ถ้าเอ่ยชื่อเดนมาร์ก หลายๆคนคงนึกถึงเมืองหลวงอย่าง โคเปนเฮเกน (Copenhagen) เพราะชื่อนี้คุ้นหูนักท่องเที่ยวมากกว่าเมืองอื่นๆ ที่นี่ยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย และยังเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการคมนาคมที่สำคัญแห่งหนึ่งของทวีปยุโรปด้วย จากทำเลที่ตั้งริมชายฝั่งทะเลบอลติก ทำให้เมืองหลวงนี้กลายเป็นท่าเรือสำคัญที่ใช้เชื่อมต่อไปทั่วเขตยุโรปเหนือ แม้ว่าปัจจุบันโคเปนเฮเกนจะเจริญรุ่งเรืองและทันสมัยในทุกด้าน แต่ยังคงรักษากลิ่นอายมนต์เสน่ห์ของโลกยุคเก่าไว้ได้อย่างน่าทึ่ง ถ้ามีเวลาแค่ 1 วัน แล้วอยากเที่ยวแบบแฮปปี้ รีวิวนี้ขอแนะนำ…“10 สถานที่ เที่ยวโคเปนเฮเกน 1 วันก็เที่ยวได้ทั่ว”
เดินทางรอบนี้เราจองตั๋วผ่าน Traveloka ซึ่งตั๋วเครื่องบินของทาง Traveloka มีทั้งชั้น Economy , Premium Economy , Business และ First Class อย่างรอบนี้ผมจองชั้นธุรกิจของสายการบินไทยไป เที่ยวโคเปนเฮเกน (BKK – CPH – BKK) กับทาง Traveloka -> https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-denmark
และสำหรับคนที่จองตั๋วเครื่องบินทั้งของ การบินไทย, ไทยสมายล์, ไทยไลอ้อนแอร์ และการูด้าแอร์ไลน์ กับทาง Traveloka นอกจากจะสามารถเช็คอินออนไลน์ล่วงหน้าผ่านหน้าเว็บไซต์ของแต่ละสายการบินเองแล้ว ตอนนี้ยังสามารถเช็คอินออนไลน์กับ Traveloka โดยตรง ผ่าน Application หรือหน้าเว็บที่ https://www.traveloka.com/th-th/checkin ได้เลย ซึ่งขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยาก ทำตาม 5 Steps นี้ ก็ได้บัตรโดยสารออกมาเป็นที่เรียบร้อย การจะทำเช็คอินออนไลน์ผ่าน Traveloka ต้องซื้อตั๋วเครื่องบินผ่านทาง Traveloka เท่านั้น ซื้อผ่านช่องทางอื่นไม่สามารถทำเช็คอินออนไลน์ได้นะครับ
บินชั้นธุรกิจกับการบินไทยรอบนี้เราได้เลือกที่นั่งแบบ Honeymoon Seat โดยปกติแล้วชั้นธุรกิจของการบินไทยจะมีผังที่นั่งเป็น 1-2-1 ซึ่งแถวตรงกลางที่นั่งคู่จะมี 2 แบบ แบบมีที่วางแขนหรือโต๊ะเล็กๆกั้นกลาง (เหมาะสำหรับคนไม่รู้จักกันนั่งด้วยกัน) กับอีกแบบหนึ่งที่เบาะติดกัน ตอนปรับเอนนอนราบแล้วเหมือนเตียง Twin 2 เตียงติดกัน แบบนี้เรียกว่า Honeymoon Seat (เหมาะสำหรับคู่รัก) รวมถึงพนักงานของการบินไทยเรายกให้ยืนหนึ่งในเรื่องการบริการ รู้สึกอบอุ่นและประทับใจทุกครั้งที่ได้ขึ้นการบินไทย (ไม่ได้อวยแต่พูดจริงๆจ้า ^^)
จองชั้นธุรกิจเดินทางกับการบินไทย เราสามารถเลือกเมนูอาหารพิเศษได้ ซึ่งมีด้วยกัน 13 เมนู แต่จะสั่งล่วงหน้าก่อนเครื่องออก 24 ชั่วโมง และจะต้องเป็นขาออกจากครัวไทย หรือออกจากสุวรรณภูมิเท่านั้นครับ เมนูโปรดของผมคือ กระเพรากุ้งโปะไข่ดาวราดข้าว ฟินสุดๆ
มายุโรปควรใช้เน็ตของอะไรดี จะเปิด Roaming หรือซื้อซิมใช้งาน รอบนี้เราขอแนะนำ Internet SIM ของ SAMURAI Wi Fi ดีงามทั้งเรื่องของสัญญาณ ราคา และการบริการ อีกทั้งยังสามารถแชร์สัญญาณกันได้หลายคน/เครื่อง คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ราคาซิมเริ่มต้นที่ 5 วัน ราคา 429 บาท การรับซิมก็ง่ายเพราะสามารถรับได้ที่สนามบิน (มีเคาน์เตอร์ทั้งที่สนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ) หาซื้อได้ที่ Shopee , K+ Market และ Call Center โทร 02-491-0000
โคเปนเฮเกน มีสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆอยู่ใกล้ๆกันทำให้สามารถเดินเท้า หรือเช่าจักรยานปั่นชิวๆได้ง่ายๆ เราขอแนะนำ 10 สถานที่ เที่ยวโคเปนเฮเกน ภายใน 1 วัน หรือ 24 ชั่วโมง ก็สามารถเที่ยวได้ทั่ว ไปชมกันครับว่ามีสถานที่ไหนที่จดลิสท์แล้วออกไปเที่ยวตามได้บ้าง
จุดที่ 1 : Copenhagen City Hall
ศาลาว่าการเมืองโคเปนเฮเกนที่ออกแบบโดย Martin Nyrop เป็นสถาปัตยกรรมแบบ National Romantic ซึ่งเป็นสไตล์เฉพาะสำหรับกลุ่มประเทศแถบนอร์ดิก โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากศาลาว่าการเมือง Sienna แห่งรัฐ Tuscany ของประเทศอิตาลี มีส่วนของหอคอยสูงถึง 105.6 เมตร ซึ่งนับเป็นจุดสูงสุดในพื้นที่ใจกลางกรุงโคเปนเฮเกน แถมยังสามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงได้จากบนนี้อีกด้วย
City Hall Tours : ไกด์ภาษาอังกฤษ วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 13:00 น. / วันเสาร์ 10:00 น. ราคา 60 DKK
Tower Tours : วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 11:00 น. และ 14:00 น. / วันเสาร์ 12:00 น. ราคา 40 DKK
จุดที่ 2 : Christianborg Castle
อีกหนึ่งอาคารสถาปัตยกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองโคเปนเฮเกน ปัจจุบันเป็นทั้งอาคารรัฐสภาและสถานพำนักของนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศเดนมาร์ก โดยตัวพระราชวังแห่งนี้ถือเป็นพระราชวังลำดับที่ 3 ที่ถูกก่อตั้งขึ้นในพื้นที่ห้องนี้ตั้งแต่ปี 1907 ซึ่งแต่เดิมนั้นเป็นที่ตั้งของปราสาทหินโบราณอายุเกือบ 1,000 ปี ก่อนที่จะถูกรื้อทำใหม่ถึง 2 รอบในช่วงเวลาต่อมา
เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10:00-17:00 น. ราคา 160 DKK
จุดที่ 3 : The Little Mermaid
รูปปั้นนางเงือกน้อยที่นั่งอยู่บนก้อนหินบริเวณท่าเรือโคเปนเฮเกนนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1913 ตามความต้องการของ Carl Jacobson ผู้ผลิตเบียร์ชาวเดนนิช ซึ่งเกิดความประทับใจขณะชมการแสดงละครที่สร้างจากนิทานเรื่อง “The Little Mermaid” ผลงานของกวีและนักแต่งนิยายชื่อดังของเดนมาร์ก Hans Christian Anderson จึงได้ว่าจ้าง Edvard Eriksen ศิลปินท้องถิ่นให้สร้างงานประติมากรรมสำฤทธิ์ชิ้นนี้ขึ้น จนกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของประเทศเดนมาร์ก
เปิดทุกวัน ราคา ฟรี
จุดที่ 4 : Gefion Fountain
น้ำพุ Gefioin เป็นชื่อเทพเจ้าในตำนานของชาวสแกนดิเนเวียน ตามตำนานเล่าว่ากษัตริย์ Gylfi ผู้ปกครองดินแดนที่ในปัจจุบันคือ สวีเดนได้กล่าวกับกลุ่มสตรีที่รักสนุกว่า หากอยากมีงานรื่นเริงต่อไปให้ทำการขุดไถแผ่นดินในอาณาจักรให้ได้มากที่สุด โดยให้ใช้วัว 4 ตัว ขณะนั้นมีสตรีชื่อ Gefion อาสาทำ โดยเสกให้ลูกชายที่เกิดกับยักษ์ให้กลายเป็นวัว 4 ตัว และขุดไถเอาดินแดนลากมาทิ้งไว้ที่ทะเลทางด้านตะวันตก จนกระทั่งถูกพัดพามาอยู่ทางใต้ของสวีเดน ที่มีชื่อว่า Zealand ซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงโคเปนเฮเกนในปัจจุบัน รูปปั้นดังกล่าวจึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์การเกิดเมืองที่นักท่องเที่ยวจะพลาดไม่ได้เป็นอันขาด
เปิดทุกวัน ราคา ฟรี
จุดที่ 5 : Copenhagen Canal Tour
เพียง 1 ชั่วโมง กับการล่องเรือชมความเป็นอยู่ของเมืองโคเปนเฮเกน ผ่านลำคลองเล็กๆ โดยจะมีไกด์พูดบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ ผ่านตามสถานที่เที่ยวต่างๆ และจะจอดให้ลงไปถ่ายรูปตรงท่าเรือย่าน Nyhavn และวนไปถึง The Little Mermaid แล้วกลับมาที่เดิม บรรยากาศดี แถมมีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ติดตัวกลับไปอีกด้วย
ช่วง Summer : ให้บริการทุกวัน เวลา 09:30-18:00 น. ราคา 95 DKK
ช่วง Winter : ให้บริการทุกวัน เวลา 09:30-15:00 น. ราคา 95 DKK
จุดที่ 6 : ย่าน Nyhavn
เป็นย่านบันเทิงริมฝั่งคลองที่รายล้อมด้วยอาคารสีสันสดใส สร้างขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวของท่าเรือดั้งเดิม โดยใช้เป็นคลองเชื่อมเมืองออกสู่ทะเล บริเวณริมฝั่งคลองเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่มากมายตลอดแนวความยาวของท่าเรือ จึงเป็นที่แน่นอนว่าบริเวณแห่งนี้ต้องเต็มไปด้วยเรือน้อยใหญ่ที่จอดเรียงรายกันมากมาย และยังมีมุมสวยๆที่ถ่ายแล้วมีฉากหลังเป็นอาคารหลากสีสดใสอีกด้วย
เปิดทุกวัน ราคา ฟรี
จุดที่ 7 : Rosenborg Castle
ปราสาทนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1606 เพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์เดนมาร์ก ตัวปราสาทสร้างขึ้นในสไตล์ดัตช์เรอเนสซองส์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผลงานทางสถาปัตยกรรมชิ้นสำคัญของกษัตริย์คริสเตียนที่ 4 แห่งเดนมาร์ก โดยด้านในเป็นสถานที่จัดเก็บมงกุฎเพชรอันล้ำค่าของสมเด็จพระราชาและพระราชินีแห่งราชวงศ์เดนมาร์ก
เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10:00-15:00 น. ราคา 115 DKK
จุดที่ 8 : Stroget Shopping Street
ถนนคนเดินและช้อปปิ้งสตรีทที่มีความยาวที่สุดในยุโรป ถนนสายนี้แบ่งเป็น 3 ช่วง รวมระยะทางทั้งหมด 1.8 กิโลเมตร ตลอดทางของ Stroget เต็มไปด้วยร้านค้าที่ขายสินค้าหลากหลาย ทั้งร้านอาหาร คาเฟ่นั่งชิลล์ ร้านขายของฝาก หรือแบรนด์ดังๆ ที่สามารถนำไปทำ Tax Refund ได้เยอะที่สุดในยุโรปอีกด้วย รับรองว่าสายช้อปไม่ผิดหวังแน่นอน
เปิดทุกวัน ราคา ฟรี
จุดที่ 9 : The Round Tower
อาคารทรงกระบอกที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1642 ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็น “หอดูดาว” ของกษัตริย์ Christian ที่ 4 ของราชวงศ์เดนมาร์กซึ่งปัจจุบันได้ถูกปรับโฉมให้กลายมาเป็นจุดชมวิวตัวเมืองโคเปนเฮเกน ต้องเดินขึ้นบันไดวนขึ้นไปถึงด้านบนสุดแล้วจะพบกับวิว 360 องศา
เปิดทุกวัน เวลา 10:00-20:00 น. ราคา 25 DKK
จุดที่ 10 : Tivoli Gardens
สวนสนุกที่มีอายุเก่าแก่อันดับ 2 ของโลก สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1843 มีเนื้อที่กว่า 20 เอเคอร์ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ด้านในมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับผู้คนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องเล่นแบบผาดโผนที่ทันสมัย เครื่องเล่นสำหรับเด็กน่ารักๆ และร้านอาหารในบรรยากาศสบายๆ ทำให้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาเยือนถึงกว่า 4 ล้านคน ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในแถบสแกนดิเนเวีย ใครได้มาเยือนโคเปนเฮเกนแล้วไม่อยากพลาดบรรยากาศความสนุกสนานตามวิถีของชาวยุโรปเหนือ ห้ามพลาดที่นี่เป็นอันขาด แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าที่นี่ไม่ได้เปิดทุกวันก่อนมาควรตรวจสอบช่วงเวลาที่สวนสนุกเปิดจากเว็บไซท์ https://www.tivoli.dk/en/
“10 สถานที่ เที่ยวโคเปนเฮเกน 1 วันก็เที่ยวได้ทั่ว” ที่ใครๆก็เที่ยวได้เพราะที่นี่สะดวกในการเดินทางทั้งรูปแบบเดินเที่ยวชมเมือง หรือเช่าจักรยานปั่นให้ได้บรรยากาศในเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีการปั่นจักรยานมากที่สุดในโลก แถมยังสามารถเชื่อมต่อการเดินทางไปเที่ยวประเทศข้างเคียงเช่น สวีเดน หรือ นอร์เวย์ได้อีกด้วย ลองมาสัมผัสกลิ่นอายยุโรปเหนือสักครั้งแล้วจะหลงรัก อยากกลับมาเที่ยวอีกแน่นอน ^^
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^
