(Bilingual Review)
แม้หน้าประวัติศาสตร์ของเวียดนามจะเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งสงคราม แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ดอกผลแห่งสงครามได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่กระตุ้นต่อมความอยากเที่ยวของผู้คนจากทั่วโลกได้เป็นอย่างดี โดยจุดหมายที่เราจะไปเวียดนามในครั้งนี้เป็นเมืองที่อยู่ตอนกลางของประเทศ อุดมด้วยแม่น้ำ ทะเลสวย และภูเขาสูง ทำให้ภูมิภาคนี้มีความหลากหลายทั้งอากาศที่หนาวเย็นบนเทือกเขา และแสงแดดอันอบอุ่นริมชายหาด รวมทั้งไม่ไกลจากที่นี่ยังมีอีกหนึ่งเมืองมรดกโลกที่สุดแสนจะโรแมนติกอีกด้วย ไปรับชมความงามของ 2 เมืองในเวียดนามกลางที่จะทำให้คุณหลงใหลและอยากไปบันทึกเที่ยวเหมือนกับเรา…“เที่ยวดานัง ฮอยอัน”
Although the history of Vietnam is filled with the story of the war, we cannot reject that the result of the war has become a tourist attraction that people from all over the world dream to come. Our destination is in the middle of Vietnam where full of beautiful sea and high mountains that make this region having a wide variety in terms of cold weather on the mountain and warm sunshine on the beach. Not far from here is another world heritage city that is very romantic. Let’s visit the beauty of two cities in Central Vietnam and you will be fascinated and really want to go there like us…“Travel Danang & Hoi An”
การเดินทางไปดานังเดี๋ยวนี้แสนจะสะดวกสบาย เพราะมีเที่ยวบินจากสายการบิน Air Asia บินตรงจาก กทม. เพียงแค่ 1.40 ชั่วโมงเท่านั้น เวลาเดินทางสวย มีวันละ 2 เที่ยวบินแถมบินทุกวันด้วย ของเราเลือกออกจากไทยเวลา 09:50 น. ไปถึงดานังช่วงสายๆ ก็สามารถเที่ยวได้เลย
Nowadays going to Danang is very convenient. Air Asia has direct flight from Bangkok that take only 1.40 hours. The flight schedule is very good. There are 2 flights every day. Our flight departs from Bangkok at 09:50 a.m. and arrives to Danang in the late morning, so we can start our trip immediately.
มื้อบนฟ้ารอบนี้เราได้สั่งอาหารล่วงหน้า เมนู ข้าวกะเพราไก่สูตรหม่อมหลวงหน่อย รสชาติเผ็ดนิดๆกำลังดี
On the airplane, we ordered “ML Noi’s Basil Fried Chicken on Rice” in advance. Its taste is a bit spicy but overall is very tasty.
เวลาของเวียดนามตรงกับเวลาของไทยเพราะอยู่ Time Zone เดียวกัน เงินที่ใช้ในเวียดนามคือเงินสกุลดอง (VND) สามารถหาแลกได้ที่ร้านรับแลกเงินเอกชนบางแห่ง โดย 1 ดองมีมูลค่าเทียบเท่า 0.0014 บาท หรือเทียบง่ายๆ คือ 10,000 VND = 14 THB คนไทยไม่ต้องขอวีซ่าเมื่อเดินทางเข้าเวียดนาม และสามารถพำนักอยู่ได้ 30 วัน อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ยามเดินทาง นั่นก็คือ Pocket Wi-Fi เพราะทริปนี้เราเดินทางไปกันหลายคน การใช้ Pocket Wi-Fi จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะ สามารถแชร์สัญญาณใช้งานกันได้ โดยเราเลือกใช้ของ Tripizee คุ้มราคา เพราะเริ่มต้นเพียง 150 บาทต่อวันเท่านั้น สัญญาณดี ไม่มีหลุด เครื่องเล็กกะทัดรัด พกพาสะดวก สำหรับใครที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองได้ที่ -> Tripizee การรับ/คืนเครื่อง ก็สามารถทำได้ที่เคาน์เตอร์ในสนามบิน หากมีปัญหาตอนใช้งาน เค้ามีฝ่าย Support คอยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงด้วย
The time in Vietnam is same as in Thailand because Vietnam and Thailand are in the same zone. The money used in Vietnam is VND, which can be exchanged at some private money exchanges. 1 VND is equal to 0.0014 THB or 10,000 VND is equal to 14 THB. Thai tourists are not required to apply for a visa when entering Vietnam and can stay up to 30 days. Another thing that should not missed when travelling is Pocket Wi-Fi. There are many members in our trip, so we realize the using Pocket Wi-Fi is an ideal choice because we can share signal together. We choose Tripizee’s Pocket Wi-Fi that cost only 150 baht per day. The signal is good and stable. The device is compact and easy to port. For more information, please contact -> Tripizee. Getting and returning the device can be done at the counter in the airport. If we have any problem when using it, we can contact customer service all the time.
ดานัง
จุดหมายแรกของทริปนี้ในดานังเป็นที่พักที่อยู่บนยอดเขาอย่าง Bana Hills (บาน่าฮิลล์) โดยเราพักที่โรงแรม Mercure Bana Hills French Village ที่สวยงามอลังการไม่แพ้ Disneyland เลยทีเดียว เมื่อมาถึงสนามบินนานาชาติดานัง เราก็นั่งรถตู้ของทางโรงแรมต่อไปอีกประมาณ 40 นาที (ระยะทาง 25 กิโลเมตร)
Danang
Our first destination in Danang is the Bana Hills. We plan to stay at Mercure Bana Hills French Village where is as beautiful as Disneyland. After we arrived Danang International Airport, we took the hotel’s van for about 40 minutes (25 km. distance).
โดยเราต้องเช็คอินที่ Than Toc Tien Station ซึ่งอยู่ด้านล่างก่อน แล้วต้องนั่ง Cable Car ต่อขึ้นไปอีกประมาณ 20 นาที
Firstly, we have to check in at Than Toc Tien Station that located on the ground floor. Then we take a cable car for about 20 minutes to go up to Bana Hills.
Cable Car นี้ได้รับรางวัลจาก Guinness World Records ว่าเป็นกระเช้าไฟฟ้าที่ยาวที่สุด 5,801 เมตร และสูงที่สุดถึง 1,368 เมตร ค่าโดยสาร Cable Car สำหรับ ผู้ใหญ่ 700,000 VND เด็ก 550,000 VND สำหรับผู้ที่พักในโรงแรมที่บานาฮิลล์ราคาก็จะถูกลงมาอีก โดยเปิดให้บริการเวลา 08:00 – 20:00 น. เพื่อขึ้นไปยัง French Village บน Bana Hills ซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,480 เมตร
This cable car was recorded by Guinness World Records as the longest cable car with 5,801-meter length and 1,368-meter tall. The fare of Cable Car is 700,000 VND for adult and 550,000 VND for children. For the guests who stay at Mercure Bana Hills French Village, the fare will be cheaper. The cable car opens from 08:00 a.m. to 8:00 p.m. We can go up to the French Village on the Bana Hills which is 1,480 meters above sea level by taking this cable car.
ระหว่างที่นั่งบน Cable Car เราจะผ่านป่าสน ภูเขา และน้ำตกขนาดใหญ่ พอขึ้นสูงไปเรื่อยๆ อากาศก็เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ บางจังหวะมีหมอกไหลผ่านเอื่อยๆ อากาศที่นี่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เรียกได้ว่ามี 4 ฤดูใน 1 วัน ดังนั้น อย่าลืมเตรียมเสื้อผ้ามาให้พร้อม อย่าลืมพกเสื้อกันหนาวหรือผ้าคลุมมาด้วยนะครับ
On the way; we pass through pine forests, mountains, and large waterfalls. When we go to the higher level, the weather started to cool down. Sometimes the fog flows through us slowly. The climate here changes all the time. Perhaps there are 4 seasons in a day. So, don’t forget to bring the sweater or veil.
เมื่อขึ้นมาถึง French Village บน Bana Hills ก็ถึงขั้นตกตะลึงกับความยิ่งใหญ่อลังการ เพราะที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมของ Theme Park ร้านอาหาร คาเฟ่ จุดชมวิว โบสถ์ ร้านขายของที่ระลึก และที่สำคัญยังมีโรงแรมสวยๆ อย่าง Mercure Bana Hills French Village ด้วย สถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เมื่อครั้งชาวฝรั่งเศสในยุคอาณานิคมได้ขึ้นมาสร้างสถานตากอากาศไว้ แต่ด้วยผลของสงครามทำให้บ้านพักตากอากาศได้ถูกทำลายและทิ้งร้างไว้ แต่ต่อมาได้มีการบูรณะปรับปรุงจนกลายเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
When we reached French Village on Bana Hills, we astonished in its greatness because here is the center of theme park, restaurant, cafe, viewpoint, church, souvenir shops, and Mercure Bana Hills French Village. This place was built in the early 20th century when French colonialists want to build up the resort. Because of the war, the villa was destroyed and abandoned. Later, it was restored and become the beautiful hotel as we see at the present.
ห้องพักที่นี่มีทั้งหมดถึง 494 ห้องแบ่งเป็น 6 Room Type ได้แก่ Standard, Superior, Deluxe, Deluxe Executive, Family Suite และ Royal Suite โดยทุกห้องจะออกแบบสไตล์ยุโรปทันสมัย ส่วนตัวโรงแรมมีทั้งหมด 7 ตึก ซึ่งตั้งชื่อตามเมืองในฝรั่งเศส อาทิ Hotel De Paris, Hotel De Lyon, Hotel De Nice, Hotel De Marseille, Hotel De Bordeaux, Hotel De Strasbourg และ Hotel De Toulouse
There are 494 rooms available in 6 types of rooms including Standard, Superior, Deluxe, Deluxe Executive, Family Suite, and Royal Suite. Every room is designed in modern Europe style. The hotel has 7 buildings which named after the name of cities in France including Hotel De Paris, Hotel De Lyon, Hotel De Nice, Hotel De Marseille, Hotel De Bordeaux, Hotel De Strasbourg, and Hotel De Toulouse.
โดยห้องที่เราพักครั้งนี้เป็นห้องแบบ Deluxe อยู่ที่ตึก Hotel De Paris ซึ่งเป็นห้องที่มีระเบียง ทำให้สามารถออกมาเก็บภาพมุมสวยๆ ได้ อีกทั้งยังมองเห็นวิวโบสถ์ Gothic ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม สำหรับห้องพิเศษแต่ละห้องจะตั้งชื่อตาม Celeb ชาวฝรั่งเศส ภายในห้องจะตกแต่งด้วยภาพ พร้อมทั้งเรื่องราวความสำเร็จของ Celeb คนดังกล่าว
Our room is Deluxe room located in the Hotel De Paris building. The room has a balcony, so we can see the Gothic church that located on the opposite side. Each special room is named after French celebrities. Inside the room is decorated with the success stories these celebrities.
ภายในห้องมีขนาดกว้างขวาง มีเตียง King Size แสนนุ่ม พร้อมด้วย Facility ครบครัน ทั้งตู้เย็น มินิบาร์ ทีวีขนาดใหญ่ โต๊ะทำงาน เตารีด ไดร์เป่าผม Day Bed ตัวยาว เห็นแล้วอยากพักผ่อนอยู่ในห้องซะเหลือเกิน
The room is spacious. The king-size bed is very soft. All rooms are equipped with refrigerator, mini bar, large TV, work desk, iron, hair dryer, day bed.
ส่วนห้องน้ำแบ่งเป็นโซนห้องอาบน้ำซึ่งมีทั้งฝักบัวและ Rain Shower โซนห้องน้ำที่มีสายชำระไว้ให้พร้อม อ่างล้างหน้ากว้างขวาง พร้อมด้วยกระจกบานใหญ่ Amenities ครบครัน
In the bathroom, there are shower head, rain shower, bidet shower, spacious washbasin, large mirror, and all necessary amenities.
มาที่ห้องอาหารกันบ้าง ขอเริ่มกันที่ห้องอาหาร L’Etable ซึ่งจะเน้นอาหารฝรั่งเศส แต่ก็ยังมีอาหารเอเชียนและอาหารเวียดนามให้บริการด้วย
We will start at the first restaurant, L’Etable, where serves French cuisine and also Asian and Vietnamese dishes.
โดยเมนูที่เราสั่งมาทานคือ Striploin Steak with French Fries Black Pepper Sauce เสต็กเนื้อนุ่มราดด้วยซอสพริกไทยดำ / Cordon bleu de Poulet ไก่ทอดเนื้อหวานเสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอด / Agneau braise au romarin ขาแกะปรุงรสที่ไม่มีกลิ่นให้กวนใจ เนื้อนุ่ม ทานง่าย / Pork in clay pot หมูสามชั้นปรุงรสด้วยซอส ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ สุดแสนจะลงตัว ส่วนเครื่องดื่ม ขอแนะนำเมนูที่เป็น Signature อย่าง Banahills Sunrise ที่มีส่วนผสมของผลไม้นานาชนิด / Mango Lassi Smoothie เมนูสุดฮิตเพราะคนที่นี่ชอบทานมะม่วงกันมาก / Watermelon juice น้ำแตงโมที่ให้ความรู้สึกสดชื่น / Strawberry Milkshake หวานๆ ลงตัว
We ordered Striploin Steak with French Fries Black Pepper Sauce (Soft beef steak poured with black pepper sauce) / Cordon bleu de Poulet (Fried chicken served with French fries) / Agneau braise au romarin (Smooth and soft lamb) / Pork in clay pot (Juicy pork served with steamed rice). For the drinks, we recommend the signature menus like Banahills Sunrise (mixed juice) / Mango Lassi Smoothie (popular menu for mango lovers) / Watermelon juice (that will make you so fresh) / Strawberry Milkshake (Perfect Sweet).
อีกห้องอาหารหนึ่งที่เสิร์ฟทั้งอาหารเช้า อาหารกลางวัน และอาหารเย็น ซึ่งอยู่ในตึก Hotel De Paris นั่นก็คือห้องอาหาร La Crique สำหรับอาหารเช้าจะเป็นสไตล์ Paris ที่มีเมนูหลากหลาย ทั้งเบคอน ไส้กรอก ขนมปังนานาชนิด ไข่ดาว เฝอ ข้าวสวยและกับข้าวต่างๆ และน้ำผลไม้
Another restaurant serving breakfast, lunch, and dinner is the La Crique restaurant which located in Hotel De Paris building. Breakfast is a Parisian style with a wide selection of food including bacon, sausage, many kinds of bread, egg, Pho (Vietnam noodle) steamed rice, various cooked food and juices.
ส่วนมื้อกลางวันและมื้อเย็นที่ห้องอาหาร La Crique นี้จะเป็นแนว International buffet ซึ่งมีให้เลือกกว่า 80 เมนู ทั้งแนวยุโรปและเอเชีย
Lunch and dinner at La Crique Restaurant is an international buffet with over 80 European and Asian menus.
อาทิ BBQ & Grill station ที่มีทั้งเนื้อย่าง ปลาทอด Noodle Station ที่มีอาหารพื้นเมืองอย่าง เฝอเนื้อ/ไก่ Seafood ทั้งกุ้ง ปลาหมึก หอย Pizza หน้าต่างๆ Tropical Vegetables ที่มีผักสดมากมายให้เลือกทาน Hot Station มีทั้งบิบิมบับ ข้าวสวยและกับข้าวให้เลือกตามชอบ มุมของหวานเป็นเก๋าลัดในน้ำเชื่อม สำหรับเครื่องดื่มสามารถเลือกได้ทั้งชา กาแฟ และน้ำผลไม้
Including BBQ & Grill station which serves grilled beef and fried fish, Noodle Station which serves local specialties i.e. beef/chicken Pho, Seafood Station which serves shrimp, squid, shellfish and various Pizza, Tropical vegetables, Hot Station which serves Bibimbap, Steamed rice and cooked food, and Dessert corner i.e. chestnut in syrup etc. For drinks, there are tea, coffee, and juice.
กิจกรรมใน French Village มีให้เลือกทำมากมาย ที่ฮิตที่สุดคงจะเป็น Alpine Coaster ซึ่งเป็นรถนั่งไหลไปตามทาง 1 คัน สามารถนั่งได้ 1-2 คน โดยจะมีคันโยกเพื่อเพิ่ม Speed ระหว่างทางสามารถชมวิวเพลินๆ โดยเค้าจะมีกล้องตั้งถ่าย Auto ไว้ให้ แถมมุมถ่ายก็เทพไม่เบา ราคารูปละ 60,000 VND หรือ 3 USD ซึ่งเราจะได้ทั้งรูปที่เค้าพิมพ์ให้และสามารถเข้าไปโหลดไฟล์ในเว็บไซต์ได้อีกด้วย หากอยากจะเล่น Alpine Coaster ขอแนะนำให้มาเช้าๆ เพื่อเลี่ยงการต่อคิวยาวๆ แต่สำหรับผู้ที่พักในโรงแรมบนบาน่าฮิลล์อย่างเรามาเล่นตอนเช้าได้อย่างสบาย เพราะแขกจากข้างนอกยังไม่ขึ้นมากัน
There are plenty of activities in French Village. The most popular one is Alpine Coaster which is a car that we can ride along the hill (1-2 persons per 1 car). We can increase the speed. On the way, you can enjoy the gorgeous view. There is hidden camera will take you the photo automatically. The angle of the camera is so good. The price of each photo is 60,000 VND or 3 USD. We will get both photo and the link that we can download the photo file later. If you want to play Alpine Coaster, it is recommended to come in the early morning in order to avoid the long queue. But for those who stay at Mercure Bana Hills is very easy to come and play in the morning comfortably and guests from outside still not come yet.
นอกจากนี้ยังมีสวนสนุกในร่มอย่าง Fantasy Park สวนสนุกที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนวนิยายที่มีชื่อเสียงของนักเขียนชาวฝรั่งเศส อย่างเรื่อง Journey To The Center of the Earth และ 20,000 Leagues Under The Sea โดยเมื่อเข้าไปจะเหมือนกับว่าเราได้เดินเข้าสู่ป่าในเทพนิยาย ผ่านสวนไดโนเสาร์ ได้พิชิตหอคอยสูงกว่า 29 เมตร (Tower Drop) พร้อมด้วยภาพยนตร์ระบบ 4D และ 5D สุดทันสมัย และยังมีเครื่องเล่นและเกมส์ต่างๆ ให้เพลิดเพลินกันได้จนถึงเวลา 19:00 น.
There is also an indoor theme park that is Fantasy Park where is inspired by the famous novel by French authors named Journey to The Center of the Earth and 20,000 Leagues Under the Sea. When we go inside, we will feel like we are entering the forest in fairyland that we will find dinosaur garden and can conquer the tower that is over 29 m. (Tower Drop) and the latest 4D and 5D movies and various games. This theme park opens until 7:00 p.m.
หากอยากผ่อนคลาย ขอแนะนำให้ลองมาใช้บริการที่ Rhone Spa เป็นการนวดสไตล์เวียดนามที่ให้ความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
If you want to relax, we recommend you go to Rhone Spa which offer the Vietnamese massage that help you to feel relax.
อีกหนึ่งกิจกรรมที่ต้องห้ามพลาด นั่นก็คือ การถ่ายรูป เพราะที่ French Village แห่งนี้ มีมุมเทพๆ ให้ถ่ายรูปได้อย่างมากมาย
Another activity that you should not missed here is taking pictures. There are many beautiful locations in French Village.
เห็นรูปปุ๊บต้องนึกว่ากำลังเดินเล่นอยู่ในเมืองใดเมืองหนึ่งในฝรั่งเศสแน่ๆ
When someone see your picture, he/she will think that you took this picture at some places in France for sure.
อีกมุมถ่ายรูปที่พลาดไม่ได้ก็คือ มุมพระอาทิตย์ขึ้น ขอแนะนำให้ตื่นเช้าสักเล็กน้อย ประมาณ 05:30 น. เพื่อมาชมความงามยามพระอาทิตย์เคลื่อนตัวพ้นขอบฟ้า และแน่นอนว่าหากใครไม่พักบน Bana Hills ย่อมไม่ได้ภาพสวยๆ แบบนี้แน่
The period that you should not missed to take the pictures is at the sunrise. Recommended to wake up a bit early around 5:30 a.m. to see the sun rises across the sky. Of course, if you do not stay on Bana Hills, you will not get a good picture.
มุมถ่ายรูปใน French Village ยังมีอีกมากมายทั้งบริเวณ Happy Garden ตามทางเดิน ชั้นบนของตึก หรือแม้กระทั่งคาเฟ่ต่างๆ ที่มีมุมเก๋ๆ สวยงามทั้งกลางวันและกลางคืน
There are also plenty points in French Village for photo shooting including Happy Garden, along the walkways on the buildings, and cafes. They are beautiful both in daytime and nighttime.
อีกหนึ่งจุดที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่นั่นก็คือ Golden Bridge โดยเราจะต้องไปขึ้น Cable Car ที่สถานี Ga Louvre ไปประมาณ 5 นาที ก็จะเจอกับสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น เพราะเป็นสะพานลอยฟ้าริมหน้าผาที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รวมระยะทางประมาณ 150 เมตร ตัวสะพานมีสีเหลืองทอง พร้อมกับรูปปั้นมือยักษ์ที่กำลังยกชูสะพานไว้ จากจุดนี้ สามารถมองเห็นวิวเบื้องล่างได้อย่างสวยงาม
Another highlight is the Golden Bridge. We have to take cable car at Ga Louvre station for about 5 minutes. The Golden Bridge is a unique architecture because it is the bridge located on the most beautiful cliff in the world. The distance is about 150 meters. The bridge is gold color. Along with the giant sculpture that is lifting the bridge from this point, you can see the beautiful scenery below.
ฮอยอัน
ชมความงามของ Bana Hills จนอิ่มแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปต่อกันที่เมืองฮอยอัน โดยเรานั่ง Cable Car ลงมาข้างล่างก่อนแล้วเรียกรถแท็กซี่ต่อไปยังตัวเมืองฮอยอันในราคา VND 400,000 หรือประมาณ 560 บาท ระหว่างทางคนขับก็พยายามชวนเราไปเที่ยวที่โน่นที่นี่ตลอดทาง แต่เราขอไปเข้าที่พักก่อน เพื่อจะไปเก็บภาพบรรยากาศเมืองเก่าของฮอยอันยามค่ำก่อนดีกว่า
Hoi An
After we already enjoyed the beauty of Bana Hills, then we are heading to the city of Hoi An. We ride the cable car down and then take taxi to the city of Hoi An. The taxi fare is 400,000 VND or about 560 baht. On the way to Hoi An, the driver tried to invite us to go many places but we want to check in at the hotel first and then go to the old town in the evening.
นั่งรถมาประมาณ 50 นาทีก็มาถึงโรงแรมที่เราพัก นั่นก็คือ The Royal Hoi An MGallery by Sofitel โรงแรมสวยระดับ 5 ดาวในเครือ Accor Hotels ทำเลดีสุดๆ เพราะอยู่ใกล้เมืองเก่า สามารถเดินไปได้ในเวลาไม่ถึง 5 นาที หรือจะปั่นจักรยานเก๋ๆ ไปก็สามารถยืมได้จากทางโรงแรม
We take taxi for 50 minutes from Danang to The Royal Hoi An MGallery by Sofitel This hotel is a 5-star hotel under in Accor Hotels group. Its location is quite good because it near the old town. We can go to the old town by walk for 5 minutes or we can go by bicycle that we can rent from the hotel for free.
วิวจากห้องพัก สวยงาม ได้บรรยากาศของการพักผ่อนแบบ Slow Life โดยแท้ทรู เพราะอยู่ติดกับแม่น้ำทูโบ่น (Thu Bon) การตกแต่งของโรงแรมเป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นญี่ปุ่นและอินโดจีนได้อย่างลงตัว มีห้องพักทั้งหมด 187 ห้อง แบ่งเป็น 2 ฝั่ง (Sotaro Wing และ Wakaku Wing) มีห้องให้เลือกถึง 5 Room types ทั้งแบบ Deluxe, Grand Deluxe, Royal Deluxe, Deluxe Suite และ Presidential Suite
The view from the rooms is very nice. You can feel the atmosphere of relaxing in a slow life mode. The hotel is adjacent to the Thu Bon River. The decoration of the hotel is a good mixture of Japanese and Indochina. There are 187 rooms located on 2 sides (Sotaro Wing and Wakaku Wing). There are 5 types of rooms including Deluxe, Grand Deluxe, Royal Deluxe, Deluxe Suite, and Presidential Suite.
ห้องที่เราขอนำเสนอ คือห้อง Grand Deluxe ที่ตกแต่งแบบ Traditional มีพื้นที่ใช้สอยมากถึง 40 ตารางเมตร จากระเบียงห้องเราสามารถมองเห็นสระว่ายน้ำด้านล่าง และวิวเมืองเก่าเคียงคู่แม่น้ำได้อย่างสวยงาม ในห้องพักมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งตู้เย็น มินิบาร์ ทีวีขนาดใหญ่ โต๊ะทำงาน เตารีด ไดร์เป่าผม
We recommend Grand Deluxe room that is decorated in the traditional style. The size of the room is about 40 square meters. From the balcony, we can see the pool on the ground floor, the old town, and the river. The rooms are fully equipped with refrigerator, mini bar, large TV, work desk, iron, and hair dryer.
ส่วนห้องน้ำแบ่งเป็นโซนห้องอาบน้ำซึ่งมีทั้งฝักบัวและ Rain Shower โซนห้องน้ำที่มีสายชำระไว้ให้พร้อม อีกทั้งยังมีอ่างแช่ตัวขนาดใหญ่ให้นอนแช่ได้แบบฟินๆ ที่ไม่เห็นประตูห้องน้ำไม่ต้องตกใจ เพราะเค้ามีม่านให้สามารถปิดเพื่อความเป็นส่วนตัวได้
In the bathroom, there are shower head, rain shower, and bidet shower. There is also a large bathtub inside. Don’t be panic if you don’t see the bathroom door because there is the curtain that you can use for privacy.
มาดูที่สระน้ำของโรงแรมกันบ้าง ที่นี่มีสระว่ายน้ำ 2 สระ คือ สระที่อยู่ชั้นล่าง และสระบน Roof Top ซึ่งเปิดให้บริการเวลา 06:00-18:00 น.
There are 2 swimming pools. One pool is located on the ground floor and another one is located on the roof top that open from 6 a.m. to 6 p.m.
สำหรับ Facility อื่นของโรงแรมมีทั้ง The Woosah Spa และ The Woosah Fitness แต่ที่เห็นเด็ดสุด เราขอยกให้กับ The Deck Hoi An ซึ่งเป็น Rooftop Bar ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดทางฝั่ง Wakoku Wing เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11:00 น. ไปจนถึงเที่ยงคืน สามารถมองเห็นเมืองเก่าได้อย่างสวยงาม
Other facilities include The Woosah Spa and The Woosah Fitness. The most interesting one is The Deck Hoi An which is the rooftop bar located on the highest floor on Wakoku Wing. It opens from 11 a.m. until midnight. From the bar, you can enjoy the view of the old town clearly.
อีกทั้งยังมี The Attic ที่ให้บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ให้เราสามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศของเมืองฮอยอันได้แบบ 360 องศา บริเวณนี้ลูกค้าที่ไม่ได้พักที่โรงแรมสามารถขึ้นมาใช้บริการได้ แต่ไม่สามารถเล่นน้ำที่สระได้
Moreover, there is The Attic that serves both food and beverages. We can enjoy the 360 degree atmosphere of Hoi An City. Customers who do not stay at the hotel can join at The Attic but cannot use the swimming pool.
สำหรับอาหารเช้าเป็นแบบ Buffet โดยจะให้บริการที่ Faifo Café
The breakfast is served in buffet style at Faifo Café.
มีอาหารให้เลือกมากมายทั้งอาหารเวียดนามและแบบ International ทั้ง Cold Cut สลัด เมนูไข่ต่างๆ เบคอน ติ่มซำ เฝอ Banh Mi ผัดไทย โยเกิร์ต ซีเรียล ผลไม้ เบเกอรี่ น้ำผลไม้ Smootie ชา กาแฟ ชอคโกแลต ฯลฯ
There are variety of food including Vietnam and International dishes i.e. Cold Cut, Salad, Egg Menus, Dim Sum, Pho, Banh Mi, Pad Thai, Yogurt, Cereal, Fruit, Bakery, Juice, Smoothie, Tea, Coffee, Chocolate etc.
อิ่มท้องแล้ว เราก็ปั่นจักรยานไปเที่ยวเมืองเก่าฮอยอันกัน โดยเราสามารถยืมจักรยานจากทางโรงแรมได้ฟรี ตัวเมืองเก่าฮอยอันนี้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ผู้จะเข้าต้องเสียค่าบัตรคนละ 120,000 VND หรือประมาณ 168 บาท
After finished the breakfast, we went to the old town of Hoi An. We borrow a bike from the hotel for free. The old town of Hoi An is UNESCO World Heritage. The entrance fee is 120,000 VND (168 Baht) per person.
เมื่อเข้ามาด้านใน จะพบกับบ้านเรือนสไตล์โคโรเนียล สีสันสดใส แต่ส่วนใหญ่เน้นสีเหลืองมัสตาร์ด ที่ผสมผสานความเป็นยุโรปและจีนได้อย่างลงตัวจนกลายเป็นเอกลักษณ์ มองไปทางไหนก็ดูสวยงาม มีเสน่ห์ แต่ละมุมของเมือง มีทั้งร้านอาหาร บาร์ คาเฟ่ พิพิธภัณฑ์ ศาลเจ้า อาร์ตแกลลอรี่ ร้านขายของที่ระลึกตามตรอกซอยซอยเต็มไปหมด
When entering the old town, we will see colorful Coronial style houses. Most of them are colored in yellow (mustard) tone. It is the combination of European and Chinese that turn to be unique style. It looks very beautiful and charming. At each corner, there are a lot of restaurants, bars, cafes, museums, shrines, art galleries, souvenir shops.
เดินเหนื่อยๆ ก็มานั่งจิบกาแฟมองคนเดินผ่านไปมา ก็ดื่มด่ำกับบรรยากาศได้เป็นอย่างดี
When feel tired, let’s sit down, sipping the coffee, and enjoy the atmosphere.
ที่นี่ตอนกลางวันว่าสวยแล้ว ตอนกลางคืนความสว่างไสวของโคมไฟโบราณทำให้เมืองนี้ช่างแสนโรแมนติก ยิ่งดึก ก็ยิ่งคึกคักไปด้วยเสียงดนตรีตลอดทาง
If you feel the this old town is very beautiful in the day time, don’t miss to come at night because it filled with the illumination of ancient lanterns that makes the city so romantic. At late night, the atmosphere will be more energetic with the beat of the music all the way.
กลางแม่น้ำทูโบ่นก็ละลานตาไปด้วยกระทงหลากสีที่นำมาลอยเพื่ออธิษฐานขอพร จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวจึงมาเมืองแห่งนี้กันอย่างคับคั่ง
Thu Bon river is dazzled by the colorful Krathongs that are floated by the people who pray for what they want. That is not surprising why a lot of tourists usually come to this city.
อาหารการกินมีมากมาย ทั้งอาหารพื้นเมืองอย่างเฝอ ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบเป็นร้าน หรือนั่งทานกันข้างทางก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ น้ำดอกบัว ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ควรมาลอง ให้ความสดชื่นได้เป็นอย่างดี หรือใครอยากจะนั่งจิบกาแฟชมวิว ก็มีร้านให้เลือกมากมาย ทั้งวิวด้านล่างและวิวมุมสูงจากชั้นบน
Food is abundant including the local dishes like Pho. You can select to have at the restaurant or sit on the side of the river. Lotus water is another menu that should try. It is very refreshing. For the person who would like to sip coffee, there are many coffee shops here both on the ground floor and on the upstairs.
ตัวเมืองแห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งโดยมีคลองคั่นกลาง มี สะพานญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสะพานสีแดงเล็กๆทอดข้ามคลองเพื่อกั้นแบ่งเขตชุมชนของชาวญี่ปุ่นและชุมชนจีน ตัวสะพานนี้ นอกจากความเก่าแก่ของเสาและพื้นไม้แล้ว ยังมีอีกหนึ่งความสนใจก็คือการใช้กระเบื้องปลายงอนมาประดับประติมากรรมรูปแมฆและเปลวไฟมุงหลังคา และมีการนำชามเซรามิกทั้งใบมาตกแต่ง ที่ปลายสะพานทั้ง 2 ข้างมีรูปปั้นลิงและสุนัขหันหน้าไปทางญี่ปุ่น สันนิษฐานกันว่าน่าจะหมายถึงผู้อารักขาสะพาน กลางสะพานมี ศาลเจ้า Chua Cau ที่สร้างอุทิศแด่พระเจ้า Tran Vo Bac De
This old town is divided into two sides by the canal. A small red Japanese bridge across the canal separates Japanese and Chinese communities. Beyond the ancient of the pillar and wood floor, there is another interesting point that is the use of tiles to and ceramic to decorate. At both sides of the bridge, there are sculpture of monkey and dog facing to Japan side. They are assumed to be the guardians of the bridge. In the middle of the bridge, there is Chua Cau shrine that was built to dedicate to God Tran Vo Bac De.
นอกจากเมืองเก่าแล้ว อีกหนึ่งกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนฮอยอันนั่นก็คือ การนั่งเรือกระด้ง หรือที่เรียกกันว่า Cam Thanh ไปตามบริเวณ Coconut Village การนั่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยเรือกระด้ง 1 ลำ สามารถนั่งได้ 2-3 คน จะมีชาวบ้านพายให้ พร้อมมีงอบเป็นพร๊อพให้เราใส่ถ่ายรูปเก๋ๆ
Beyond the old town, there is another interesting activity that tourists should not miss when visiting Hoi An that is basket boat tour or “Cam Thanh”. You can ride basket boat along the canal in Coconut Village that will take about 1 hour. One basket boat can support 2-3 people. The local people will control the paddle. We just sit and enjoy it.
หากใครเคยเห็น VDO ที่มีคนพายเรือกระด้งแบบ Rock and Roll ไม่ต้องกลัวไป เพราะนั่นเป็นแค่การแสดงเท่านั้น เรือที่ให้บริการลูกค้าจะพายไปแบบธรรมดา จนไปถึงจุดหนึ่งจะมีเรือโชว์ให้นักท่องเที่ยวได้ดูกัน ระหว่างทางเรายังได้เห็นชาวบ้านมาจับปลากันอีกด้วย ราคาการนั่งเรือแตกต่างกันแล้วแต่ผู้ให้บริการแต่ละราย สำหรับเจ้าที่เราใช้บริการนี้คิดราคาเหมา 4 คนที่ 1,000,000 VND โดยเราเรียก Taxi จากบริเวณโรงแรมเพื่อให้พาไป และให้ Taxi รอรับกลับเพื่อมาส่งสนามบินดานัง
If anyone has seen a VDO of basket boat ride in rock & roll style, do not fear because that’s just the show. Basket boats that serve the customers are rowed normally. At one area, there is a boat show like in the VDO. On the way, we also see the villagers catch fish. The price of the basket boat tour varies depending on each service provider. For the one we ride costs 1,000,000 VND (for 4 persons). We went there by hired taxi from the hotel. The driver waited for us until we finish the tour and then take us to Da Nang Airport.
ไฟลท์ขากลับจากดานังมา กทม ด้วยสายการบิน Air Asia มีบินทุกวัน วันละ 2 ไฟลท์ มีไฟลท์บ่าย และเย็นของทุกวัน ถ้าเดินทางกลับไฟลท์เย็นแล้วกลัวจะหิวระหว่างนั่งเครื่อง แนะนำว่าสั่งอาหารล่วงหน้ามาทานประหยัดกว่าแถมมีเมนูให้เลือกอีกเพียบ
We go back from Danang by Thai Air Asia which flies 2 flights every day. There are flights in afternoon and evening. In case you choose evening flight, don’t worry about feeling hungry because you can pre-order meal. I recommend you to order food in advance in order to save money and there are a lot of choices.
ทั้งหมดนี้เป็นแค่เพียง 2 เมืองไฮไลท์ของเวียดนามเท่านั้น ยังมีอีกหลายเมืองในเวียดนามที่เราจะต้องมาสัมผัสให้ได้อีกในอนาคต แม้เวียดนามในความทรงจำของหลายคน อาจจะมีเรื่องราวที่ไม่ค่อยสวยงามนัก แต่เชื่อเถอะว่าหากเราเปิดใจเข้าไปทำความรู้จักกับชุมชนชาวเวียดนามแล้ว จะได้พบกับรอยยิ้มและอัธยาศัยไมตรีอันดีจากพวกเขา พร้อมด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหลของเอกลักษณ์เมืองต่างๆ ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวกลับมาซ้ำแล้วซ้ำอีก ลองมาเยือน แล้วคุณจะตกหลุมรักประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ ที่สามารถเก็บกระเป๋าเดินทางพร้อมตีตั๋วมาได้ทุกเมื่อ เมื่อคิดถึง…บันทึกเที่ยวที่เวียดนามปี 2018
These are just only two highlighted cities of Vietnam. There are still many cities in Vietnam that we intend to visit in the future. Although Vietnam in the memory of many people is not a beautiful story; but if we open your mind to get to know the Vietnamese community, you will face their smile, courteous from them, and fascinating charm of this city. Let’s visit and you will fall in love with this neighbor country like us…NEJUTRAVEL in Vietnam 2018.
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^