ถ้าพูดถึงประเทศเนเธอร์แลนด์ หรือฮอลแลนด์ ผมให้เวลาคุณแค่ 2 วินาที
ว่าคุณจะนึกถึงอะไรก่อนเป็นอันดับแรกๆ
ผมเชื่อว่าต้องมีลิสต์ชื่อต่อไปนี้อยู่ด้วยแน่นอน…จักรยาน / กังหัน / ดอกทิวลิป / ลำคลอง
ภาพลักษณ์เหล่านี้เป็นภาพที่คุ้นตากันอยู่แล้ว ว่าถ้ามาอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) ต้องได้เห็น
แต่…จะดีกว่านี้ถ้าคุณไม่ได้เห็นแค่ทางโซเชียล เพราะลิสต์ชื่อดังกล่าวอยู่ด้านหน้าของคุณ
รอให้คุณและเหล่านักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสประสบการณ์ตรงแบบนี้ด้วยตัวเอง…
“Amsterdam – Keukenhof”
จากเยอรมันนีใช้เวลาในการเดินทางมาประเทศเนเธอร์แลนด์ เมือง Amsterdam ประมาณ 2 ชม.
ผมมีเวลา Transit อยู่ที่เมืองนี้ไม่เกิน 24 ชม. ทำให้ผมไม่ต้องจ่ายค่าตั๋วเพิ่ม เพราะถ้า Transit
เกิน 24 ชม. จะต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินในส่วนต่างเพิ่มอีกนิดหน่อย ส่วนกระเป๋าให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตอนเช็คอิน
ว่าเราจะเอากระเป๋าออกมาด้วย และต้องไม่เช็คอินล่วงหน้าจากตอนเยอรมันนีนะครับ
ไม่อย่างนั้นกระเป๋าจะอยู่บนเครื่องเจอกันอีกที กทม. เลยน้าาา… ><
สนามบิน Schiphol มีทางเชื่อมต่อมายังสถานีรถไฟที่จะวิ่งไปยังสถานที่ต่างๆใน Amsterdam
สามารถซื้อตั๋วรถไฟได้จากบริเวณสถานีแห่งนี้ โดยซื้อผ่านเค้าเตอร์ที่ช่องขาย
ที่สำคัญเลย ถ้าซื้อผ่านเค้าเตอร์ เค้าจะรับแต่บัตรเครดิตเท่านั้นนะครับ
เพราะที่ Amsterdam จะนิยมใช้เหรียญหยอดตู้ หรือถ้าไม่มีเหรียญก็ต้องเป็นบัตรเครดิต
แม้การซื้อของในสนามบินก็ตาม รวมถึงตู้ล็อกเกอร์ที่ฝากกระเป๋าจะต้องชำระเป็นบัตรเครดิตเท่านั้น
และต้องเป็นบัตรเครดิตแบบมีรหัส Pin Code 4 หลักให้ใส่ด้วยครับ
ใครจะเอาบัตรไปใช้ ก่อนไปอย่าลืมโทรไปสอบถาม Pin Code กับทางธนาคารที่ออกบัตรด้วยนะ
จากสนามบินนั่งรถไฟเข้า Amsterdam Centrum ใช้เวลาไม่นาน แค่ 15 นาทีเท่านั้น
เมื่อออกจากสถานีรถไฟ สิ่งที่ทุกคนต้องเห็นเป็นภาพลักษณ์ของ Amsterdam ไปแล้วก็คือ…
จักรยานที่ปั่นกันทั่วเมือง , เรือที่แล่นอยู่ในลำคลอง และสภาพลมที่แรงกว่าเมืองอื่นๆ
ที่พักของผมนั้นต้องโม้ก่อนเลยว่าวิวชนะเลิศ และทำเลไม่ไกลสะดวกสบายในการเดินทางอีกด้วย
ผมจองผ่าน https://www.agoda.com/th-th/ ซึ่งสามารถเข้าไปหาที่พักในย่านที่เราต้องการ
แถมราคาไม่แพง บางโรงแรมฟรีอาหารเช้า บางโรงแรมฟรียกเลิกได้อีก
ที่พักที่ผมจองผ่าน Agoda ในครั้งนี้ชื่อ Old Quarter Hotel อยู่ใกล้ย่านโคมแดง (Red Light District)
https://www.agoda.com/th-th/old-quarter-hotel/hotel/amsterdam-nl.html
เก็บกระเป๋าให้เรียบร้อย ได้เวลาออกไปชมเมืองแห่งจักรยาน Amsterdam ในยามพลบค่ำกันต่อ
“อัมสเตอร์ดัม” ชื่อนี้มีที่มาจากคำ 2 คำ คือ อัมสเตล หมายถึง แม่นํ้าอัมสเตล
บวกกับคำว่า ดัม ที่แปลว่าเขื่อน ซึ่งเมื่อรวมความแล้วหมายถึง “เขื่อนที่อยู่ริมเเม่นํ้าอัมสเตล”
Amsterdam ถือเป็นเมืองที่มีลักษณะพื้นที่เป็นเกาะ
มีคูคลองล้อมรอบเมืองเพื่อใช้เป็นเส้นทางสัญจรและขนส่งสินค้า รวมถึงเป็นคูเมืองเพื่อป้องกันข้าศึกศัตรู
จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเรียกอัมสเตอร์ดัมนี้เป็นเมืองแห่งคลอง หรือ “เวนิสทางเหนือของยุโรป”
“จตุรัสดัมสแควร์ (Dam Square)” เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของเรื่องราวอัมสเตอร์ดัมทั้งในอดีตและปัจจุบัน
จัตุรัสแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และชื่อของจัตุรัสมีความเกี่ยวพันอย่างมากกับชื่อของเมืองนี้
ปัจจุบันจัตุรัสแห่งนี้เป็นสถานที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง ได้แก่
พระราชวังหลวง (Royal Palace) , อนุสรณ์สถานสงคราม (War Memorial) , โบสถ์ใหม่ (New Church)
นอกจากนี้บริเวณจัตุรัสดัมสแควร์ยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีของสำนักพระราชวัง
งานเฉลิมฉลองวันแห่งการรำลึก รวมถึงกิจกรรมทางสังคมอื่นๆอีกด้วย
ช่วงที่ผมไป Amsterdam นั้น บริเวณดัมสแควร์ มีงาน Tivolii ย่อมๆ มีเครื่องเล่นหลากหลายชนิด
และมีร้านค้ามาขายของให้อารมณ์เหมือนสวนสนุกบ้านเรา
“เรด ไลท์ ดิสทริค (Red Light District)” ใน Amsterdam การให้บริการทางเพศถือว่า
เป็นอาชีพอิสระที่ถูกกฎหมายและย่านที่เป็นเสมือนพัฒน์พงศ์บ้านเรา ก็คือย่านโคมแดงต้นตำรับชื่อดัง
สาวๆที่ทำงานอยู่ในย่านนี้จะแต่งกายนุ่งน้อยห่มน้อยอวดโฉมผ่านตู้กระจกที่เปิดไฟสีแดง ซึ่งมีอยู่ราว 500 ตู้
หากตู้กระจกบานไหนปิดม่านก็แสดงว่าเจ้าของห้องไม่ว่างหรือกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่
นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมได้ตามสะดวก แต่ห้ามถ่ายรูปนะครับ
เช้าวันรุ่งขึ้น ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ผมจะต้องเดินทางกลับ กทม. หลังจากลากทริปยาวมา 9 วัน 4 ประเทศ
แต่โปรแกรมเที่ยวในวันนี้ของผมยังไม่จบ มาทรานสิททั้งที ต้องเก็บให้คุ้มให้ครบ
ไหนๆก็เสียค่าวีซ่าเชงเก้นมาแล้ว ฮ่าๆๆๆ เช้าวันนี้จะเดินสำรวจคูคลอง (อย่างกับผู้ตรวจตรา)
และบ่ายมีนัดกับคุณทิวลิปที่ทุ่งดอกทิวลิป Keukenhof ก่อนที่จะกลับ กทม. เป็นอันจบทริปอย่างสมบูรณ์
มาถึงเมืองจักรยานทั้งที ไม่ถ่ายรูปจักรยานคู่ลำคลองซะหน่อย กลัวคนอื่นจะว่า ว่ามาไม่ถึงนะ ^^
อัมสเตอร์ดัมมีลักษณะเป็นเกาะล้อมรอบไปด้วยคูคลองที่ขุดขึ้นเพื่อเป็นเส้นทางสัญจร ขนส่งสินค้า
และป้องกันข้าศึกศัตรู การล่องเรือชมทิวทัศน์และสถาปัตยกรรมที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์
จึงถือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยทั่วไปค่าใช้จะอยู่ที่ประมาณ 500 บาทต่อรอบ
รอบละ 2 ชั่วโมง แต่ถ้ามีงบเยอะจะจ่ายเพิ่มเพื่อดินเนอร์บนเรือ
จิบค็อกเทลแกล้มบรรยากาศรับรองได้ว่าฟินแน่นอน ^^
บรรยากาศเช้านี้สดชื่น อากาศดีสุดๆ เหมาะกับการเดินเล่นชิวๆซะจริง
“Floating Flower Market” ตลาดดอกไม้ใน Amsterdam ตั้งอยู่เลียบคลองซิงเกล (Singel)
โดยมีบางส่วนของตัวร้านยื่นลงไปในน้ำ จึงนิยมเรียกกันว่า Floating Flower Market
ที่นี่มีดอกไม้ยุโรปหลากสีสันให้เลือกชมเต็มอิ่ม มีขายเมล็ดพันธุ์ดอกไม้หลากหลายชนิด
และยังมีของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆขายด้วย ตลาดดอกไม้นี้เปิดขายทุกวัน
วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 8.30 – 19.00 น.
วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 8.30 – 19.30 น.
พาชมเมือง Amsterdam กันพอหอมปากหอมคอแล้ว
จากนั้นผมจะพาไปทุ่งดอกไม้ที่ได้ชื่อว่าสวยงามระดับโลกกันต่อ
ก่อนไปชมทุ่งดอกทิวลิปอันงดงาม ผมมาฝากกระเป๋าไว้ที่สนามบิน เพื่อไม่ต้องขนของพะรุงพะรัง
และจุดขึ้นรถบัสไปทุ่งดอกทิวลิปที่ผมซื้อตั๋วล่วงหน้านั้น ผมเลือกขึ้นรถที่สนามบิน
ผมแนะนำว่าใครจะมาทุ่งดอกทิวลิป Keukenhof ควรจองตั๋วเข้าชมสวนล่วงหน้า
ซึ่งมีแพ็คเก็ตรวมรถรับ ส่ง และค่าเข้าชมสวนไว้แล้ว ผมซื้อในราคา 24 Euro
ราคานี้รวมรถบัสรับส่งจากสนามบิน และค่าเข้าชมสวนทิวลิป
สามารถเข้าไปจองล่วงหน้าได้ที่ http://www.keukenhof.nl/en/
สำหรับคนที่จะวางแผนเดินทางไปชมในปีหน้า สวนทิวลิปแห่งนี้เปิดวันที่ 23 March – 21 May 2017
Keukenhof หรือสวนดอกทิวลิป อยู่ไม่ไกลจากกรุง Amsterdam ราวๆ 40 กิโลเมตร
โดยตั้งอยู่ระหว่างเมือง Lisse และ Haarlem นั่งรถบัสประมาณ 20 นาที ก็ถึงประตูหน้าทางเข้าครับ
เมื่อเข้าไปข้างในสวน จะได้สัมผัสกับดอกไม้หลากหลายชนิด ถูกจัดเรียงไว้อย่างสวยงาม
บนพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยมีเหล่านักท่องเที่ยวจากหลากหลายประเทศ
เดินชื่นชมความสวยงามของดอกไม้เหล่านี้
ในสวนทิวลิป Keukenhof นอกจากดอกไม้ที่อยู่ตามสวนแล้วยังมีในอาคารแบ่งออกเป็น 3 โซนหลักๆ
Oranje Nassau Pavilion : โซนนี้จะนำดอกไม้พันธุ์ต่างๆมาจัดเป็นสวนสวยๆน่ารักๆ เปลี่ยนไปทุกสัปดาห์
Beatrix Pavilion : โซนนี้เป็นดอกกล้วยไม้หลากหลายพันธุ์
Willem-Alexander Pavilion : โซนนี้เป็นอาคารที่มีดอกทิวลิป ลิลลี่ และดอกไม้อีกหลายชนิด
นอกจากเดินเล่นในสวนแล้ว ยังมีบริการล่องเรือ ซึ่งแต่ละรอบใช้เวลาประมาณ 45 นาที
มีกังหันลม ไว้รอต้อนรับนักท่องเที่ยว สามารถขึ้นไปด้านบนสุด ไปมองวิวที่สวยงาม
ความงามของดอกไม้ในสวนแห่งนี้ ผมคงไม่มีคำบรรยายอะไรอีกแล้ว
ภาพที่เห็นกับตาของจริง สวยสดงดงามสุดๆเลยครับ ยิ่งวันที่ผมไปอากาศดีด้วยแล้ว
ยิ่งเพิ่มความสดชื่น ทำให้มีแรงในการเก็บภาพมากไปกว่าเดิม ^^
ดอกไม้ในสวนด้านนอกว่าสวยแล้ว ดอกไม้ในอาคารที่จัดตามโซนต่างๆก็สวยไม่แพ้กัน
ชมดอกไม้สวยๆแล้วมาชมบรรยากาศเหล่านักท่องเที่ยวที่มาสวนดอกไม้แห่งนี้กันครับ
ขอแนะนำเลยว่า ถ้าจะมาสวนดอกไม้แห่งนี้ ให้มาตั้งแต่เช้า เพราะสวนแห่งนี้เปิดตั้งแต่ 8.00 – 18.00 น.
และที่นี่ Free-Wifi ทุกจุดด้วยนะครับบบบ ถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับ นักท่องเที่ยว ^^
ผมมีเวลาอยู่ที่สวน Keukenhof นี้ค่อนข้างน้อย ประมาณ 3-4 ชม.
แต่ด้วยเวลาแค่นี้ผมยังเดินได้ไม่ถึงครึ่งของที่จัดงานเลยครับ
ทิ้งท้ายภาพในสวนด้วยรูปดอกทิวลิปสีแดงสด ตัดกับสีท้องฟ้า บรรยากาศวันนี้งดงามยิ่งนัก ^^
ใครเที่ยวชมในสวนจนจุใจแล้ว อย่าลืมมาเช่าจักรยานปั่นเลนรอบๆสวนกันด้วยนะครับ
บริเวณรอบๆก็มีสวนทิวลิปของชาวบ้าน ตกแต่งไว้สวยงาม สามารถปั่นรับลมชมวิว ถ่ายรูปได้ตลอดทาง
ซึ่งผมเองก็เช่าปั่น แต่ไม่นานมากเพราะต้องรีบไปขึ้นเครื่องที่สนามบินต่อ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์เด็ด
ที่มา Keukenhof แล้วห้ามพลาดเลยล่ะครับ ^^
ขากลับมาขึ้นรถบัสสายเดิม 858 ตรงด้านหน้าทางเข้าสวน เพื่อไปลงสนามบิน Schiphol
เพื่อไม่ให้เสียเวลา เช็คอินผ่านตู้ Kiosk แล้วปริ๊นท์ตั๋วออกมา
กระเป๋าที่จะโหลดล่ะ??? ที่นี่เข้ามีบริการ Self Service นะ เอากระเป๋าเข้าเครื่อง
แล้วเครื่องจะบอกว่าน้ำหนักกระเป๋าของเรากี่กิโลกรัม และจะพิมพ์ tag ติดกระเป๋าออกมา
เราต้องติด tag นั้นด้วยตัวเอง ไม่ยากครับ มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยอยู่ตลอด
ติดขัดตรงไหนสอบถามเจ้าหน้าที่หรือจะลองด้อมๆมองๆจากคนข้างหน้าเราก่อนได้ครับ ^^
วิธีนี้ถือว่าสะดวก และทันสมัยสุดๆเลย
อาหารบนเครื่องขากลับของ KLM เสิร์ฟ 2 มื้อ option เสริมที่มีให้บนเครื่องไม่ต่างจากขามา
มีขนม เครื่องดื่ม เติมตลอดเวลา แต่ที่ผมชอบคือลวดลายกราฟิตี้ที่ใช้บนโฆษณาบนเครื่อง
และบนเมนูอาหารที่ยกมาเสิร์ฟ เห็นแล้วรู้สึกว่าเป็นเอกลักษณ์ของ KLM ไปเลย
9 วัน 4 ประเทศ หลายเมือง ผมใช้เวลาช่วงวันหยุดยาวได้คุ้มค่าจริงๆ
ลองย้อนกลับไปในวันแรกของทริป วันที่เริ่มรับรถ เช่ารถขับตะลุยข้ามประเทศ
เจอสภาพอากาศต่างๆทั้งแดดแรง ฝนหนา หิมะตก ครบทุกแบบ
ได้พบเห็นวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละเมือง
ได้ทำความรู้จักเพื่อนต่างประเทศ ต่างบ้านต่างเมืองอีกมากมาย
ประสบการณ์ในครั้งนี้ การเดินทางทริปยาวๆแบบนี้ได้ให้อะไรเรามากกว่ารูปที่เห็นคนอื่นถ่าย
หรือบทความรีวิวของท่านอื่น เพราะสิ่งที่คุณจะได้กลับไปที่มากกว่านั้นคือ…
“ความรู้สึกในห้วงเวลานั้น”
ขอขอบคุณสายการบิน KLM บินจาก กทม. ไปยังเมืองต่างๆในยุโรปโดย transit ที่ Amsterdam
ขอบคุณ Agoda สำหรับที่พักราคาพิเศษ ถูกและดีแบบนี้หาได้ที่ไหน
และขอฝากรีวิวประเทศ Austria ประเทศสุดท้ายของทริปตามลิ้งก์ด้านล่างนี้ด้วยนะครับ
https://www.nejutravel.com/intertrip/austria/
ส่วนรีวิวอีก 2 ประเทศที่เหลือ (เยอรมนี , เช็ก) รอแปปนึงนะ เดี๋ยวมาฝากร้านในนี้แน่นอน ^^
“Grand Trip Europe : Germany-Austria-Czech-Netherland”
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^
