เกิ่นเทอ (Can Tho)…เอิ่มมม ชื่อนี้คือที่ไหนครับ ? มีคำถามขึ้นมาในหัวผมทันทีว่าเมืองนี้อยู่ที่ไหน เมื่อ AirAsia กำลังจะเปิดเส้นทางบินตรงไปลงเมืองนี้ เหมือนเป็นการประกาศให้นักท่องเที่ยวอีกหลายคนเปิดใจรับรู้ว่า เกิ่นเทอ คือเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเวียดนาม และเป็นเมืองปากแม่น้ำโขง มีการทำเกษตรและเป็นตลาดค้าส่งที่สำคัญมากแห่งหนึ่งของเวียดนาม ถ้าเกริ่นมาแค่นี้จะทำให้เพื่อนๆอยากตามไปเที่ยวเมืองนี้กันหรือยัง แต่ยังน้อยไปที่ด่วนตัดสินใจจนกว่าอ่านรีวิวฉบับนี้จบ เพราะรีวิวนี้จะทำให้ทุกคนได้รู้ว่า…“เกิ่นเทอ มีดีกว่าที่คิด”
การเดินทางไปยัง เกิ่นเทอ ตอนนี้ยังไม่มีเที่ยวบินที่บินตรงจากไทยไปนะครับ (แต่ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม เป็นต้นไป จะเปิดไฟลท์บินตรงไปเกิ่นเทอ สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน) ผมเลยเลือกไปลงเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดอย่างโฮจิมินห์ โดยสายการบิน AirAsia ที่ออกบินทุกวัน วันละ 3 เที่ยวบิน (เช้า บ่าย ค่ำ) และไฟลท์เช้าแบบนี้อดไม่ได้ที่จะสั่งอาหารล่วงหน้า เพราะพอถึงเวียดนามปุ๊บ พร้อมลุยเที่ยวปั๊บ
บินสบาย ใครๆก็บินได้ เพียงแค่ชั่วโมงครึ่งก็มาถึงโฮจิมินห์เป็นที่เรียบร้อย
เวียดนามขึ้นชื่อเรื่อง Taxi โกงนักท่องเที่ยว แต่ถ้าเลือกบริษัท Taxi ให้ถูก เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น ออกจาก Terminal ผมเรียก Taxi ของ Mailinh (สังเกตได้จากสติ๊กเกอร์ข้างรถ) บอกคนขับให้กดมิเตอร์พร้อมทั้งเปิด GPS เทียบไปด้วยอีกทีว่าจะพาอ้อมมั้ย ปลายทางคือท่ารถบัสของ Futa Bus (Phuong Trang)
ซื้อตั๋วรถบัสไปเกิ่นเทอ จะมาซื้อที่สถานีขนส่งหรือซื้อล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซท์ก็ได้ราคาเท่ากัน -> Futa Bus ราคาค่ารถคนละ 130,000 VND (ประมาณ 180 บาท) ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง ถ้ามีบินตรงจากไทยเร็วกว่านี้นะสะดวกสบายแล้ว ><
รถบัสเป็นรถนอน มี 3 แถว แต่ละแถวจะมีเตียง 2 ชั้น ตอนขึ้นทุกคนต้องถอดรองเท้าใส่ถุงที่เค้าเตรียมไว้ให้ และไปนั่งตามที่นั่งที่ระบุไว้บนตั๋ว ถ้าคนที่สูงประมาณ 165 cm. จะยืดขาได้พอดิบพอดี ที่วางของบนรถไม่มี ต้องนั่งกอดหรือวางตรงซอกข้างๆแทน บนรถไม่มีห้องน้ำนะครับ แต่รถจะจอดพักรถประมาณ 15 นาที ซึ่งดูเลขทะเบียนรถให้ดีๆ แม้กระทั่งเด็กรถยังไม่พูดภาษาอังกฤษกันเล้ย อย่าขึ้นผิดคันเดี๋ยวจะได้นั่งย้อนไปโฮจิมินห์แทน และรถที่นี่ตรงเวลามาก มาช้า 1 นาทีรถเค้าไม่รอนะ ทิ้งเลย (ผมโดนกับตัวมาแล้ว !!!)
ใช้เวลาเกือบทั้งวันในการเดินทางมาถึงเกิ่นเทอ ทั้งเครื่องบิน และมาต่อรถบัส ซึ่งรวมๆใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง แต่ถ้ามีบินตรงจะประหยัดเวลาเดินทางและได้เที่ยวมากขึ้น ที่เกิ่นเทอสามารถเรียก Taxi ผ่าน Uber ได้ครับ จ่ายเงินสด หรือตัดบัตรเครดิตก็สะดวกดี และไม่ต้องกังวลเรื่อง Taxi โกงด้วย สบายละ ^^
เกิ่นเทอ (Can Tho)
เมืองที่คนไทยยังไม่ค่อยคุ้นชื่อกันนัก จริงๆแล้วเกิ่นเทอมีขนาดใหญ่รองมาจากกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ อีกทั้งถูกยกให้เป็นเมืองหลวงทางภาคตะวันตกอีกด้วย ความคึกคักของเศรษฐกิจและผู้คนในเมืองนี้จึงมีสีสันแปลกตา ถ้าดูจากแผนที่เวียดนาม จะเห็นว่าเกิ่นเทอ อยู่ทางภาคใต้บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง มีความอุดมสมบูรณ์ ความที่แม่น้ำโขงไหลพาดผ่าน แตกกิ่งก้านสาขาออกไปเป็นแม่น้ำและลำคลองมากมาย เกิ่นเทอ จึงยังคงค้าขายทางเรืออย่างคับคั่ง
วิวทิวทัศน์ของเกิ่นเทอมีความเขียวชอุ่ม ตัดกับแม่น้ำลำคลองที่ไหลพาดผ่าน ความอุดมสมบูรณ์ของที่นี่ปลูกพืชผลอะไรก็ขึ้น เกิ่นเทอจึงมีสวนผลไม้ สวนดอกไม้ และฟาร์มต่างๆที่พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวให้ไปสัมผัสวิถีชาวสวนอยู่หลายแห่ง ซึ่งคนที่ชอบเที่ยวแนวธรรมชาติหรือโฮมสเตย์อยู่แล้ว ก็น่าจะถูกใจกับเมืองเกิ่นเทอเป็นพิเศษ เพราะที่นี่มีสวนเกษตรต่างๆ ให้ไปเที่ยวอยู่มากมาย
แหล่งรวมของอร่อย เกิ่นเทอ
เริ่มด้วยหัวข้อของอร่อยในเกิ่นเทอกันก่อนเลย เกิ่นเทอ เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องความสมบูรณ์ของการเกษตร จะต้องมีร้านเด็ดๆเมนูโดนๆแน่ คราวนี้ผมมี 3 เมนูเด็ดมาแนะนำ เริ่มเมนูแรกกันด้วย Cong Cake ของทานเล่นที่เป็นการผสมผสานระหว่างเนื้อกุ้ง แป้งและไข่ ปั้นเป็นก้อนคล้ายเค้กกล้วยหอมแล้วลงไปทอด พอได้แป้งสีเหลืองกำลังดี นำขึ้นมาสะเด็ดน้ำมันและเคลือบด้วยแป้งอีกชั้นเพื่อเพิ่มเลเยอร์ความอร่อย ทานคู่กับผักและ น้ำจิ้มหวาน หาทานได้ที่เกิ่นเทอเท่านั้น
พิกัดร้าน เปิด Google Map แล้วพิมพ์ “Banh Cong Can Tho (Nguyen Trai Cu)” เจอร้านแน่นอน เปิด 11:00-22:00 น.
มาเวียดนามแล้วไม่ทานเฝอเหมือนมาไม่ถึง แต่ถ้ามาเกิ่นเทอแล้วไม่ได้ทาน Noodle Crab ก็เหมือนมาไม่ถึงเกิ่นเทอเช่นกัน คนไทยเรียกเฝอปู แต่คนที่นี่เรียกบะหมี่ปู จุดเด่นของร้านนี้คือนำปูทั้งตัวใส่ลงไปในชาม น้ำซุปสีส้มแต่รสชาติเข้มข้น เส้นหมี่นุ่มเข้ากันได้ดี
พิกัดร้าน เปิด Google Map แล้วพิมพ์ “Banh Canh Minh Thu” เจอร้านแน่นอน เปิด 9:30-22:00 น.
ปิดท้ายด้วยเมนูแบบบ้านๆแต่ต้องบอกเลยว่าอร่อยโดนใจที่สุด ขนมปังบาแก็ต ผมไม่ได้พิมพ์ผิด เพราะเป็นเมนูนี้จริงๆ ต้องต่อคิวไม่ต่ำกว่า 10 นาที ผู้คนแน่นร้านตลอดเวลา ไม่ว่าจะสั่งแล้วนั่งทานที่ร้านหรือสั่งแล้วนำกลับบ้านก็ตาม ร้านนี้พิถีพิถันตั้งแต่ขั้นตอนปิ้งขนมปัง ให้มีความกรอบนอกนุ่มในรวมถึงซอสที่ใช้ ขอยกนิ้วให้บาแก็ตร้านนี้เลยว่าโดนใจที่สุด
พิกัดร้าน เปิด Google Map แล้วพิมพ์ “Banh Mi Thuy” แนะนำให้มาช่วงเย็นๆหลังจากเดินตลาดกลางคืนเสร็จแล้ว
ที่เที่ยวสายชิว เกิ่นเทอ
มาเกิ่นเทอแล้วไม่ได้แวะที่เที่ยวยอดฮิตอย่างตลาดน้ำค้าส่งก็เหมือนมาไม่ถึง “ตลาดน้ำก๊ายรัง” (Cairang) เป็นตลาดน้ำค้าส่งผัก ผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในแถบลุ่มแม่น้ำโขง จุดท่องเที่ยวที่ต้องมาให้เห็นกับตาสักครั้ง ภาพวิถีชีวิตของผู้คนริมน้ำแบบดั้งเดิม ความฉูดฉาดของการติดต่อค้าขาย และการใช้เรือแทนรถก็เป็นอีกมุมที่เพลินตา พวกผมเหมาเรือและขึ้นตรงปากแม่น้ำ มีเรือชาวบ้านทั้งแบบเหมาและแบบจอย
ผมเลือกเหมา นั่งเรือมากัน 2 คน ราคาขึ้นอยู่กับการต่อรองว่าไปใกล้ไกลแค่ไหน (150,000-300,000 VND) แนะนำควรมาตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะ 9 โมงเช้าตลาดก็เริ่มวายคนน้อยแล้วครับ
นั่งมาได้สักพักจะพบกับ ตลาดน้ำค้าส่งที่ใหญ่มาก
มีทั้งเรือนักท่องเที่ยว เรือค้าส่งขายของ และเรือโบราณแบบดั้งเดิมในแม่น้ำโขง ซึ่งมีการทาสีหัวเรือเป็นรูปดวงตาสองดวง (Dragon Eyes) เป็นตามังกรหรือพญานาค เป็นการข่มขวัญและสร้างความหวดกลัวให้กับสิ่งมีชีวิตในแม่น้ำ เพื่อบ่งบอกว่ากำลังมีมังกรหรือพญานาคเคลื่อนที่มา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเรือที่นี่
ที่นี่จะได้เห็นความเนืองแน่นของเรือในแม่น้ำเหิ่ว เสน่ห์ในแบบฉบับของเวียดนามที่ไปประเทศไหนก็ไม่ได้ความรู้สึกนี้ คนขับอธิบายผมว่าถ้าเราอยากดูว่าเรือลำไหนขายอะไร ให้สังเกตที่เสาตรงหัวเรือ เขาจะเอาสินค้าที่ขายมาห้อยตรงเสาหัวเรือ เรือลำไหนขายหลายสิ่งก็ห้อยเรียงลงมาขาย เรียกซื้อขายไม่ยาก ว่าแล้วก็บอกคนขับเรือขอแวะไปซื้อสับปะรดฉ่ำๆทานเล่นดีกว่า ^^
ก่อนลงเรือทุกครั้งต้องใส่เสื้อชูชีพด้วยนะครับ แต่รูปนี้ขอคนขับจอดถ่ายรูปและถอดเสื้อชูชีพออกครู่นึง
หลังจากเที่ยวตลาดน้ำแล้ว เรือจะพามาที่ “บ้านทำเส้นก๋วยเตี๋ยว (Sau Hoai Rice Noodle Factory)” ที่นี่เป็นทั้งบ้าน ที่พัก และโรงงานทำเส้นก๋วยเตี๋ยว มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชม และเลือกซื้อเส้นก๋วยเตี๋ยวกลับไปมากมาย มีการสาธิตวิธีการทำเส้นก๋วยเตี๋ยวให้นักท่องเที่ยวได้ชม และยังสอนวิธีการทำเส้น ให้เราสามารถทำเองได้ด้วย ที่เที่ยวนี้รวมอยู่
ในแพ็คเก็ตตลาดน้ำ มาแล้วก็ห้ามพลาดทั้งคู่
ใช้เวลาล่องเรือประมาณ 2-3 ชม. บนฝั่งยังมีที่เที่ยว
อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบจีน
หรือบ้านโบราณสวยๆ ใช้เวลาเที่ยวอีกครึ่งวันให้จุใจ
อย่างที่แรกที่จะพาไปอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ “วัดอ่อง (Ong Temple)” เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมจีนล้วน สร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19 เป็นที่นิยมกราบไหว้สักการะบูชาของคนที่นี่ เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับตัวเอง
เรียก Taxi ผ่าน Uber เพื่อมาจุดหมายต่อไป “เจดีย์น้ำญา (Nam Nha Pagoda)” ไม่เพียงแต่ความงามของสถาปัตยกรรมและความเงียบสงบ แต่ยังมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเวียดนามผสม ที่นี่จึงเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว ภายในไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปนะครับ ถ่ายรูปได้เฉพาะข้างนอก
ไม่ไกลจากเจดีย์น้ำญา มีอีกหนึ่งที่เที่ยวไฮไลท์ ความงามของสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสในเกิ่นเทอ ยังคงสวยและทรงเสน่ห์เฉกเช่นอดีต “บ้านโบราณบิ่นถุย (Binh Thuy Ancient House)” ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2413 และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกแห่งชาติของเวียดนาม ความสมบูรณ์ของบ้านยังอยู่ดีแม้อายุจะเกิน 100 ปีแล้ว เป็นการผสมผสานระหว่างสไตล์โคโลเนียลและสไตล์เวียดนามไว้อย่างลงตัว แต่ความพิเศษกว่านั้นคือบ้านนี้เคยใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “The Lover” หนังสุดคลาสสิก เรื่องราวความรักของนักธุรกิจชาวจีนและสาวชาวฝรั่งเศส ฉากหลังเป็นเวียดนามสมัยยังเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส เพราะความสวยงาม เรื่องราว และเอกลักษณ์ บ้านบิ่นถุยจึงเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวแวะกันมาไม่ขาดสาย
ยามดึกที่นี่ก็ไม่หลับใหลเพราะมี “ตลาดกลางคืน (
Can Tho Night Market)” ระยะทางเพียง 500 เมตร
แต่ที่นี่ถือเป็นสวรรค์ของแหล่งรวมอาหารเลยก็ว่าได้
ทั้งคาว หวาน ทานเล่น หาทานได้หมดใน 500 เมตรนี้
ไม่ไกลจากท่าเรือที่ไปส่งที่พัก มีสวนสาธารณะเดินเล่นรับลมริมแม่น้ำชิวๆยามเช้า และเดินไปยังสะพาน “Ninh Kieu quay and Pedestrian Bridge” สะพานนี้ถือเป็นแหล่งศูนย์รวมวัยรุ่นเกิ่นเทอเลยก็ว่าได้ ช่วงเย็นๆ ไปจนถึงค่ำ วัยรุ่นจะมาเดินเล่น ถ่ายรูปพบปะกันที่นี่ ยิ่งตอนกลางคืนสะพานนี้ประดับไฟสวยเป็นพิเศษ
ที่พักสุดหรู Azerai Can Tho
หากคุณกำลังแพลนที่จะไปเปิดประสบการณ์กับเส้นทางบินใหม่ของ AirAsia ดอนเมือง – เกิ่นเทอ แล้วคิดว่าจะไปพักที่ไหน? ผมมีที่พักสุดหรู สวย สงบ บนเกาะส่วนตัวเล็กๆมาแนะนำ ห่างจากตัวเมืองเกิ่นเทอเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น อาเซอรัย (Azerai) รีสอร์ตสวยหรู งดงาม ในราคาสัมผัสได้ บนเกาะเล็กๆใจกลางแม่น้ำเหิ่ว ที่ตัดความวุ่นวายของโลกภายนอกให้ได้ใช้เวลาส่วนตัวดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัวอย่างเต็มที่
ความประทับใจดีๆ เริ่มต้นตั้งแต่ทันทีที่ถึงท่าเทียบเรือเกิ่นเทอ ที่ที่มีศาลาเฉพาะของ Azerai ให้ลูกค้าของที่นี่ได้พักนั่งสบายๆ ก่อนจะขึ้นเรือ Speed Boat ส่วนตัว ข้ามไปยังรีสอร์ตที่เงียบสงบ ทิ้งความสับสนวุ่นวายของการจราจรทางน้ำที่เพิ่งหันหลังให้มาแบบหมดสิ้น
ห้องพักทั้งหมด 60 ห้องของรีสอร์ต กระจายตัวอยู่ตามแนวโค้งฝั่งแม่น้ำทางทิศตะวันตกโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเรือที่ลอยลำอยู่ในตลาดน้ำ มีทั้งห้องวิวสวน วิวทะเลสาบ หรือวิวแม่น้ำ แต่ละห้องมีระเบียงส่วนตัวเปิดรับลมเย็นสดชื่น
มาดูในส่วนของห้องพักกันบ้าง ห้องที่ผมเข้าพักเป็นห้องประเภท วิวแม่น้ำ (River View) บรรยากาศภายในอบอุ่นด้วยโทนสีธรรมชาติ ใช้วัสดุท้องถิ่น อย่างหวายและไม้ไผ่ ไม้เนื้อแข็งมาตกแต่ง ห้องพักทุกหลังด้านในจะมีการตกแต่งที่เหมือนกันหมดทุกห้อง ต่างกันแค่วิวของแต่ละห้องเท่านั้นครับ
แบ่งโซนห้องน้ำแยกโซนเปียก โซนแห้ง รวมถึงมีม่านเลื่อนให้ความเป็นส่วนตัว
บริเวณที่พักยังล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มโดยเฉพาะต้นไทรต้นใหญ่อายุยืนยาวซึ่งถือเป็นนางเอกของที่นี่ ยังมีสระบัว มีบริเวณสวนส่วนกลางให้ได้ผ่อนคลาย สมกับชื่อ “Azerai” ที่มาจากคำในภาษาเปอร์เซียว่า “คาราวานเซอรัย” หมายถึงสถานที่พักผ่อนซึ่งมีสวนตรงกลางไว้นั่งสบายชิวๆร่วมกันสำหรับนักเดินทาง
ถึงที่พักจะสงบ ร่มรื่น ไม่วุ่นวาย แต่ที่นี่ก็ยังมี Facilities ครบครัน
ให้กับผู้เข้าพักได้พักผ่อนเต็มที่ เริ่มที่ สปา (Spa) ที่มีห้อง Treatment ทั้งหมด 8 ห้อง
มีสตรีม ซาวน่า รวมไปถึงการตกแต่งที่ใช้โทนไม้เป็นหลัก แค่เดินเข้ามาได้ยินเสียงเพลงคลอเบาๆ
แค่นี้ก็สบายอารมณ์ไปทั้งวัน ^^
มี Kid Club ให้เด็กๆได้เข้าไประบายสี เพ้นท์หมวก ดูการ์ตูน ด้านนอกยังมีสระว่ายน้ำสำหรับเด็กอีกด้วย สายสุขภาพที่นี่มีให้เลือกทั้ง Class Yoga Studio อาทิตย์ละ 2 ครั้ง Fitness Center ที่เล่นไปมองดูวิวไปเพลินๆ
มี จักรยาน ให้ยืมฟรี ไว้ปั่นชมรีสอร์ทชิวๆ มี สระว่ายน้ำ ขนาดใหญ่ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ 9:00-17:00 น. ตั้งอยู่บริเวณตรงกลางของที่พัก
และช่วงบ่ายของทุกวันมี Afternoon Tea ให้บริการฟรีอีกด้วย ตั้งแต่เวลา 15:30-16:30 น. มาให้ทันเวลากันนะครับ ^^
ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองนัก หากจะออกไปทัวร์ตลาดน้ำ
นั่งเรือล่องแม่น้ำชมพระอาทิตย์ตก หรือออกไปตะลุยแหล่งสตรีทฟู้ดในเมืองก็ทำได้ เพราะมีบริการ Speed Boat ทุกวัน ทั้งวัน
มาดูห้องอาหารของ Azerai กันบ้าง ที่นี่มีห้องอาหารหลักอยู่ 2 ห้อง คือ The Grill ที่รองรับแต่มื้อเย็นเท่านั้น และ Cafe ที่ให้บริการทั้งอาหารเช้า กลางวัน และเย็น โดยที่นั่งจะมีทั้งด้านในและด้านนอก
มื้อเช้าจะเริ่มตั้งแต่ 6:30-10:30 น. และมื้อเที่ยงเริ่มเวลา 12:00-15:00 น. โดยมื้อเช้าจะเป็นเมนูสั่งแบบ A la carte ที่แนะนำให้ลองคือกาแฟเวียดนามทั้งหอม นุ่ม ละมุน หรือจะเมนูหนักท้องอย่างเฝอไก่ และ Egg Benedict ซึ่งมีหลากหลายเมนูให้เลือก
เช้าอีกวันผมสั่งมาทานที่ห้องพัก พร้อมเปิดประตูรับลม ชมวิวแม่น้ำจากห้อง นี่แหล่ะคือคำตอบของการพักผ่อนอย่างแท้จริง
ส่วนมื้อเย็นเริ่มเวลา 18:00-22:30 น. โดยอาหารที่สั่งมาทานมี ปอเปี๊ยะสดกุ้ง สลัดส้มโอ น้ำผลไม้ปั่น และ Vietnamese Pancake ที่ลักษณะคล้ายขนมเบื้องญวณ ของหวานเป็นบราวนี่ และกล้วยทอดราดไซรัป
สายดริ้งค์อย่าเพิ่งรีบปิดรีวิวนี้ไปซะก่อน ที่นี่มี Open Bar ที่วิวสวยสะดุดตา บรรยากาศชิวๆ แต่ฟีลกู๊ดมากยิ่งมาเฮฮากับผองเพื่อน
ใครจะไปคิดว่า เกิ่นเทอ (Can Tho) เป็นแหล่งรวมของอร่อย มีที่เที่ยวสายชิวที่ไม่ได้มีแค่ตลาดน้ำค้าส่ง แต่ยังมีวัด บ้านโบราณและศิลปะอีกหลายแนวให้เลือกชม และมีที่พักระดับ 6 ดาว ตั้งอยู่
บางคนเปรียบว่า “มาภูเก็ตต้องมาศรีพันวาสักครั้ง
มาเกิ่นเทอก็ต้องมา Azerai ให้ได้สักครั้งเช่นกัน
” เพราะที่นี่ไม่ได้เป็นแค่ที่พัก Luxury แต่เป็นเหมือน
Landmark ของ เกิ่นเทอเลยก็ว่าได้ “เกิ่นเทอ” ตอบโจทย์ผู้เดินทางทั้งแบบมาเที่ยวโฮจิมินห์และมาเที่ยวเกิ่นเทอต่ออีก 2-3 วัน โดยนั่งรถบัสนอน หรือ จะบินตรงจากดอนเมืองมาลงเกิ่นเทอ ที่ทาง AirAsia เปิดเส้นทางบินตรง 2 พ.ค. นี้ อยากรู้ว่าดียังไง
ต้องมาสัมผัส สักคืนสองคืน แล้วจะเข้าใจครับ…“เกิ่นเทอ มีดีกว่าที่คิด”
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^