋าเดินทางไปญี่ปุ่นด้วยกัน…“เที่ยวฮอกไกโด 7 สถานที่เช็คอินเต็มอิ่มกับใบไม้เปลี่ยนสี”
ทริปนี้เราเลือกบินตรงกับการบินไทย ด้วยเครื่องลำใหญ่ BOEING 777-300 นั่งสบาย บริการครบทั้งเรื่องอาหารและน้ำหนักกระเป๋า แต่ถ้าจะให้สุด ลองเลือกที่นั่งแบบ Preferred Seat กันดู เพื่อความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง เพราะเป็นที่นั่งที่มีพื้นที่วางขากว้างกว่าที่นั่งปกติ ไม่มีอะไรมาเกะกะด้านหน้าให้รำคาญใจ หลายคนอาจสงสัยว่า Preferred Seat คือที่นั่งตรงไหน ที่นั่งแบบ Preferred Seat หลายคนมักจะเรียกกันว่าที่นั่งแบบ Long Leg คือที่นั่งแถวหน้าสุดของแต่ละโซน รวมถึงที่นั่งบริเวณทางออกฉุกเฉิน ครั้งนี้เราเลือกที่นั่ง Preferred Seat บริเวณทางออกฉุกเฉิน เลยได้ที่นั่งคู่ ราวกับเป็น Honeymoon Seat เลยทีเดียว *** ข้อจำกัดของที่นั่งแบบ Preferred Seat คือระหว่างเครื่องขึ้นและลง เราจะไม่สามารถวางสัมภาระไว้ที่บริเวณที่วางเท้า เพราะจะเป็นการกีดขวางทางออกฉุกเฉิน เพื่อความปลอดภัยของส่วนรวม เราจึงต้องนำสัมภาระทั้งหมดวางบนที่เก็บของเหนือศีรษะ แต่พอเครื่องขึ้นเรียบร้อย เราสามารถหยิบของมาใช้ได้ตามปกติ ***
ส่วนอาหารบนเครื่องนั้นถูกปากคุ้นลิ้นคนไทยแน่นอน ทั้งข้าวและอุด้ง รสชาติคงไม่ต้องพูดถึง บอกแค่ว่าเราทานหมดเกลี้ยงไม่เหลือเลย 555 อีกเรื่องที่การบินไทยยืนหนึ่ง นั่นก็คือ เรื่องของการบริการ เพราะพนักงานทุกคนบริการด้วยความอ่อนน้อม สุภาพ ยิ้มแย้ม แค่เราขยับตัวหรือส่งสายตาไปหา ก็รีบเข้ามาถามแล้วว่าต้องการอะไรเพิ่มเติม สื่อสารง่าย เข้าใจทุกความต้องการของคนไทย ทำให้เราสุขใจทุกครั้งที่บินกับการบินไทย
สำหรับใครที่สนใจ สามารถจอง Preferred Seats ได้หลายช่องทาง ทั้งที่ THAI Contact Center 02-356-1111 / ที่สำนักงานขายการบินไทย / ที่เคาน์เตอร์เช็คอิน ณ วันเดินทาง / บนเครื่องบิน หรือผ่านเว็บไซต์ได้ โดยราคาที่นั่งจะแตกต่างตามแต่ละโซน ดังรูปด้านล่าง และสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ -> https://www.thaiairways.com/th_TH/plan/travel_information/special_request_assistance.page
หลายคนมักถามว่า เที่ยวญี่ปุ่นควรใช้เน็ตของอะไรดี จะเปิด Roaming หรือซื้อซิมดีน้า จากที่เราได้ทดลองมาหลายอย่าง ขอแนะนำ Internet SIM ของ SAMURAI Wi Fi เพราะแค่ชื่อก็บอกแล้วเขาเป็นหนึ่งที่ญี่ปุ่นจริงๆ ดีงามทั้งเรื่องของสัญญาณ ราคา และการบริการ อีกทั้งยังสามารถแชร์สัญญาณกันได้หลายคน/เครื่อง คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ราคาซิมเริ่มต้น 239 บาท Unlimited 300 MB Per Day Speed Reduce to 128kbps (เริ่มต้น 4 วัน) การรับซิมก็ง่ายเพราะสามารถรับได้ที่สนามบิน (มีเคาน์เตอร์ทั้งที่สนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ) หาซื้อได้ที่ Shopee , K+ Market และ Call Center โทร 02-491-0000
เพียง 6 ชั่วโมงครึ่ง บินตรงสบายๆ ลงเครื่องปุ๊บพร้อมเที่ยวต่อ เราขอแนะนำ 7 สถานที่เช็คอินเต็มอิ่มใบไม้เปลี่ยนสี เริ่มที่แรกกันเลย
จุดที่ 1 : Hill of The Buddha
หรือเนินพระพุทธเจ้า สถานที่แห่งนี้อาจไม่คุ้นหูคนไทยนัก แต่เป็นผลงานชิ้นเอกของ Tadao Ando สถาปนิกชาวญี่ปุ่น ที่นี่มีลักษณะเป็นเนินเขาล้อมรอบรูปปั้นพระพุทธรูป ซึ่งมีความสูงถึง 13.5 เมตร รายล้อมด้วยธรรมชาติอันงดงาม ตั้งอยู่ที่สุสาน Makomanai Takino Reien ในเมือง Sapporo หากมองจากด้านนอก เราจะเห็นเพียงแค่เศียรของพระพุทธรูปที่โผล่ออกมา โดยมีเนินขั้นบันไดล้อมรอบ แต่เมื่อเดินลอดไปตามทาง จนถึงบริเวณปลายทางของอุโมงค์ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ให้มองย้อนขึ้นไป จะเห็นเหมือนมีแสงสะท้อนอยู่รอบองค์พระพุทธรูป เปรียบเสมือนรัศมีแสงแห่งฟ้า ไม่สามารถมองได้จากทางด้านนอก ช่วงเวลาที่เปิด : เมษายน-ตุลาคม 9:00 – 16:00 น. / พฤศจิกายน-มีนาคม 10:00 – 15:00 น. ค่าเข้าชม 300 เยน (เป็นการบริจาค)
นอกจากนี้ บริเวณด้านข้างของ Hill of The Buddha ยังมีรูปปั้นจำลองของ Moai หลายสิบตัวยืนเรียงกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ ราวกับได้เดินทางมาถึงเกาะอีสเตอร์กันเลย (บริเวณนี้ไม่เสียค่าเข้าชม)
จุดที่ 2 : Takino Suzuran Hillside Park
อุทยานแห่งชาติและสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตเมือง Sapporo มีพื้นที่มากถึง 395 ไร่ ภูมิทัศน์แวดล้อมไปด้วยเนินเขาและต้นไม้ รวมทั้งน้ำตก Ashiribetsu Falls ภายในแบ่งออกเป็น 6 โซน มีทั้งโซนกิจกรรมกลางแจ้ง โซนการเรียนรู้ที่เหมาะกับครอบครัว และร้านอาหารตามจุดต่างๆ โซนตรงกลางเป็นสวนดอกไม้ที่จัดไว้ปลูกดอกไม้นานาพรรณสลับสับเปลี่ยนกันไปในแต่ละเดือน โซนภูเขามีทั้งน้ำตกอาชิริเบทสึและแม่น้ำ นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยเครื่องเล่นจากธรรมชาติและเครื่องเล่นอื่นๆ มากมายที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับเด็กๆ นับเป็นอีกหนึ่งจุดที่เราสามารถมาชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสีได้อย่างสวยงาม เปิดให้บริการทุกวัน 9:00 – 17:00 น.
จุดที่ 3 : Jozankeio Futami Suspension Bridge
สะพานไม้สีแดงที่ทอดข้ามแม่น้ำ Toyohira ในเมืองโจซังเค ซึ่งเป็นเมืองกลางหุบเขาที่ไม่ห่างจาก Sapporo มากนัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที เป็นเมืองที่โด่งดังในเรื่องออนเซ็น น้ำพุร้อน และตัวกัปปะ ณ สะพานโจซังเคแห่งนี้ เป็นอีกจุดที่สามารถชมความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีได้อย่างสวยงาม
จุดที่ 4 : Tomita Farm
ฟาร์มโทมิตะ เป็นฟาร์มชื่อดังแห่งเมือง Furano ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดชมดอกลาเวนเดอร์ที่ดีที่สุดของเมืองเนื่องจากมีวิวทิวทัศที่สวยงาม ฉากหลังเป็นภูเขา Tokachi ด้านข้างมีร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากลาเวนเดอร์ อาทิ ไอศกรีมลาเวนเดอร์ ขนมไส้ลาเวนเดอร์ และผลิตภัณฑ์ต่างๆที่มีลาเวนเดอร์เป็นส่วนประกอบ ถ้ามาในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะไม่เห็นทุ่งดอกลาเวนเดอร์ แต่สามารถเห็นสีสันของดอกไม้นานาพรรณชนิดอื่น ช่วงเวลาที่เปิด : กรกฎาคม-สิงหาคม 8:30 – 18:00 น. เข้าชมฟรีอย่างอิสระ
จุดที่ 5 : New Furano Prince Hotel & Ningle Terrace
สกีรีสอร์ทที่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของ Hokkaido และใหญ่ที่สุดในเมือง Furano มีจุดท่องเที่ยวที่โด่งดังอย่าง Ningle Terrace ซึ่งเป็น Shopping Village ที่มีร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองจำพวกงานฝีมือต่างๆ โดยแต่ละร้านจะเป็นกระท่อม (Cottage) หลังเล็กๆ รวมทั้งสิ้น 15 หลัง ตั้งอยู่บนเนินกลางป่าไม้ที่ร่มรื่น มีทางเดินไม้เชื่อมถึงกัน สาเหตุที่ Ningle Terrace มีชื่อเสียงโด่งดัง ก็เพราะเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ มิวสิควีดีโอ และซีรีย์ดังของญี่ปุ่นหลายต่อหลายเรื่อง เปิดให้บริการทุกวัน : 12:00 – 20:45 น.
ร้านที่ไม่ควรพลาด คือ ร้านกาแฟที่อยู่ตรงกลาง Village ซึ่งมีชื่อว่า Café Shop Mori no Tokei โดยเมนูที่ฮิตที่สุด คือ Baked Milk นมอุ่น หอมกรุ่น รับกับอากาศเย็นๆ ได้อย่างลงตัว
ในส่วนของโรงแรมมีห้องพักหลายแบบทั้ง Standard และ Suite ที่มีขนาดกว้างขวาง และด้วยความที่ตัวโรงแรมตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ทำให้เห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างสวยงาม ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งออนเซ็น (แบบ Indoor และ Outdoor) ห้องอาหารต่างๆ และร้านขายของที่ระลึก รวมทั้งช่วงฤดูหนาวที่นี่ยังมี Ski Lift ไว้ขึ้นไปเล่นสกีนุ่มๆที่ด้านบนด้วย
อาหารเช้าของที่นี่ ให้บริการเวลา 6:30-9:30 น. ที่ Main Banquet Hall และ Lavender Restaurant มีไลน์อาหารให้เลือกเยอะมาก ทั้งอาหารญี่ปุ่นและอาหารฝรั่ง ที่เด็ดสุด ขอยกให้กับไข่ปลา ที่คนญี่ปุ่นนิยมนำมาราดบนข้าวสวยร้อนๆ มีไว้ให้เราตักได้แบบไม่อั้น งานนี้คงต้องพักเรื่องแคลเลอรี่ไว้ชั่วคราวซะแล้ว สำหรับใครที่มาเที่ยวที่ Furano แล้ว ไม่มาพักที่ New Furano Prince Hotel แล้วละก็ ถือว่ามาไม่ถึง Furano กันเลยทีเดียว
จุดที่ 6 : Shikisai-No-Oka (Shikisai Hill)
สวนดอกไม้ในพื้นที่ 15 ไร่ ที่มีดอกไม้นานาชนิดสลับสีกันอย่างสวยงาม โดยในแต่ละฤดูกาลจะปลูกดอกไม้สลับกันไปเกือบตลอดปี ที่ด้านหน้าจะเห็นตุ๊กตาหุ่นกองฟางขนาดใหญ่ ตั้งเด่นคอยต้อนรับผู้มาเยือน เราสามารถเข้าชมสวนโดยการเดินเท้า หรือเช่ารถ ATV หรือนั่งรถกอล์ฟ/รถแทรกเตอร์ ก่อนกลับ สามารถแวะซื้อของที่ระลึก อาทิ ตุ๊กตาอัลปาก้า พวงกุญแจ ขนมต่างๆ ฯลฯ ได้ที่ร้านขายของฝากบริเวณทางออก ช่วงเวลาที่เปิด : 8:30 – 18:00 น. (ฤดูร้อนจะปิดเร็วกว่านี้) ไม่คิดค่าเข้า
จุดที่ 7 : Shirogane Blue Pond
สระมรกต/บ่อน้ำสีฟ้า ตั้งอยู่เมือง Biei บ่อน้ำแห่งนี้เกิดจากการสร้างเขื่อนขึ้นในบริเวณนั้นเพื่อป้องกันโคลนถล่มบริเวณภูเขาไฟ Tokachi เมื่อปี 1988 สาเหตุที่น้ำในบ่อมีสีฟ้าสด เพราะจากการปะทุของภูเขาไฟ ทำให้เกิดแร่ธาตุอลูมิเนียมไฮดรอกไซด์เจือปนอยู่ในน้ำเป็นจำนวนมาก เมื่อสะท้อนกับแสงจึงทำให้เกิดสีฟ้าสดใส ประกอบกับตอไม้มากมายที่โผล่พ้นผิวน้ำ นับเป็นธรรมชาติที่งดงามไปอีกแบบ ความงามของบ่อน้ำแห่งนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละฤดู ที่สำคัญควรมาช่วงบ่ายเพราะจะได้เห็นสีฟ้าได้อย่างชัดเจน
จากภาพมุมสูง จะเห็นได้ว่าบ่อน้ำแห่งนี้มีขนาดใหญ่พอสมควร โดยเราสามารถเดินชมความงามได้โดยรอบ ซึ่งในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมความงามของบ่อน้ำแห่งนี้เป็นจำนวนมาก
ทีนี้ก็อย่าลืมเตรียมวันลาให้พร้อมสำหรับฤดูใบไม้ร่วงปีหน้า แล้วตามเราไปยังจุดต่างๆ เพื่อไปเก็บภาพความประทับใจของใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น แล้วจะได้คำตอบว่าทำไมผู้คนมากมายถึงชอบไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นกันนัก ว่าแล้วก็อย่าให้ภาพต่างๆ ตามโซเชียลมาทำให้เกิดความอยากไป ลองเก็บกระเป๋าแล้วไปพิสูจน์ด้วยตัวเองกันเลย “7 จุดเช็คอิน เที่ยวฮอกไกโด”
และถ้าใครอดใจไม่ไหวที่จะรอช่วงใบไม้เปลี่ยนสี อยากไปสัมผัสอากาศหนาวๆก่อน ทางการบินไทยได้มี Promotion Hello Winter 2019 สามารถเข้าไปจองราคาพิเศษได้ที่ -> Hello Winter 2019 (รายละเอียดช่วงเวลาการจองและเดินทางอยู่ในรูปด้านล่าง) แล้วอย่าลืมเลือกซื้อ Preferred Seat ด้วยนะ จะบินทั้งทีก็ให้ฟินถึงที่สุดไปเลย
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^