(Bilingual Review)
เมื่อลมหนาวมาเยือน แน่นอนว่าสถานที่เที่ยวในฝันของใครหลายๆ คนคงหนีไม่พ้นยุโรปเป็นแน่ ถ้าอยากจะโรแมนติกให้สุด ผมขอแนะนำเมืองนี้เลย…เวียนนา ประเทศออสเตรีย เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็น City of Music and Opera เนื่องจากในยุคที่ดนตรีคลาสสิกเฟื่องฟู เหล่านักดนตรีที่มีชื่อเสียงอาทิ บีโธเฟน โมซาร์ท ฯลฯ ต่างมาให้ชีวิตกันที่นี่ จึงทำให้ดินแดนแห่งนี้กลายเป็นนครแห่งเสียงดนตรีตั้งแต่นั้นมา จึงไม่แปลกใจเลยที่เราจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศแห่งเสียงเพลงอยู่ตามที่ต่างๆ ทั่วเมือง คงอยากรู้แล้วใช่มั้ยว่าเวียนนาจะสวยงามดังภาพที่เราเคยเห็นกันรึป่าว ว่าแล้วก็เก็บกระเป๋า เตรียมบินลัดฟ้าไป #บันทึกเที่ยว กับพวกเราสองคนกันครับ…“Vienna – City of Music & Opera”
When the cold wind came, many people of course dream about many romantic places especially in Europe. If you want to be in the most romantic place, I recommend Vienna, Austria where is the City of Music and Opera. This name emerged from the era of classical music flourished that many well-known musicians such as Beethoven, Mozart, etc. came to live in here. Thus, Vienna has become a city of music since then. It is not surprising that we can experience the atmosphere of music in various places throughout the city. If you curious that Vienna is beautiful as the picture you have seen or not, let pack your stuff and prepare to fly with us to…“Vienna – City of Music & Opera”
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนไปเยือนเมืองแห่งเสียงดนตรี
เดี๋ยวนี้การเดินทางง่ายแสนง่ายเพราะการบินไทยเปิดเส้นทางบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่เวียนนา แถมยังมีเที่ยวบินให้เลือกมากถึง 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์อีกด้วย เส้นทางนี้เปรียบเสมือนเป็นประตูสู่ยุโรปตะวันออกที่เราสามารถเดินทางต่อไปยังประเทศอื่นๆ อาทิ สโลวะเกีย ฮังการี สโลวีเนีย โครเอเชีย โรมาเนีย ยูเครน ฯลฯ ซึ่งในครั้งนี้ ผมเลือกที่จะเดินทางต่อไปยังประเทศสโลวะเกีย และเมืองบูดาเปส ประเทศฮังการีเป็นเส้นทางต่อไปครับ
Get ready to visit the city of music.
Now, it’s easy to go to Vienna because Thai Airways serve direct flights from Bangkok to Vienna four flights a week. This route is a gateway to Eastern Europe where we can travel to other countries such as Slovakia, Hungary, Slovenia, Croatia, Romania, Ukraine, etc. This time I chose to go to Slovakia and Budapest, Hungary later.
ก่อนอื่น จองตั๋วเพื่อมุ่งสู่ดินแดนแห่งเสียงเพลงกันก่อน วิธีการจองก็แสนง่าย เพียงจองผ่านเว็บไซต์ของการบินไทย thaiairways.com ทั้งขาไปและขากลับจากเวียนนาจะมีเที่ยวบินทุกวันจันทร์ พฤหัสบดี เสาร์ และวันอาทิตย์ รวม 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เวลาก็แสนสวย ออกดึกถึงเช้าพร้อมเที่ยวต่อได้เลย
Let book tickets to the land of music first. Booking the ticket is very easy just link through Thai Airways website at thaiairways.com. Both to and from Vienna routes, there are flights on every Monday, Thursday, Saturday and Sunday in total of 4 flights per week. The time schedule is so wonderful. Out late at night and reach Vienna in the morning so we can start the trip immediately.
ก่อนเดินทางเราต้องมี วีซ่าเชงเก้น ก่อนเข้าประเทศออสเตรียด้วยครับ หากใครที่จะเดินทางต่อไปยังประเทศอื่น แต่ไม่แน่ใจว่าจะต้องไปขอวีซ่าเชงเก้นที่สถานฑูตของประเทศใด ผมมีวิธีง่ายๆ มาฝาก
– ถ้าเดินทางไปยังประเทศในกลุ่ม EU มากกว่า 1 ประเทศ จะต้องขอวีซ่าเชงเก้นที่สถานฑูตของประเทศที่เราไปอยู่นานที่สุด อาทิเช่น ไปออสเตรีย 3 วัน และไปเที่ยวฮังการีต่ออีก 5 วัน จะต้องขอวีซ่าเชงเก้นที่ สถานฑูตฮังการี
– ถ้าเดินทางไปยังประเทศในกลุ่ม EU มากกว่า 1 ประเทศ และมีประเทศที่อยู่นานสุดมากกว่า 1 ประเทศ (จำนวนวันเท่ากัน) อาทิเช่น ไปออสเตรีย 3 วัน ไปฮังการี 5 วัน และไปเยอรมัน 5 วัน จะต้องไปขอวีซ่าเชงเก้นที่สถานฑูตของประเทศที่เราอยู่นานที่สุดเป็นประเทศแรก ซึ่งจากตัวอย่างนี้คือ สถานฑูตฮังการี
การยื่นขอ วีซ่าเชงเก้น (ออสเตรีย) จะต้องยื่นผ่าน VFS Global โดยเราจะต้องเข้าไปยื่นใบนัดหมายในเว็บไซต์ VFS Austria กรอกข้อมูลและเตรียมเอกสารให้เรียบร้อย เมื่อถึงเวลานัดหมาย ไปยื่นเอกสารที่สำนักงานของ VFS อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 15 ซึ่งเปิดทำการวันจันทร์ถึงศุกร์ ระหว่างเวลา 8:30-12:00 น. และ 13:00-16:00 น. ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าสำหรับท่องเที่ยวประมาณ 3,450 บาท (ค่าธรรมเนียมอาจมีการเปลี่ยนแปลง)
Before traveling to Austria, we must apply for Schengen visa first. If you would travel to another country in the same trip and not sure that you need to apply for a Schengen visa at the embassy of which country, I have a simple way for you:
– If we travel to more than one country within EU, we must apply for a Schengen visa at the embassy of the country where we live longest. For example, we plan to visit Austria for 3 days and then travel to Hungary for another 5 days; we must apply for Schengen visa at Embassy of Hungary
– If we plan to travel to more than one country in EU and have more than one country that we stay for the same length. For example, we plan to stay at Austria for 3 days, then stay at Hungary for 5 days, and stay at Germany for 5 days later; we have to apply for Schengen visa at the embassy of the first country that we plan to live longest. From this example, we have to apply Schengen visa at the Embassy of Hungary
Applying for a Schengen visa (Austria), we have to submit via VFS Global. We are required to make an appointment on the VFS Austria website. When we got the confirmed appointment time, we have to go to submit the application at the VFS office building at Silom Complex building on 15th floor, which is open Monday through Friday between 8.30am and 12.00am and 1pm to 4.00pm. Visa fee is around 3,450 THB (Subject to be changed).
สำหรับประกันการเดินทาง เดี๋ยวนี้มีให้เลือกมากมายหลายเจ้า ครั้งนี้ผมเลือกทำประกันการเดินทางกับ Sompo Thailand โดยทำเป็นแบบรายปี เนื่องจากมีทริปที่ต้องเดินทางอยู่เป็นประจำ ราคาก็สมเหตุสมผล แต่หากใครที่ไม่ได้เดินทางบ่อยๆ ก็สามารถเลือกแบบรายครั้งได้ สำหรับแบบรายปี ความคุ้มครองสูงสุด ค่าเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 10,xxx บาท คุ้มครองสูงสุดถึง 3 ล้านบาท คุ้มครองหมด ทั้งกรณีเจ็บป่วย ไปจนถึงกรณีที่เครื่องบินล่าช้า การยกเลิกเที่ยวบิน กระเป๋าล่าช้า/สูญหาย ฯลฯ ยังไงมีไว้ก็อุ่นใจกว่าแน่นอน สนใจรายละเอียดสามารถเข้าไปดูตามลิ้งนี้ได้เลยครับ -> ประกันการเดินทาง Sompo
Currently there are a lot of travel insurance that we can choose. For me, I choose to do annual insurance with Sompo Thailand because I have many planned trip this year. The price is reasonable. If you do not travel frequently, you can select travel insurance for only one trip. For annual insurance with maximum coverage, the premium is around 10, xxx baht that protect up to 3 million baht. It covers all cases of illness, the delayed flights, cancelled flights, delayed/lost luggage, etc. I have more peace of mind than ever. For more details, you can be viewed at -> Sompo travel insurance.
อีกเรื่องที่ต้องเตรียมนั่นก็คือเครื่องแต่งกาย แน่นอนว่ายุโรปอากาศหนาวกว่าบ้านเรามาก จึงต้องเตรียมเสื้อกันหนาว และอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อม ทั้ง Heat Tech ลองจอน เสื้อกันลม เสื้อกันหนาว (สำหรับอากาศติดลบในบางประเทศ) หมวก ผ้าพันคอ ถุงมือ รองเท้าสำหรับลุยหิมะ หรือรองเท้าที่ใส่เดินสบายๆ กระเป๋าถือก็เป็นเรื่องสำคัญ สำหรับผู้หญิง โดยส่วนตัวผมว่ากระเป๋าสะพายข้างน่าจะเหมาะที่สุด เพราะได้ทั้งเรื่องความปลอดภัยและความสวยงาม หากเป็นกระเป๋าสะพายหลังอาจจะต้องระวังในเรื่องของความปลอดภัยกันพอสมควร เพราะหลายประเทศในยุโรปขึ้นชื่อเรื่องขโมยหรือกรีดกระเป๋ากันบ่อยๆ อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคุณผู้หญิง ที่แฟนผมลองใช้แล้วอยากแนะนำให้เพื่อนๆ เป็นกระเป๋าจากแบรนด์ VERAPARISbag ซึ่งมีหลายแบบให้เลือก คุณภาพดี ตัดเย็บสวยงาม ที่สำคัญน้ำหนักเบา จุของได้เยอะ พกพาสะดวก หากใครสนใจลองเข้าไปดูสินค้าได้ที่ https://veraparisbag.com/
Another thing to prepare is the costume. Due to Europe is much colder than our country, we should prepare sweater and other equipment including Heat Tech, Jacket, Sweater etc. (especially for some countries that weather is negative) and also hats, scarves, gloves, snow boots or comfortable shoes. For woman, handbags are very important. I personally think the shoulder bag is the best because it is safety and beautiful. If you prefer the backpack, you have to be careful about the safety because many European countries have a lot of stealing. Another interesting choice for ladies that my girlfriend uses and she would like to recommend to you is handbag from the VERAPARISbag brand that offer many styles of handbags. The handbag is high quality, lightweight, and able to fill in a lot of stuff. For more detail, please visit https://veraparisbag.com/.
จะเดินทางทั้งที Internet เป็นเรื่องที่สำคัญ ทั้งใช้ติดต่อสื่อสาร ดูแผนที่ ดูข้อมูลการเดินทางต่างๆ หรือจะอัพภาพอวดรูปตาม Social Network ดังนั้น Pocket Wi-Fi จึงเป็นอีกทางเลือกที่สะดวก ใช้งานง่าย สามารถแชร์กันได้หลายคน ครั้งนี้ผมใช้ Pocket Wi-Fi ของ Tripizee สามารถจองล่วงหน้าและมารับที่สนามบินสุวรรณภูมิชั้น B ได้เลย ขากลับก็นำมาคืนได้ที่นี่เช่นเดียวกัน ราคาค่าเช่าอยู่ที่วันละ 280 บาท ใช้ Internet ได้วันละ 500 MB ถ้าใช้เกินจะถูกปรับสปีดลดลง แนะนำว่าควรเชื่อมต่อครั้งละไม่เกิน 4 เครื่องกำลังดีครับ -> https://www.tripizee.com/th
Internet is another important thing because we have to communicate, find the map, and view travel information; so, pocket Wi-Fi is a convenient way. We can share internet among our friends that is very easy to use. In this trip, I use Tripizee’s pocket Wi-Fi. We can book in advance and select to pick up at Suvarnabhumi Airport located on B floor and able to return it here when we come back as well. The rental fee is only 280 baht per day which we can use 500 MB per day. If used over, the internet speed will be reduced. It is recommended that we should connect no more than 4 devices in the same time. -> https://www.tripizee.com/th
ก่อนเดินทาง ผมได้ทำการเลือกที่นั่งล่วงหน้า ซึ่งจะได้ที่นั่งที่ถูกใจโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติม และยังได้ทำเช็คอินออนไลน์มาเป็นที่เรียบร้อย เมื่อมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิก็เพียง Drop กระเป๋าเท่านั้น สะดวก รวดเร็ว ทำให้เหลือเวลาไปนั่งพัก เดินชอปปิ้งในดิวตี้ฟรีได้แบบชิวๆอีกด้วย
Before traveling, I already selected the seats in advance to ensure that I will get the seats I prefer and also checked in online. So, when arriving at Suvarnabhumi Airport I just have to drop my bags only. And then I can enjoy shopping in Duty Free shops before depart.
เที่ยวบินขาไป เที่ยวบิน TG936 เป็นเครื่อง Boeing 777-300ER ชั้นประหยัด ผังที่นั่งเป็นแบบ 3-3-3 ที่นั่งกว้างขวาง ไม่อึดอัด มีจอส่วนตัวทุกที่นั่ง เวลาบินแสนดีงาม ออกจากกรุงเทพฯ 01:30 น. ใช้เวลาบินประมาณ 11.5 ชั่วโมง ถึงกรุงเวียนนาตอนเช้าเวลา 7:00 น. พอดี (เวลาที่เวียนนาช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง) ถึงปุ๊บ เช็คอินโรงแรม เก็บกระเป๋า เที่ยวต่อได้ทันที
My flight to Vienna is TG936. The aircraft is Boeing 777-300ER. For the economy class, the seat pattern is 3-3-3. The seats are very comfortable with a private screen. Flying time is very good that is depart from Bangkok at 01:30 am which take flight around 11.5 hours and reach to Vienna in the morning at 7:00 am (time Vienna is 6 hours later than Thailand)
มาดูหน้าตาเมนูอาหารที่เสิร์ฟบนเครื่องกันครับ หลังจากเครื่องขึ้นได้สักพัก พนักงานก็เริ่มเสิร์ฟมื้อหลัก เมนูเป็นข้าวมัสมั่นไก่ รสชาติกลมกล่อม เครื่องเคียงก็ใช้ได้เลยทีเดียว พนักงานบนเครื่องให้บริการดีสุดๆ เป็นมิตร ยิ้มแย้มตลอดเวลา หากใครอยากทานเป็น Seafood สามารถเข้าไปสั่งได้ล่วงหน้าที่เว็บไซต์ของการบินไทยนะครับ พออิ่มท้อง ก็นั่งๆ นอนๆ ดูหนัง ฟังเพลง เล่มเกมส์เพลินๆ เพลินซะจนถึงช่วงเช้าก่อนเครื่องลง 2 ชั่วโมง มีอาหารเช้ามาเสิร์ฟ มื้อนี้เป็น Omelet ไส้กรอก และมันฝรั่ง อร่อยตามคาด ส่วนเครื่องดื่ม ทั้ง ชา กาแฟ น้ำผลไม้ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็มาเสิร์ฟตลอดไม่ขาดสาย เผลอแป๊บเดียวถึง เวียนนา…Vienna ซะแล้ว ^^
After depart for a while, airline staff started serving the main meal. The menu is Mussaman chicken rice and side dish. It taste is quite good. The staff are very friendly and always smiling. If you want to eat a Seafood, you can be ordered in advance at Thai Airways website. After the meal, you can lie down and enjoy watching movies, music, or playing games. 2 hours before landing, the breakfast is served. The menus are omelet, sausage and potatoes. The taste is as good as expected. There are various drinks including tea, coffee, fruit juice and alcohol. Time flies so fast. I reach Vienna finally.
เมื่อเดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติเวียนนา ผมเดินทางต่อเข้าเมืองโดยใช้ รถไฟชานเมือง (Vienna S-Bahn) สาย S7 การซื้อตั๋วก็สามารถทำเองได้ง่าย ที่เครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ อัตราค่าโดยสารคนละ 2.3 Euro ก่อนใช้อย่าลืมทำการ Validate ตั๋วก่อนทุกครั้ง ย้ำนะครับ!!!
After arrived at Vienna International Airport, I go to the city by train which is S7 (S-Bahn) suburban train. The ticket can be purchased very easily at the automatic ticketing machine. Ticket fare is 2.3 Euro per person. Don’t forget to validate your ticket before using.
เมืองเวียนนามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เพื่อเป็นการประหยัดค่าเข้าชมแต่ละสถานที่ ผมเลยเลือกที่จะซื้อบัตร Vienna Pass เพื่อใช้เดินทางโดยรถ HOP ON HOP OFF Bus Tour อีกทั้งยังใช้เป็นส่วนลดในการเข้าสถานที่ต่างๆ ทั้งพระราชวัง พิพิธภัณฑ์ ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ ฯลฯ โดยผมซื้อ Vienna Pass แบบธรรมดาสำหรับ 2 วัน ราคา 78.3 Euro ส่วนในวันสุดท้าย ผมใช้บัตร Travel Card สำหรับขึ้น-ลงระบบขนส่งมวลชน (รวมทั้งรถราง รถไฟ และรถเมล์) เพื่อเป็นการประหยัดเงินและเวลา ขอแนะนำให้ซื้อล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซท์ www.viennapass.com (ได้รับส่วนลด 10%) จากนั้นพิมพ์เอกสารคอนเฟิร์ม แล้วมายื่นรับบัตรจริงที่สนามบิน ตรงเคาน์เตอร์ ShuttleMe สีฟ้าๆ หากหาไม่เจอลองสอบถามที่ Tourist Information ได้เลยครับ
Vienna has many attractive attractions. In order to save the admission, I choose to buy Vienna Pass that can use for HOP-ON HOP-OFF bus tour and also getting discount when enter the museum, Ferris wheel giant, etc. I bought a simple Vienna Pass for 2 days priced 78.3 Euro. On the last day in Vienna, I used Travel Card for mass transportation including tram and bus in order to save money and time. I recommend to purchase in advance through www.viennapass.com (you will get 10% discount), then print the confirmation letter and come to pick up the physical card at the airport at ShuttleMe counter (the blue counter). If you cannot find this counter, please ask Tourist Information.
สถานที่ท่องเที่ยวในเวียนนาและความคุ้มค่าของการใช้ Vienna Pass
Day 1 ของการเที่ยวและเปิดใช้ Vienna Pass
เมื่อเช็คอินเข้าที่พักเก็บของเรียบร้อย พวกผมก็พร้อมออกเดินทางตามหาเสียงดนตรีอันไพเราะของเมืองเวียนนากันเลย สถานที่แรกที่ได้มาชมความงามคือ (1)อาสนวิหารนักบุญสเตฟาน (St. Stephen’s Cathedral) เป็นโบสถ์ที่สำคัญของกรุงเวียนนา ตั้งอยู่กลางจัตุรัส Stephansplatz
วิธีการเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย U1, U3 ไปลงสถานี Stephansplatz
เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์-เสาร์ เวลา 6:00-22:00 น. วันอาทิตย์และวันหยุด 7:00-22:00 น.
ราคาค่าเข้าชม: ราคาปกติ 5.5 Euro, Vienna Pass เข้าฟรี
Attractions in Vienna and the value of using Vienna Pass
Day 1 of the trip that using Vienna Pass.
After checked in at the hotel, we are ready to go out to visit the city of music immediately. The first place we visited is (1)St. Stephen’s Cathedral that is an important church in Vienna located in the middle of Stephansplatz square.
Getting There: Take U1, U3 subway to Stephansplatz.
Opening Hours: Monday – Saturday at 6:00-22:00 / Sundays and holidays at 7:00-22:00 hrs.
Admission Fee: Regular Price 5.5 Euro, Vienna Pass Free
อาสนวิหารแห่งนี้เป็นของนิกายโรมันคาทอลิก ที่มีสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ กอธิค เป็นอาสนวิหารที่อุทิศให้แก่นักบุญสเตฟาน สร้างด้วยหินปูน มีทางเดินตรงกลางที่ยาวกว่า 38.9 เมตร ด้านในของอาสนวิหารแห่งนี้งดงามมากครับ สามารถฟังรายละเอียดผ่านทาง Audio Guide ได้ ขอแนะนำให้มาแต่เช้า เพราะในช่วงสายนักท่องเที่ยวจะค่อนข้างแน่นมาก ทำให้ถ่ายรูปหรือเดินเที่ยวไม่สะดวก
This cathedral is Roman Catholic church with Romanesque Gothic architecture and dedicated to Saint Stephen. This church was built with limestone. The walkway in the center of the church long 38.9 meters that is very beautiful. We can listen to the details through the audio guide. I recommended you to come in the early morning because the tourists are less and easy to take photos or walk around.
ตัววิหารมีหอคอยทั้งหมด 4 แห่ง โดยหอคอยที่สูงที่สุดคือ South Tower หรือที่ชาวเวียนนาเรียกว่า Steffl มีความสูง 136 เมตร ใช้เวลาสร้างทั้งสิ้น 65 ปี หากจะขึ้นไปชมวิวมุมสูงต้องขึ้นจากหอคอยนี้เท่านั้น โดยเดินขึ้นบันไดวนไปตามทางแคบๆ กว่า 343 ขั้น ในส่วนนี้เสียค่าขึ้นคนละ 4.3 Euro (ไม่รวมใน Vienna Pass นะครับ) แนะนำว่ายอมเหนื่อยนิดนึงเพื่อไปชมความงามของหลังคาอาสนวิหารแห่งนี้ ด้วยหลังคาที่ยาว 111 เมตร ตกแต่งด้วยกระเบื้องสีต่างๆ โดยใช้กระเบื้องเคลือบทั้งสิ้น 230,000 แผ่น รวมถึงวิวเมืองเวียนนามุมสูงที่ทำให้หลายๆคนเคลิบเคลิ้มสวยงามจับใจเลยทีเดียว
This cathedral has four towers. The highest tower is the South Tower which called Steffl. Its height is 136 meters and was built for 65 years. If you want to see the view from the top of this tower, you have to walk up through the narrow 343-step stairway with the admission fee 4.3 Euro (not include in Vienna Pass). Recommend that you should try. The roof of this cathedral is 111 meters long and decorated with colorful 230,000 tiles. Many people are quite enchanted with panoramic view of Vienna from here.
บริเวณลานด้านนอกของ St. Stephen’s Cathedral คือ จัตุรัส Stephansplatz ซึ่งถือเป็นจุดศูนย์กลางของกรุงเวียนนา เต็มไปด้วยร้านอาหาร โรงแรม ร้านค้าแบรนด์เนม และเป็นลานกว้างที่มักมีกิจกรรมและการแสดงต่างๆ หวุนเวียนเปลี่ยนไปอยู่ตลอด ทำให้บริเวณนี้คึกคักเป็นพิเศษ ยิ่งในช่วงที่ผมเป็นช่วงเดือนธันวาคม ก่อนเทศกาลคริสต์มาส จึงได้มีโอกาสเห็น Christmas Market น่ารักๆ ที่มีร้านขายของมากมาย ทั้งเครื่องดื่มร้อนซึ่งได้รับความนิยมมากเนื่องด้วยอากาศที่หนาวยะเยือกเช่นนี้ ตุ๊กตา ของประดับตกแต่ง ขนม อีกเพียบ ^^
The grounds outside of St. Stephen’s Cathedral are Stephansplatz Square that is the center of Vienna. It is filled with restaurants, hotels, and brand name shops. There are many activities and performances at this square. So, this area is very lifeful especially in December, before Christmas, there is a nice Christmas Market with a lot of shops selling hot drinks that are very popular due to the cold weather, dolls, decorations, snack and so on.
หลังจากเดินเที่ยวมาพอสมควร ท้องเริ่มเรียกร้องอยากทานอาหารสไตล์เวียนนาซะแล้ว หลังจากวนอยู่นานผมก็เลือกร้าน Weinwurum เพราะเห็นบรรยากาศร้านดูดี และผู้คนมากมาย เลยตัดสินใจลองดู เมนูที่สั่งคือ Blattsalat knuspriger สลัดแซลมอนรมควันราดด้วย Sour Cream ทานแล้วฟินมาก ค่อยๆ ละเลียดเพราะไม่อยากให้หมดจานเลย อีกจานหนึ่งคือ Club Sandwich รสชาติดีสุดๆ มิน่าคนถึงมาทานที่ร้านนี้เยอะเชียว เครื่องดื่มเป็น Hot Chocolate with Whipped Cream เข้ากับอากาศหนาวได้ดี และตบท้ายด้วยของหวานอย่าง Apfelstrudel ซึ่งเป็นขนมอบที่โด่งดังของเวียนนา ลักษณะคล้ายพัฟฟ์อบกรอบ สอดไส้ด้วยแอปเปิ้ล หอมหวาน กลมกล่อม
After walking around for a while, I felt a bit hungry and want to try Vienna style food. Finally, I chose Weinwurum restaurant because of its good atmosphere and crowded people inside. My menu are Blattsalat knuspriger that is smoked salmon salad topped with sour cream. Its taste is very good. Another dish is Club Sandwich which is very delicious. Follow with Hot chocolate with whipped cream and Apfelstrudel that is the most famous pastry of Vienna. It like a baked puff filled with mellow sweet apples.
เดินเล่นบริเวณนี้ต่ออีกเล็กน้อยตามถนน Goldschmiedgasse จะพบกับ Katholische Kirche St. Peter หรือโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของกรุงเวียนนา (โอ้วววจอร์จ!!!) มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบบาโรก (Baroque) มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก เชื่อกันว่าบริเวณที่ตั้งของโบสถ์เคยเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในช่วงกลางศตวรรษที่ 4 จนถึงศตวรรษที่ 8 ส่วนตัวโบสถ์ที่เราเห็นนี้สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1702-1732
เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 7:00-20:00 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุด 9:00-21:00 น.
ราคาค่าเข้าชม: ฟรี ไม่เสียค่าเข้าชม
Walking a bit further along the road named Goldschmiedgasse, I saw Katholische Kirche St.Peter or St.Peter’s Church. This is the oldest church in Vienna (OMG!). This church is baroque style architecture that is not very large. It is believed that the site of the church used to be a place of religious worship in the mid-4th century to the 8th century. This church was built during 1702-1732.
Opening Hours: Monday – Friday at 7:00-20:00 / Saturday, Sunday, and holidays at 9:00-21:00
Admission fee: free of charge.
มาเวียนนาทั้งทีต้องแวะโฉบโรงละครโอเปร่าอันขึ้นชื่อของเมืองนี้กันหน่อย ถึงแม้จะไม่ได้เข้าไปชมด้านใน แค่ความอลังการจากภายนอกยิ่งตอกย้ำว่าเวียนนาเป็นเมืองแห่งเสียงดนตรีที่แท้จริง Vienna State Opera House หรือโรงอุปราการแห่งกรุงเวียนนา โรงอุปราการนี้เป็นสถานที่จัดการแสดงอันยิ่งใหญ่มากมาย อาทิ อุปรากรของบีโธเฟ่น เรื่อง ฟิเดลิโอ เป็นต้น หรือที่เราคุ้นหูจะเรียกกันว่าโรงละครโอเปร่านั่นเอง ถ้าใครสนใจอยากชมละครโอเปร่าที่ขึ้นชื่อของเวียนนา สามารถเข้าไปจองตั๋วเลือกละครล่วงหน้าได้ที่เว็บไซท์ -> https://www.wiener-staatsoper.at/en/season-tickets/events/
วิธีการเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย U1 ไปลงสถานี Karlsplatz
เวลาเปิด-ปิด: มีบริการไกด์ทัวร์ตั้งแต่เวลา 9:00-16:00 น.
ราคาค่าเข้าชม: มีบริการไกด์ทัวร์ ราคา 7.5 Euro, Vienna Pass ใช้ไม่ได้
Come to Vienna, you must visit the famous opera house of this city. Even not visit the inside, I just look from outside and realize that Vienna is the true music city. The Vienna State Opera House is a great venue for performances such as the Beethoven opera, Fidelio, etc. that we are known as the opera house. If you are interested in seeing the famous opera of Vienna, you can book tickets in advance at https://www.wiener-staatsoper.at/en/season-tickets/events/.
Getting There: Take U1 subway to Karlsplatz.
Opening Hours: There is a guided tour during 09:00 – 16:00.
Admission fee: 7.5 Euro for tour guide, Vienna Pass is not available.
อีกหนึ่งข้อดีของการมีบัตร Vienna Pass คือการนั่งรถ (2)Vienna Sight Seeing Bus ไปตามจุดที่เที่ยวต่างๆซึ่งมีทั้งหมด 5 สายรถบัส (แดง, เหลือง, น้ำเงิน, เขียว และเทา) เดินทัวร์ชมเมืองและล่องเรือแม่น้ำดานูบ ทั้งหมดนี้เพียงมี Vienna Pass สามารถขึ้นได้ฟรี ไม่จำกัดจำนวนรอบอีกด้วย คุ้มสุดๆ แต่ต้องสังเกตรถดีๆ เพราะบัตร Vienna Pass จะใช้ได้กับรถ Sightseeing Bus เท่านั้นนะครับ (ไม่สามารถใช้กับรถ Big Bus ได้)
ราคาค่ารถบัส: ราคาปกติ 25 Euro, Vienna Pass ขึ้นฟรี (ไม่จำกัดจำนวนครั้งจนหมดอายุบัตร)
Another advantage of having a Vienna Pass is that you can take (2)Vienna Sight Seeing Bus to many destinations. There are 5 bus lines (red, yellow, blue, green and gray lines). You can go around the city and take boat along Danube river. You can enjoy all of these advantages by just having Vienna Pass. It is free of charge and unlimited times per day. That is a great value choice. Be aware that Vienna Pass is applicable for Sightseeing Bus only. (Not valid for Big Bus)
Bus Fare: Regular 25 Euro, Vienna Pass is Free (unlimited number of times until expiration)
รถ Sightseeing Bus เป็นรถ 2 ชั้น สามารถใช้บัตร Vienna Pass ขึ้นได้ฟรี บนรถจะมีหูฟังแจกพร้อมทั้งมี Audio Guide ที่มีหลายภาษาให้เลือก และมี Free Wi-Fi ให้เล่นฟรีด้วยครับ
Sightseeing Bus is 2-stairs bus. Vienna Pass holders can take Sightseeing Bus for free. There are free headset and audio guide serve on the bus in many languages. And also, free Wi-Fi for all passengers.
จุดหมายต่อไปที่ไม่ควรพลาด นั่นก็คือ (3)พระราชวังเชินบรุนน์ (Schonbrunn Palace) ในอดีตพระราชวังเชินบรุนน์ เป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์ก พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นครั้งแรกในราวปี ค.ศ.1569 ในสมัยของจักรพรรดิมักซีมีเลียนที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันเพื่อใช้เป็นสถานที่ล่าสัตว์สำหรับเชื้อพระวงศ์และขุนนาง ชื่อของพระราชวังนี้มาจากคำว่า Schoner Brunnen เป็นภาษาเยอรมัน แปลว่าน้ำพุที่สวยงาม ซึ่งเป็นน้ำพุธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาในบริเวณนี้ หลังจากการล่มสลายของราชวงศ์ฮับส์บูร์ก พระราชวังแห่งนี้ได้ตกเป็นสมบัติของชาติ ก่อนที่รัฐบาลจะเข้ามาทำการบูรณะและเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้ในปี ค.ศ.1996
วิธีการเดินทาง: รถ Sightseeing Bus สายสีเหลือง ลงที่ป้าย Schloss Schonbrunn (หมายเลข 28)
เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 8:00-17:00 น. (เวลาปิดอาจแตกต่างกันในแต่ละเดือน)
ราคาค่าเข้าชม: ราคาปกติ 17.5 Euro, Vienna Pass เข้าฟรี
(ต้องไปแลกบัตรผ่านที่ห้องจำหน่ายตั๋วก่อน โดยมีการระบุเวลาเป็นรอบๆ)
Next destination that we should not miss is (3)The Schoenbrunn Palace. In the past, Schoenbrunn Palace was the residence of Emperor of the Habsburg Dynasty. This palace was first built in 1569 during the reign of Emperor Maximilian II of the Roman Empire as a hunting place for royalty and nobles. The name of this palace comes from German word “Schoner Brunnen” which means beautiful fountains. There was a natural spring that popped up in this area. After the fall of the Habsburg dynasty, this palace became a national treasure. Later government restored this palace and turned it to be a museum in 1996.
Getting There: Take yellow Sightseeing Bus to Schloss Schonbrunn (number 28).
Opening Hours: Monday – Sunday at 8:00 am – 5:00 pm (Closing time may vary from month to month).
Admission Fee: Regular price 17.5 Euro, Free of Vienna Pass holder but need to redeem tickets at the ticket booth first (with specific time).
พระราชวังเชินบรุนน์รวมทั้งบริเวณโดยรอบ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกจากทางยูเนสโก (UNESCO) ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาชมความงามของพระราชวังแห่งนี้กว่าปีละ 2 ล้านคน ภายในพระราชวังแบ่งออกเป็น 2 โซน โซนแรก คือส่วนของตัวพระราชวัง เป็นอาคารสไตล์บาโรก มี 3 ชั้น ด้านในมีทั้งหมด 1,441 ห้อง แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพียง 40 ห้องเท่านั้น ที่นี่ไม่อนุญาตให้เอากระเป๋าเป้ (Backpack) ร่ม หรือเสื้อโค้ทหนาๆ เข้าด้านใน เราจะต้องฝากไว้ที่เคาน์เตอร์รับฝากหรือนำไปฝากไว้ที่ห้อง Locker ก่อน มี Audio Guide ให้ยืมฟรี สามารถฟังประวัติของแต่ละห้องได้ และบริเวณด้านในพระราชวังไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปนะครับ จะมีเจ้าหน้าที่ยืนตามจุดต่างๆ เพื่อคอยสอดส่องแทบทุกห้อง
Schoenbrunn Palace and surrounding area have been registered by UNESCO as World Heritage Site. In each year, there are visitors come to see the beauty of this palace more than 2 million per year. The palace divided into 2 zones. The first zone is the palace that is the baroque-style 3-floors building, there are 1,441 rooms in total, but tourists are able to visit only 40 rooms. Backpack, umbrella, and thick coats are not allowed to bring inside. We have to deposit it at the deposit counter or at the locker. Audio Guide is available for free, so you can listen to the history of each room. We are not allowed to take picture inside the palace. There are many officers stand at various points in almost every room.
โซนที่สอง เป็นบริเวณสวน ซึ่งมีทั้งสวนดอกไม้ ลานน้ำพุ สวนสาธารณะ เนินเขา พิพิธภัณฑ์ รูปปั้น สวนสัตว์ โซนนี้มีบริเวณกว้างขวางมากซึ่งสามารถเข้าชมได้ฟรี เดิมบริเวณนี้เป็นทุ่งล่าสัตว์ของราชวงศ์ฮับส์บูร์ก จนกระทั่งสมัยของจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา ซึ่งไม่โปรดการล่าสัตว์ จึงได้ปรับปรุงพื้นที่รอบๆ ให้กลายเป็นสวนขนาดใหญ่แทน
The second zone is a garden area including flower garden, fountain, park, hill, museum, statue, and zoo. The area is very spacious and can be visited for free. Originally, this area was a hunting field of the Habsburg dynasty. Until the reign of Empress Maria Theresa who did not like hunting, this area was adapted to be a large garden instead.
ที่บริเวณด้านหน้าของพระราชวังเชินบรุนน์ มี Christmas Market ขนาดใหญ่ทีเดียว มีร้านค้ากว่า 80 ร้านค้า คนที่ขายของเป็นชาวออสเตรียและคนจากประเทศใกล้เคียง มีของขายหลากหลายตั้งแต่งานหัตถกรรมดั้งเดิม ของตกแต่งแฮนด์เมด และของขวัญแปลกๆ อีกมาก ทั้งยังเต็มไปด้วยอาหาร และเครื่องดื่มนานาชนิด แถมบางช่วงมีคนมาร้องเพลงคริสต์มาสให้ฟัง ฟังไป ชิมไป เดินเล่นไป เพลินเลยครับ ^^
In front of Schoenbrunn Palace, there is a large Christmas Market that have more than 80 shops. The sellers are Austrian and people from neighboring countries. There are a variety of products sold such as traditional handicrafts, handmade stuff, many other gifts, and also various food and drinks. Sometime there are people come to sing Christmas song, so that we can enjoy listening and shopping.
Day 2 ที่ใช้ Vienna Pass ในการเดินทาง
เริ่มต้นเช้าวันที่ 2 ด้วยการขึ้นไปชมวิวสวยๆ กันที่ (4)Danube Tower (หอคอยดานูบ) ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กสำคัญอีกแห่งหนึ่งของกรุงเวียนนา
วิธีการเดินทาง: รถ Sightseeing Bus สายสีน้ำเงิน ลงที่ป้าย Donauturm (หมายเลข 21)
เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 10:00-00:00 น. (เวลาปิดอาจแตกต่างกันในแต่ละเดือน)
ราคาค่าเข้าชม: ราคาปกติ 9.9 Euro, Vienna Pass เข้าฟรี (ต้องไปแลกบัตรผ่านที่ห้องจำหน่ายตั๋วก่อน)
Day 2: Travel by using Vienna Pass
Start the morning of the second day with a beautiful view at (4)Danube Tower (Danube Tower) that is another important landmark of Vienna
Getting There: Take Sightseeing Bus (Blue Line) to Donauturm (No. 21).
Opening Hours: Monday – Sunday at 10: 00 to midnight (closed hours may vary from month to month)
Admission Fee: Regular 9.9 Euro, Free entry for Vienna Pass holders (have to redeem ticket at ticket office first)
หอคอยดานูบมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า The Donauturm เป็นหอคอยประจำเมือง มีความสูงถึง 252 เมตร ซึ่งนับเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ในสวน Donau Park เปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1964 เมื่อครั้งที่เวียนนาเป็นเจ้าภาพจัดแสดงงานพืชสวนโลก (Viennese International Horticultural Show) เราสามารถขึ้นลิฟต์ความเร็วสูง โดยใช้เวลาเพียง 35 วินาที เพื่อขึ้นไปยัง Observation Deck ด้านบน ที่สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา จากจุดนี้เราจะได้เห็นวิวแม่น้ำ Danube ทอดยาว สวยงาม ที่ด้านบนมีร้านอาหารด้วยครับ บรรยากาศดีทีเดียว
The Danube Tower is also known as The Donauturm – the tower in Vienna. With a height of 252 meters makes it the tallest tower in Austria. Danube Tower is located in Donau Park that opened for first visit in 1964 when Vienna hosted the Viennese International Horticultural Show. It takes only 35 seconds to get to the Observation Deck to see 360 degree panoramic view. From here we can see the beautiful Danube River. On the top of the tower, there is a restaurant that is very good atmosphere.
มาต่อกันที่ (5)Hofburg Imperial Palace ซึ่งเป็นอดีตพระราชวังหลวงของราชวงศ์ฮับส์บูร์กตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 13 จนถึงศตวรรษที่ 20 รวมเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 600 ปี ที่ด้านบนของหลังคามีโดม 3 ชั้น และรูปแกะสลักนกอินทรีย์เหยียบลูกโลกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ฮับส์บูร์ก
วิธีการเดินทาง: รถ Sightseeing Bus สายสีแดง ลงที่ป้าย Kunsthistorisches Museum (หมายเลข 2)
เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 9:00-17:30 น. (ปิดวันที่ 8 Jan-31 Mar 2018)
ราคาค่าเข้าชม: ราคาปกติ 13.9 Euro, Vienna Pass เข้าฟรี
Let’s go to (5)Hofburg Imperial Palace where is the former royal palace of the Hubsburg Dynasty during 13th-20th centuries (for more than 600 years). At the roof, there is 3 steps dome and statue of Eagle stand on the globe which is the symbol of Hubsburg dynasty.
Getting There: Take Sightseeing Bus (Red Line) to Kunsthistorisches Museum (number 2).
Opening Hours: Monday – Sunday at 9:00-17:30 (Closed on Jan 8 – Mar 31, 2018)
Admission Fee: Regular 13.9 Euro, Free admission for Vienna Pass holders
พระราชวังแห่งนี้เป็นเสมือนศูนย์รวมอำนาจการปกครองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรปและในประวัติศาสตร์ออสเตรีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ซึ่งสมาชิกพระราชวงศ์มักจะพำนักที่พระราชวังแห่งนี้ในช่วงฤดูหนาว ปัจจุบันส่วนหนึ่งของพระราชวังได้กลายมาเป็นที่พำนักและทำเนียบของประธานาธิบดีออสเตรีย พิพิธภัณฑ์ หอสมุดแห่งชาติ หอประชุม และสถานที่ราชการ
This palace was the greatest power center of Europe and Austria especially in the era of the Habsburg dynasty that members of the royal family often stayed here during the winter season. Currently some parts of this palace became the residence of the President of Austria, Museum, National Library, Auditorium, and Government office.
ที่ด้านในพระราชวัง มีคลังเก็บสมบัติของราชวงศ์ซึ่งเปิดให้เข้าชม ภายในจัดแสดงเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของกษัตริย์ในราชวงศ์ฮับส์บูร์ก เช่น มงกุฎจักรพรรดิแห่งออสเตรีย รวมถึงคฑาและลูกโลกประดับไม้กางเขน
In the palace, there is treasure trove of royal dynasties that open to visitors. There are regalia of Hubsburg dynasty i.e. the crown of the Emperor of Austria, wands, and orb decorated with crosses.
อีกทั้งยังมีเครื่องฉลองพระองค์ อาวุธ และเครื่องประดับมากมายที่นำมาจากปราสาทในดินแดนต่างๆ ซึ่งเคยปกครองโดยจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ที่หาชมได้ยาก
Moreover, there is variety of royal clothing, weapons, and jewelry brought from the castle in various lands where was ruled by the Austrian Empire-Hungary that are really hard to find.
อีกหนึ่งพระราชวังที่ไม่ควรพลาดกับภาพผลงานระดับโลก (6)พระราชวังเบลเวเดียร์ (Belvedere Palace) เป็นพระราชวังสไตล์บาโรกสร้างขึ้นเมื่อปี 1712 เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อนของเจ้าชายยูจีนแห่งชาวอย (Prince Eugene of Savoy) ที่มีเชื้อสายมาจากราชวงศ์ฝรั่งเศส ที่นำกองทัพแห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์กปราบพวกชาวเติร์กที่มารุกราน รวมถึงกองทัพของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จนได้รับชัยชนะ จึงได้รับพระราชทานที่ดินและทรัพย์สินจำนวนมากจากจักรพรรดิเลโอโปลด์ที่ 1
วิธีการเดินทาง: รถ Sightseeing Bus สายสีเหลือง ลงที่ป้าย Schloss Belvedere (หมายเลข 32)
เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์-พุธ และ วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 9:00-18:00 น. วันพฤหัสบดี 10.00-18:00 น. วันศุกร์ 9:00-21:00 น.
ราคาค่าเข้าชม: ราคาปกติ 22.0 Euro, Vienna Pass เข้าฟรี
Another attraction that we should not miss to see the worldwide well known picture is (6)Belvedere Palace – a Baroque palace built in 1712 to serve as royal palace of prince Eugene of Savoy who is descended from the France royal family. He led the army of the Habsburgs to subdue invaders and also led the army of Louis XIV until getting the victory. So he gained many land and property from Emperor Leopold 1.
Getting There: Take Sightseeing Bus (Yellow Line) to Schloss Belvedere (No.32)
Opening Hours: Monday – Wednesday and Saturday – Sunday at 9:00 18:00, Thursday at 10:00 – 18:00, Friday at 9:00 21:00
Admission Fee: Regular 22.0 Euro, Free for Vienna Pass holders
พระราชวังแห่งนี้แบ่งเป็น 2 โซน คือ Upper Belvedere ที่ตั้งอยู่บนเนิน ซึ่งแต่เดิมใช้สำหรับรับรองแขก และ Lower Belvedere ที่เคยเป็นที่ประทับของเจ้าชายในสมัยก่อน ระหว่างโซนทั้งสองนี้เป็นสวนสไตล์บาโรก
Belvedere Palace composes of two zones – the Upper Belvedere located on the hill. Originally it was used for receptions. Another zone is the Lower Belvedere which is used to be the residence of princes. There is a baroque garden located between these two zones.
หากมีเวลาไม่มาก ผมขอแนะนำให้ไปที่ Upper Belvedere เพราะตอนนี้พระราชวังส่วนนี้ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ The Belvedere Museum Vienna จัดแสดงผลงานของศิลปินและจิตกรชื่อดัง อาทิ Claude Monet, Vincent van Gogh, Gustav Klimt จิตรกรชาวออสเตรีย ที่รังสรรค์ผลงานอันเลื่องชื่อ
If you do not have enough time to visit 2 zones, I recommend you to go to Upper Belvedere because currently this zone has become the Belvedere Museum Vienna. There are many famous works of artists such as Claude Monet, Vincent van Gogh, Austrian painter Gustav Klimt in this museum.
ไฮไลท์เด็ดของที่นี่ ถ้ามาแล้วห้ามพลาดชมภาพสีน้ำมันแนวอาร์ตนูโว ที่ชื่อ The Kiss ซึ่งเป็นศิลปะในตำนาน ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น The Best Kiss of The World แถมยังมีมุมให้ถ่ายรูปเซลฟี่กับภาพสีจำลองนี้ด้านนอกด้วย ทำได้เก๋ดีครับ ^^
The highlight work shown here that you do not miss is the famous oil painting named “The Kiss”. This art is a legendary art and recognized as the Best Kiss of the World. Inside the museum, there is also a corner for taking nice selfie together with this art outside the room that is very cool ^^.
ส่วน Lower Belvedere นั้น เป็นวังที่ประทับของเจ้าชายยูจีน สร้างในปี 1712-1716 เป็นอาคารชั้นเดียวที่ดูเรียบง่าย ด้านในเป็นห้องโถงที่เก็บรวบรวมผลงานศิลปะ และสมบัติส่วนตัวของเจ้าชาย รวมไปถึงรางวัลต่างๆ ที่พระองค์ได้รับ
Another zone, the Lower Belvedere, is the palace of the prince Eugene. It is the simple one-story building that was built in 1712-1716. Inside the palace is a hall that collects many works of art and prince’s personal treasures including many awards.
ไปสนุกกันต่อที่สวนสนุก Wiener Prater ซึ่งเป็นสวนสนุกที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเวียนนา ตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะ เข้าได้ฟรี แต่ถ้าต้องการเล่นเครื่องเล่นไหนค่อยซื้อตั๋วเครื่องเล่นเพิ่ม ในส่วนของสวนสนุกนี้มีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ท้องฟ้าจำลอง เครื่องเล่นหลากหลายประเภท อาทิ ชิงช้าสวรรค์ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง Madame Tussauds และรถไฟ Liliputbahn
Next we will move to Wiener Prater that is the oldest theme parks in Vienna located in the park and free of admission. But if you want to play the rides, you have to buy additional tickets. The theme park also has restaurant, souvenir store, and planetariums i.e. the Ferris Wheel, Madame Tussauds, Liliputbahn Railway.
หากอยากชมความงามของกรุงเวียนนาจากมุมสูงแล้วละก็ ขอแนะนำให้ลองขึ้น (7)ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ Vienna’s Giant Ferris Wheel หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Riesenrad หนึ่งในแลนด์มาร์กของกรุงเวียนนา สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1897 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีกาญจนาภิเษกของจักรพรรดิฟรันซ์โยเซฟที่ 1 แห่งออสเตรีย ต่อมาในปี 1944 ได้ถูกเพลิงไม้จนเสียหาย แต่ได้รับการซ่อมแซม และเปิดให้บริการอีกครั้งในอีก 3 ปีถัดมา ตัวชิงช้าสูงจากพื้นดิน 64.75 เมตร มีทั้งหมด 15 เคบิน ซึ่งมีทั้งแบบเคบินธรรมดาและแบบส่วนตัวสำหรับดินเนอร์สุดแสนโรแมนติกในโอกาสต่างๆ
วิธีการเดินทาง: รถ Sightseeing Bus สายสีน้ำเงิน ลงที่ป้าย Prater (หมายเลข 18)
เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 10:00-19:45 น. (เวลาปิดอาจแตกต่างกันในแต่ละเดือน)
ราคาค่าเข้าชม: ราคาปกติ 10.0 Euro, Vienna Pass เข้าฟรี (มี Fast Lane สำหรับผู้ถือบัตร Vienna Pass)
If you want to see the beauty of Vienna from the high angle, I recommend you to take (7)Vienna’s Giant Ferris Wheel that also known as Riesenrad. This is one of Vienna’s landmarks. It was first built in 1897 on the occasion of the Golden Jubilee of Emperor Franz Joseph 1 of Austria. In 1944, this wheel was on fire and broke down. But it has been repaired later and opened again 3 years later, The wheel high 64.75 meter from the ground has contains 15 cabins, both private and private for romantic dinners on special occasions.
Getting There: Take Sightseeing Bus (Blue Line) to Prater (No.18).
Opening Hours: Monday – Sunday at 10:00-19:45 (closed hours may vary from month to month).
Admission Fee: Regular 10.0 Euro, Free for Vienna Pass holder (there is Fast Lane for Vienna Pass Holder)
เมื่อขึ้นไปถึงจุดบนสุด เราจะสามารมองเห็นสถานที่สำคัญต่างๆ อาทิ พระราชวังเชินบรุนน์ อาสนวิหารนักบุญสเตฟาน และแม่น้ำดานูบ ยิ่งตอนช่วงเย็นๆ หรือหัวค่ำจะยิ่งสวยมากเลยครับ
Going up to the top, we will be able to see many landmarks of Vienna including Schoenbrunn Palace, St. Stephen’s Cathedral, and Danube River. It is very beautiful especially in the evening.
หลังจากดื่มด่ำในความงามของทัศนียภาพและความยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์กันเต็มที่ ขอตัดอารมณ์มาที่ Rathausplatz Christmas Market ซึ่งอยู่ด้านหน้าของ The City Hall กันบ้างนะครับ ตลาดนี้เป็นหนึ่งในตลาดคริสต์มาสที่สวยที่สุดในยุโรป ซึ่งเป็นตลาดแบบดั้งเดิมที่เต็มไปด้วยร้านค้ากว่า 150 ร้าน ผู้คนมักจะมาเลือกซื้อของขวัญคริสต์มาส ของประดับตกแต่งต้นคริสต์มาส สินค้าแฮนด์เมด กันที่ตลาดแห่งนี้
After fully impressed the beauty of the scenery and the greatness of history, I will take you to shopping at Rathausplatz Christmas Market located in front of The City Hall. This market is one of the most beautiful Christmas markets in Europe. It is the traditional market that filled with over 150 shops. A lot of people come to buy Christmas gifts, Christmas tree decorations, and Handmade Products at this market.
นอกจากนี้ยังมีอาหารประเภทต่างๆ ที่เหมาะสำหรับทานในช่วงอากาศหนาวแบบนี้ รวมถึงขนม ลูกกวาดน่ารักๆ และที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเห็นจะหนีไม่พ้นเครื่องดื่มอุ่นๆ ที่สามารถเก็บแก้วกลับไปเป็นที่ระลึกได้ด้วย ผมเลือกที่จะลองชิมซุปฟักทองร้อนๆ ที่เสิร์ฟมาในขนมปัง เฟรนซ์ฟราย และน้ำแอปเปิ้ลร้อนที่ใส่มาในแก้วน่ารักๆ (ดื่มหมดเอาแก้วกลับไปใช้ต่อได้เลย)
Moreover, there are various types of food that are suitable for eating in the cold weather and also candy confectionery. The most popular one is warm drinks that we can keep the mug as a souvenir. I chose to try hot pumpkin soup served in bread, French fries, and hot apple juice in a lovely mug.
ตอนกลางคืนจะมีการเปิดไฟระยิบระยับประดับตามต้นไม้ยาวตลอดสองข้างทาง ได้บรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติก อีกทั้งยังมีโซนสำหรับเด็กๆ ให้ได้เพลิดเพลินไปกับม้าหมุน ขบวนรถไฟกวางเรนเดียร์ และลานสเก็ตน้ำแข็งขนาด 3,000 ตารางเมตร อีกด้วย
At night there are glittering lights on both sides of the venue. This place is very romantic. There is also a children’s zone that they can enjoy the carousel, Reindeer train, and 3,000 square meter ice rink.
มื้อเย็นวันนี้ขอนำเสนอกับร้านเด็ดในกรุงเวียนนา และมีหลายคนแนะนำว่าต้องมาลอง ร้าน Ribs of Vienna ซึ่งเป็นร้านซี่โครงย่าง 1 เมตร ร้านนี้คนเยอะมาก บางวันก็มีทัวร์จีนมาลงด้วยครับ แนะนำให้จองมาก่อนทางเว็บไซท์ล่วงหน้า จะได้ไม่พลาดของอร่อยกัน ที่ตั้งของร้านอยู่ใจกลางเมือง ใกล้กับ St. Stephen’s Cathedral
โทรศัพท์: +43(0)1-513 85 19 / e-mail: info@ribsofvienna.at
เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12:00-15:00 น. / 17:00-00:00 น.
วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด เวลา 12:00-00:00 น.
For dinner today, I recommend one of the best restaurants in Vienna that many people recommend the menu named Ribs of Vienna (1-meter ribs). Some days there are Chinese tours coming, so advance booking in the website is strongly recommended. So you will not miss the delicious dishes. This restaurant is located in the heart of the city and close to St. Stephen’s Cathedral.
Phone: +43 (0) 1-513 85 19 / e-mail: info@ribsofvienna.at
Opening Hours: Monday – Friday at 12:00-15:00 and 17:00-00:00
Saturday – Sunday and public holidays at 12:00-00:00
เริ่มด้วย Starter อย่าง Garlic Soup อากาศหนาวๆ แบบนี้ ขอซุปร้อนๆ ให้ได้พออุ่นกันสักเล็กน้อย รสชาติเข้มข้น ตามด้วย Tuna Salad และ Fries มาต่อกันที่เมนูเด็ดของทางร้าน ซึ่งคงหนีไม่พ้น ซี่โครงหมูย่าง ยาว 1 เมตร แต่ซี่โครงหมูที่นี่จะเป็นชิ้นเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก ย่างมาใหม่ๆ แบบจานต่อจาน เกรียมเล็กน้อย เวลาทานก็หั่นเลาะทานไปทีละข้อได้ง่ายๆ กลิ่นหอม รสชาติดี ไม่ต้องพึ่งซอสที่ทางร้านให้มาเลย
Start with the starter that is Garlic Soup. In the cold weather, I prefer to warm up my body with the hot soup. Then I chose tuna salad that comes with fries. And the most recommended one that is 1-meter grilled pork ribs. The pork ribs here are served in small pieces, so we can have it easily. Its smell is so good and the taste is very great by no need to ask for additional sauce.
Day 3 ใช้ Travel Card ในการเดินทาง ซอกซอนไปได้ทุกที่ ทั้งที่เที่ยว ที่กิน ที่ช้อปปิ้ง
วันนี้ผมออกเดินทางแต่เช้าตรู่เพราะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เที่ยวในเวียนนา เลยอยากจะเก็บให้ครบทั้งที่เที่ยว ร้านอร่อยขึ้นชื่อ หรือแม้กระทั่งสถานที่และของที่ควรชอปปิ้ง (สาวๆคงชอบซินะเรื่องนี้ ><) โดยใช้บัตร Travel Card ใบเดียวเที่ยวทั้งวัน ที่ซื้อล่วงหน้าจากทางเว็บไซท์นั่นเอง ที่แรกที่ผมจะพาไปชมเป็น อาคารศิลปะ Kunst Haus Wien ซึ่งเป็นอาคารที่มีสีสันสดใส แปลกตา ออกแบบโดย Friedensreich Hundertwasser ศิลปินชื่อดังชาวออสเตรีย
Day 3: Travel by using Travel Card
Today I go out to travel since the early morning because it was my last day in Vienna and I want to travel to the whole attractions I planned including famous restaurants, shopping places, and also many shopping lists (I think the girls will like this part ><) by using one-day travel card. I prepurchase Travel Card from the website. The first place I will visit is Kunst Haus Wien that is a beautiful and colorful buildings designed by Friedensreich Hundertwasser who is the famous Austrian artist.
อาคารแห่งนี้เป็นอาคารแห่งเดียวในกรุงเวียนนาที่เราจะได้เห็นถึงการผสมผสานของธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นได้อย่างลงตัว สร้างขึ้นในปี 1983-1986 เป็นอพาร์ทเม้นต์จำนวน 52 ห้อง จากแนวคิดที่ว่า “บ้านไม่จำเป็นต้องหรูหรา แค่ดูดีและอยู่สบายก็พอ”
Kunst Haus Wien is the only one building in Vienna that we can find the perfectly combination of nature and man made. Be built in 1983-1986, it is an apartment that has 52 rooms that come from the concept “The house does not need to be luxury, but be good looking and comfortable are enough”.
บริเวณนี้มีร้านขายของที่ระลึกเก๋ๆ ให้เลือกช้อปไปเป็นของฝาก มีให้เลือกมากมายละลานตา ภายในก็มี พิพิธภัณฑ์ Hundertwasser จัดแสดงผลงานภาพของ Friedensreich Hundertwasser ผู้ออกแบบสถานที่แห่งนี้ด้วย
วิธีการเดินทาง: รถรางสาย 1, O ลงที่ป้าย Radetzkyplatz
เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 10:00-18:00 น.
ราคาค่าเข้าชม: ราคาปกติ 12.0 Euro (สำหรับพิพิธภัณฑ์เท่านั้น), Vienna Pass เข้าฟรี
In this area, there are souvenir shops that sell many kinds of souvenirs and Museum Hundertwasser where you can see works of Friedensreich Hundertwasser – the designer who design this place.
Getting There: Take Tram 1 or O to Radetzkyplatz
Opening Hours: Monday – Sunday from 10 a.m. to 6 p.m.
Admission Fee: Regular 12.0 Euro (for museum only), Free for Vienna Pass holders
ถ้าถามว่าอาหารขึ้นชื่อของเวียนนาคืออะไร? ก่อนเดินทางมาผมตั้งใจไว้ว่าจะต้องมาทานต้นตำหรับของ ไส้กรอกเวียนนา ไม่อย่างนั้นเหมือนมาไม่ถึง ไส้กรอกเวียนนาในตำนาน ร้าน Bitzinger คือคำตอบที่ผมค้นหาความอร่อย ร้านนี้เป็นร้านขายไส้กรอกที่การท่องเที่ยวของเวียนนาแนะนำ แค่เดินผ่านหน้าร้านก็ได้กลิ่มหอมฉุยมาแต่ไกล แม้จะเป็นร้านริมถนน แต่ผู้คนก็มาต่อแถวซื้ออย่างล้นหลาม
วิธีการเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย U1, U2, U4 ไปลงสถานี Karlsplatz / สาย U3 ไปลงสถานี Stephansplatz
รถรางสาย 1, 2, D, 62, 71 ลงที่ป้าย Staatsoper / Kärntner Ring (อยู่ด้านข้าง หอศิลป์ Albertina)
เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 8:00-4:00 น.
What is the famous food of Vienna? Before traveling, I intend to come to try the original food like legendary Vienna Sausage. Bitzinger is the answer for me. It is Vienna sausage shop that recommended by Tourism of Vienna. Just walk through the shop, you will smell the fragrance from far away. It is a roadside shop but a lot of people are queuing.
Getting There: Take Metro U1, U2, or U4 to Karlsplatz / Metro U3 to Stephansplatz /
Trams 1, 2, D, 62, 71 to Staatsoper / Kärntner Ring (beside the Albertina Gallery)
Opening Hours: Monday to Sunday from 8:00 a.m. to 4:00 p.m.
เมนูไส้กรอกมีให้เลือกทั้งแบบหมูล้วน และหมูผสมเนื้อ ผมลองสั่ง Hot Dog และไส้กรอกย่างพร้อมเฟรนซ์ฟรายมาลองทาน โดย Hot Dog ที่นี่จะต่างกับบ้านเราเล็กน้อย เพราะเค้าจะไม่ได้เอาขนมปังมาผ่าครึ่ง แต่จะเอาขนมปังไปเสียบที่ก้านเหล็กด้านข้างให้เป็นรู จากนั้นก็บีบซอสเข้าไป แล้วตามด้วยไส้กรอกที่เราเลือก บริเวณด้านข้างของร้านจะมีโต๊ะให้ยืนรับประทาน มี Heater ช่วยคลายหนาวด้วยครับ ไส้กรอกอุ่นๆ ในบรรยากาศหนาวววววแบบนี้ ฟินอย่างไม่ต้องสงสัย ราคาไม่แรง ทั้ง 2 อย่างรวมน้ำอยู่ที่ 14.8 Euro ว่าแล้วก็อยากกลับไปทานอีกจัง ^^
There are pork and mixed (pork and beef) menus. I tried Hot dog and sausage served with French fries. Hot dog sold here is different from my home because the seller will not serve with half the bread, but will put the bread into the iron rod to make the hole and then squeeze the sauce and followed by the sausage that we choose. There is table at the side of the store and also heater in order to warm the buyers. It is a good choice to have warm sausages in this cold atmosphere like this. The price is reasonable. The price of my orders include water is 14.8 Euro. I am still dream to go back to this shop again ^^.
ที่นี่เป็นสถานที่ที่ผมใช้เป็นจุดสังเกตเพื่อหาร้านขายไส้กรอก เลยแวะถ่ายรูปสักเล็กน้อย หอศิลป์ Albertina ที่แห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของ Hofburg Palace เปิดตัวในปี 1776 โดย Duke Albert of Saxen-Teschen ซึ่งเป็นพระราชบุตรเขยในสมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา หอศิลป์ดัดแปลงมาจากวังของท่านดยุค ภายในจัดแสดงผลงานจิตรกรรมและภาพพิมพ์มากกว่าหนึ่งล้านภาพ และภาพวาดอีกกว่า 60,000 ภาพ จึงถือว่าเป็นหอศิลป์ที่มี Collection ภาพเยอะที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
วิธีการเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย U1, U2, U4 ไปลงสถานี Karlsplatz / สาย U3 ไปลงสถานี Stephansplatz
รถรางสาย 1, 2, D, 62, 71 ลงที่ป้าย Staatsoper / Kärntner Ring
เวลาเปิด-ปิด: วันพุธและศุกร์ เวลา 10:00-21:00 น. วันอื่น เวลา 10:00-18:00 น.
ราคาค่าเข้าชม: ราคาปกติ 12.9 Euro, Vienna Pass เข้าฟรี
Albertina Gallery is the place I found before going to Bitzinger. Located at the south of Hofburg Palace, it was launched in 1776 by Duke Albert of Saxen-Teschen who is son-in-law of the Empress Maria Theresa. This gallery is an art gallery adapted from the Duke’s palace. There are more than one million paintings and 60,000 paints displayed inside. So, it is considered as one of the gallery that has the most art collections in the world
Getting There: Take Metro U1, U2, or U4 to Karlsplatz / Metro U3 to Stephansplatz /
Take tram 1, 2, D, 62, 71 to Staatsoper / Kärntner Ring
Opening Hours: Wednesday & Friday at 10:00-21:00 / Other days at 10:00-18:00
Admission Fee: Regular 12.9 Euro, Free for Vienna Pass holders
ทานของคาวแล้วต้องตบท้ายด้วยของหวาน รอบนี้ผมขอแนะนำร้านวิวดีใจกลางเมือง ร้าน Sky Bar บนชั้น 7 ของห้าง Steffl Department Store ร้านนี้บรรยากาศดี เห็นวิวใจกลางกรุงเวียนนาได้อย่างชัดเจน นั่งทานไป ชมบรรยากาศของ St. Stephen’s Cathedral ไปเพลินๆ
วิธีการเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย U1 ไปลงสถานี Stephansplatz แล้วเดินต่ออีก 250 เมตร
เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10:00-2:00 น. วันเสาร์ เวลา 9:30-2:00 น.
วันอาทิตย์และวันหยุด เวลา 11:00-2:00 น.
If you want to try the dessert, I recommend the downtown Sky Bar located on the 7th floor of Steffl Department Store. From the restaurant, you will see a nice view of St. Stephen’s Cathedral.
Getting There: Take Metro U1 to Stephansplatz, then walk for another 250 meters.
Opening Hours: Monday – Friday from 10:00 a.m. to 2:00 p.m. / Saturday from 9:30 a.m. -2:00 p.m. /
Sundays and public holidays from 11:00 a.m. – 2:00 p.m.
อาหารมีทั้งจานหลัก ทานเล่น เครื่องดื่มหลากชนิด และขนมหวาน สำหรับมื้อนี้ผมสั่งเป็นขนมหวานอย่าง บราวนี่ที่เสิร์ฟพร้อมถั่วพิตาชิโอ้ และเชอร์รี่ เมนูเด็ดอีกจานหนึ่งมีชื่อว่า Topfenstrudel รสชาติดีทีเดียว เครื่องดื่มเป็น Sky Bar Smoothie และ Banana & Strawberry Smoothie ครับ
This restaurant serves main dishes, a variety of drinks and desserts. For this meal, I ordered brownies served with pecans, oats and cherries. Another popular dish is Topfenstrudel. Its taste is quite good. My drinks are Sky Bar Smoothie and Banana & Strawberry Smoothie.
เอาใจสาวๆด้วยการพาไปเดินชอปปิ้งกันดีกว่า สถานที่ชอปปิ้งของเวียนนาคงจะหนีไม่พ้น ถนน Kohlmarkt และ ถนน Garben เป็นแน่ ถนน Kohlmarkt มีจุดเริ่มต้นที่หน้าธนาคาร ERSTE และร้านอัญมณีชื่อดังของออสเตรีย Juwelier Wagner มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกสู่ จัตุรัส Michaelerplatz หน้า พระราชวัง Hofburg ถนนสายนี้เต็มไปด้วยร้านเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า แบรนด์เนมหรู รวมไปถึงร้านกาแฟและร้านอาหารตลอดสองข้างทาง
This part is special for girls who love shopping. Vienna’s shopping streets are Kohlmarkt and Garben Streets. Kohlmarkt street starts at the front of the ERSTE bank and famous Austrian jewelry shop named Juwelier Wagner and end at Michaelerplatz square that located in front of the Hofburg Palace. This streets are full of shops sell clothing, shoes, bags, luxury brands, including cafes and restaurants.
จากถนน Kohlmarkt มุ่งหน้ามาทางทิศใต้ ผ่านหน้าโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ เป็นถนน Garben หากสังเกตให้ดีจะเห็นประติมากรรมเสาหินตั้งอยู่โดดเด่นกลางถนน นั่นคือ Wiener Pestsaule หรือเสาพระตรีเอกภาพแห่งกรุงเวียนนา
Heading from Kohlmarkt Road to the south and pass St. Peter’s Church is Garben Street. If you notice well, you will see monolithic sculpture located in the middle of the street that is Wiener Pestsaule or the Pillars of the Holy Trinity of Vienna.
เรื่องชอปปิ้ง ผมยกให้เป็นเรื่องของผู้ร่วมทริปของผมดีกว่า การมาชอปปิ้งของเธอในครั้งนี้ เธอตั้งใจที่จะมาหาเครื่องประดับที่เป็นสัญลักษณ์เตือนใจในการเดินทางไปยังประเทศต่างๆ นั่นก็คือ สร้อยข้อมือ “Pandora” ซึ่งเธอมักจะหาสัญลักษณ์ของแต่ละประเทศที่เดินทางมาสะสมไว้ โดยของที่ได้จากที่ Vienna ก็คือเครื่องประดับรูปปราสาท ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของพระราชวังเชินบรุนน์ นั่นเอง ราคาของ Pandora ที่นี่ถูกกว่าบ้านเราพอสมควร แถมยังมี Promotion เมื่อซื้อครบตามที่กำหนด ยังได้สร้อยข้อมือฟรีๆ ด้วย (เรื่องแบบนี้งานถนัดของคุณผู้หญิงเค้าเลย ><)
For shopping session, I will pass it to my girlfriend. This trip she intends to buy the accessories that will remind her about her trip to each country that is Pandora accessories. She always trys to find out the symbol of each country when she goes travel there. The one she got from Vienna is Pandora charm that look like Schonbrunn Palace. Pandora’s price here is cheaper than in Thailand. There is also the promotion when you purchased more than xxx Euro, you will get bracelet for free.
สำหรับการชอปปิ้งในทริปก่อนๆ นั้น อาจมีอุปสรรคเล็กน้อย เพราะว่าการซื้อของในบางครั้งที่ต้องจ่ายด้วยบัตรเครดิต มักจะมีปัญหาในเรื่องของวงเงินบัตรเครดิตไม่พอ ทำให้พลาดของที่อยากได้ไปหลายครั้ง แต่คราวนี้ปัญหาดังกล่าวไม่มีอีกต่อไป เพราะพวกผมได้ทำการ Re-finance วงเงินในบัตรเครดิต ตั้งแต่ก่อนเดินทางมาเรียบร้อยแล้ว กับ สินเชื่อบุคคลของธนาคาร CIMB Thai ที่ทำให้ผมสามารถนำเงินก้อนมา Re-finance หนี้บัตรเครดิตที่มีอยู่ โดยจ่ายน้อยกว่ายอดขั้นต่ำ เพราะหากแบ่งจ่ายยอดของบัตรเครดิต ผมจะต้องจ่ายดอกเบี้ยถึง 18% ต่อปี ในขณะที่สินเชื่อที่ว่านี้ให้ผมผ่อนจ่ายด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดที่ 9% ต่อปี เท่านั้น และยังสามารถยืดเวลาการผ่อนออกไปได้นานทีเดียว ทำให้มีวงเงินบัตรเครดิตคงเหลือ และสามารถนำมาใช้จ่ายในการเดินทาง ทั้งเรื่องค่าโรงแรม ค่าเช่ารถ ค่าอาหาร รวมถึงชอปปิ้งได้แบบสบายใจ… อีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจใช้สินเชื่อนี้ ก็เพราะว่าหากชำระบัตรเครดิตเพียงบางส่วน (ขั้นต่ำหรือมากกว่า) โดยไม่ได้ชำระเต็มจำนวน และมีเหตุให้ต้องนำบัตรเครดิตใบนั้นไปใช้ เราจะโดนคิดดอกเบี้ยสำหรับรายการใช้จ่ายใหม่ตั้งแต่วันแรกที่ใช้จ่าย ดังนั้นสินเชื่อบุคคลจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะทำให้ลดอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย ทำให้ยอดชำระในแต่ละเดือนน้อยลงแล้ว ยังทำให้ได้วงเงินบัตรเครดิตกลับคืนมาเพื่อสามารถนำไปใช้จ่ายต่อได้ และไม่โดนคิดดอกเบี้ยสำหรับรายการใช้จ่ายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นด้วย การสมัครก็ง่าย แค่กรอกรายละเอียดผ่านทางเว็บไซท์ -> สินเชื่อบุคคลธนาคาร CIMB Thai สะดวก รวดเร็ว มีประโยชน์ เลยนำมาเล่าสู่กันฟัง ^^
There is slight obstacle for shopping in the previous trip. Sometimes that I wanted to buy something and want to the pay by credit card but I had problem about my credit limit. So, I missed many things that I want. Now there is no problem like this anymore because I already re-financed my debt and free up my credit limit by applied for a personal loan of CIMB Thai bank. I can bring a sum of money to re-finance my credit card debt. So that I pay less than the minimum payment. If I split my credit card payment, I have to pay 18% interest per year while this personal loan allows me to pay with a minimum interest rate of 9% per annum and I can extend the loan payment for a longer term. Thus, I have more available credit line that allow me to pay for travel, accommodation, car rental, food, and shopping. Another reason why I decide to use this loan is that in case I pay in partial. (minimum payment re-quest or a bit more) and I have to pay by credit card later, I will be charged interest on new spending since the first day of spending. According to the reasons above, personal loan is an attractive choice because it helps me to reduce the interest I have to pay each month, it lessens my monthly payment, and it also helps me to free up my credit line. So, I can pay by credit card by no charge me the interest for new spending. The way to apply this personal loan is very simple by filling up your details on CIMB Thai web site. CIMB Thai personal loan is very useful, so I would like to recommend it to you.
มาเดินเล่นกันต่อที่ Naschmarkt เป็นตลาดเก่าแก่ที่ได้ชื่อว่า “คลังอาหารแห่งกรุงเวียนนา” เดิมตลาดแห่งนี้เป็นตลาดค้านมเท่านั้น ต่อมาเกษตรกรในท้องถิ่นเริ่มนำผลิตผลมาขายด้วย มีจำนวนร้านค้ามากกว่า 120 ร้าน ขายของสด เครื่องเทศ ถั่ว ชีส ผัก ผลไม้ต่างๆ ที่นี่มีวัตถุดิบจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งไทย เวียดนาม เกาหลี อินเดีย อีกทั้งยังมีโซนของใช้ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หมวก แว่นตา ฯลฯ และมีร้านอาหารเล็กๆ ให้เลือกมากมายด้วย ตลาดแห่งนี้มีจุดเริ่มต้นอยู่ทางทิศใต้ของสถานีรถไฟใต้ดิน Karlsplatz ไปจนถึงสถานี Kettenbruckengasse ซึ่งมีระยะทางยาวเกือบ 1 กิโลเมตร
วิธีการเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย U4 ไปลงสถานี Karlsplatz แล้วเดินต่ออีก 400 เมตร
เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 6:00-19:30 น. วันเสาร์ เวลา 6:00-17:00 น. วันอาทิตย์ ปิด
Let’s go to the old food market of Vienna named Naschmarkt. Originally this market sells dairy products but local farmers started to sell their products later. There are more than 120 shops selling fresh products, spices, nuts, cheeses, fruits, and vegetables. There are raw materials from all over the world including Thailand, Vietnam, Korea, and India. And also clothing, shoes, hats, glasses, etc. There are small restaurants. This market starts at the south of Karlsplatz underground station and end at Kettenbruckengasse station. The total distance is nearly 1 km.
Getting There: Take Metro U4 to Karlsplatz and walk for 400 meters.
Opening Hours: Monday to Friday at 6:00-19:30 / Saturdays at 6:00-17:00 / Sunday Closed
สำหรับมื้อค่ำคืนนี้ทิ้งท้ายก่อนออกจากเวียนนา ขอปิดท้ายสวยๆ ด้วยอาหารขึ้นชื่อของเวียนนา อย่าง Wiener Schnitzel เลยนั่งรถไฟกลับมาแถว St. Stephen’s Cathedral เพื่อมาชิมอาหารค่ำที่ร้าน Figlmuller ซึ่งเป็นร้านที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1905 ขอบอกว่าถ้าไม่ได้จองคิวมาก่อนจะรอนานสักหน่อย แนะนำให้จองล่วงหน้าได้ที่ www.figlmueller.at ร้านนี้มี 2 สาขา อยู่ไม่ห่างกัน สามารถเดินกันได้ เมนูที่ลองก็หนีไม่พ้น Potato Soup, Browned Potato และ Signature Dish อย่าง Wiener Schnitzel ที่มีสูตรมายาวนานถึง 110 ปี
At the last night before leaving Vienna, I would like to try the famous food of Vienna like Wiener Schnitzel. So, I returned to St. Stephen’s Cathedral for having dinner at the Figlmuller, a restaurant that opened in 1905. You have to wait for a long time if you do not book in advance. I recommend you to reserve first at www.figlmueller.at. This shop has 2 branches that not far from each other. The recommended menus are Potato soup, Browned potato, and Signature Dish, Wiener Schnitzel, served for more than 110 years.
Wiener Schnitzel เป็นหมูชุบแป้งและเกล็ดขนมปังทอด เป็นเมนูอาหารท้องถิ่นของเวียนนาเลยก็ว่าได้ มีขนาดที่ใหญ่มากๆ เสิร์ฟมาทีนี่ล้นจานเลย รสชาติอร่อย หมูนุ่ม และไม่อมน้ำมันครับ เมนูแนะนำจานนี้ราคา 14.9 Euro
Wiener Schnitzel is a fried pork with crispy bread. It is a local food in Vienna with the very large size. Its price is 14.9 Euro.
แนะนำโรงแรมใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ราคาไม่แพง เครือ Accor
หลังจากเที่ยวในกรุงเวียนนามาเต็มที่ ลองดูโรงแรมที่ผมเข้าพักตลอด 3 คืน ที่เวียนนากันบ้าง โรงแรม ibis Wien Messe เป็นโรงแรมในเครือ Accor สามารถเดินทางจากสนามบินโดยรถไฟสาย S7 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที (โดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวน) หรือจะไปขึ้นรถไฟใต้ดินสาย U1 เพื่อไปยังที่เที่ยวต่างๆใจกลางเมืองก็สะดวกสุดๆ เว็บไซท์ของโรงแรมสามารถเข้าไปเช็คราคาจากวันที่เดินทางได้เลยครับ -> ibis Wien Messe
วิธีการเดินทาง: จากสนามบิน นั่งรถไฟสาย S7 ไปลงสถานี Wien Praterstern แล้วเดินต่ออีก 500 เมตร
หรือรถไฟสาย S7 แล้วต่อรถไฟใต้ดินสาย U1 ไปลงสถานี Vorgartenstrabe แล้วเดินต่ออีก 300 เมตร
ราคา: ต่อคืน ต่อห้องพัก (2 คน) ประมาณ 2,400 บาท ไม่รวมอาหารเช้า (สมาชิก Accor ลดเพิ่ม 10%)
Hotel in downtown that is convenient and affordable – hotel under the brand “Accor”
After visit many attractions in Vienna already, I will show you the hotel that I stayed in Vienna for 3 nights that is ibis Wien Messe hotel under Accor brand. From the airport, you can take S7 train to the hotel that will take about 20 minutes (without changing train). From the hotel, you can take Metro U1 in order to go to many places in the city that is very convenient. You can check the price of the hotel at ibis Wien Messe.
Getting There: From the airport, take S7 train to Wien Praterstern and walk for 500 meters /
Take S7 train to the Vorgartenstrabe station and walk for 300 meters
Hotel Price: Approx. 2,400 THB per night per room (2 persons) excluding breakfast
(10% additional discount for Accor members)
ห้องพักที่นี่กว้างขวาง ไม่เล็กจนเกินไป มีพื้นที่ให้วางกระเป๋าเดินทางได้สบายๆ มีโต๊ะนั่งทำงาน มีโทรทัศน์ และพนักงานที่นี่ยิ้มแย้มให้ความช่วยเหลือต่างๆเป็นอย่างดี บริการกันอย่างคล่องแคล่ว ไม่ว่าจะเช็คอินหรือเช็คเอ้าท์ก็ใช้เวลาเพียงแป๊บเดียวเท่านั้น
The size of the rooms is spacious and not too small. There is space for a placing luggage comfortably. There is a working desk and TV inside the room. The hotel staff are very nice and like helping others. I spent only few minutes to check-in and check-out.
อาหารเช้าที่นี่ให้บริการเวลา 6:30-10:00 น. สำหรับวันจันทร์-ศุกร์ ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ ให้บริการเวลา 6:30-11:00 น.
Breakfast is served from 6:30 a.m. to 10:00 a.m. for Monday to Friday.
For Saturday – Sunday, breakfast is served from 06:30 a.m. to 11:00 a.m.
ไลน์อาหารมีให้เลือกพอสมควร ทั้งขนมปังแบบต่างๆ แยมนานาชนิด Cold Cuts สลัด ไข่ต้ม Cereal ผลไม้ อีกทั้งมีเครื่องชง ชา กาแฟสดด้วย น้ำผลไม้ก็มีให้เลือกทั้งน้ำแอปเปิ้ล น้ำส้ม และมีเครื่องทำวาฟเฟิลแบบสดๆ ให้ได้เพลิดเพลินกันอีกด้วย สะดวกสบายแบบนี้ ใครมีโอกาสได้มาเที่ยวเวียนนา ผมขอแนะนำ โรงแรม ibis Wien Messe ไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจครับ
There are variety of food for breakfast including crackers, cold cuts, salad, many kinds of eggs, cereal, fruits, fresh juices i.e. apple, orange; and fresh waffles that you can enjoy doing it by yourself. If you have opportunity to visit Vienna, I strongly recommend you to stay at ibis Wien Messe Hotel.
สรุปค่าใช้จ่ายของการเลือกใช้ Vienna Pass คุ้มหรือไม่คุ้ม ?
ในการเที่ยวเวียนนา 2 วันแรก ผมเลือกใช้ Vienna Pass ซึ่งจากตารางด้านล่างสรุปได้ว่าใน 7 ที่เที่ยวที่ต้องเสียค่าเข้า ถ้าผมไม่มี Vienna Pass ผมต้องจ่ายค่าเข้าทั้งหมด 103.8 Euro แต่ถ้าผมใช้ Vienna Pass แบบ 2 วัน ผมจ่ายแค่ 87 Euro (ถ้าซื้อล่วงหน้าจะได้ลดอีก 10% เหลือประมาณ 78 Euro) เท่ากับว่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ 16.8-25.8 Euro ต่อคนเลยครับ แนะนำว่าถ้ามาเที่ยว 2 วันขึ้นไป เปิดใช้ Vienna Pass เลย คุ้มแน่นอน ^^
The total expense is reasonable or not?
For the first two days in Vienna, I used Vienna Pass. As the table below, you will see that I have to pay 103.8 Euro in total if I do not have Vienna Pass. Using Vienna Pass, I pay only 87 Euro (if I buy in advance, it will be reduced by 10% to 78 Euro). So, I can save money around 16.8-25.8 Euro (per person). Due to this summary, I recommend that you should use Vienna Pass if you plan to visit Vienna for 2 days or more.
อย่างที่กล่าวไปในตอนต้น เส้นทางนี้เปรียบเสมือน “ประตูสู่ยุโรปตะวันออก” สำหรับคนที่มาเที่ยวเวียนนา สามารถเดินทางต่อไปยังประเทศอื่นๆใกล้เคียงได้ ซึ่งในครั้งนี้ ผมเลือกที่จะไปชมความงามของประเทศสโลวะเกีย และประเทศฮังการี ต่อไป อย่าลืมติดตามชมตอนต่อไปได้เร็วๆนี้ แต่ระหว่างที่รอรีวิว กดจองตั๋วไปเที่ยวเวียนนา ไปเสพย์เสียงเพลงและมนต์เสน่ห์แห่งเสียงโอเปร่า ในดินแดนต้นกำเนิดของคีตกวี กันก่อนได้เลยครับ…“Vienna – City of Music & Opera“
ขอขอบคุณ การบินไทย สายการบินประจำชาติสำหรับเส้นทางบินตรงสู่เวียนนา
ขอบคุณ โรงแรม ibis Wien Messe เครือ Accor เดินทางสะดวก สบาย ราคาไม่แพง
ขอบคุณ Pocket Wi-Fi ของ Tripizee ที่สัญญาณแรงตลอดทริป ไม่มีสะดุดในระหว่างเดินทาง
ขอบคุณ Vienna Pass ใช้เดินทางจนคุ้มแถมยังช่วยประหยัดอีกด้วย แนะนำเลยมาแล้วควรซื้อ
ขอบคุณ กระเป๋าสวยๆจาก VERAPARISbag พกง่าย เบา ใส่ของได้จุ
ขอบคุณ ประกันการเดินทางจาก Sompo สามารถสมัครแบบรายปีสำหรับคนเดินทางบ่อยๆ
และ ขอบคุณ เวียนนา เมืองที่มีเสน่ห์ชวนหลงใหลทำให้อยากมาอีกหลายๆครั้ง
As I mentioned earlier that this route is a Gateway to Eastern Europe. Tourists who go to Vienna can take connecting flight to other countries nearby. In this time, I plan to visit Slovakia and Hungary later. Do not forget to follow my next episode soon. While waiting for the next review, you can book the ticket to Vienna in order to go to indulge the music and the opera at the land of the city of Music and Opera.
Special Thanks to Thai Airways, the international airline, for direct flight to Vienna.
Special Thanks to ibis Wien Messe Hotel (under Accor group) for convenient and affordable accommodation
Special Thanks to Tripizee for a strong signal Pocket Wi-Fi throughout the trip
Special Thanks to Vienna Pass for travel pass that help me to save money
Special Thanks to VERAPARISbag for lightweight and functional handbag
Special Thanks to Sompo travel insurance for annual travel insurance
And thanks to Vienna – a fascinating city that makes me dream to go back again and again.
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^