หากเอ่ยชื่อ “The Slate Phuket” คงมีคนไทยจำนวนไม่มากนักที่รู้จัก แต่สำหรับชาวต่างชาติแล้ว โรงแรมแห่งนี้เป็นหนึ่งใน Top Destination ของการมาเยือนภูเก็ต ด้วยบรรยากาศและการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ บางคนอาจเคยได้ยินชื่อโรงแรม Indigo Pearl ในสมัยก่อน แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นชื่อ The Slate แล้ว ที่เราเกริ่นว่าโรงแรมแห่งนี้เปรียบเสมือนไข่มุกแห่งหาดในยางก็เพราะรูปแบบของโรงแรมที่หรูหรา แต่ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายในอดีตของภูเก็ตที่โดดเด่นในเรื่องเหมืองแร่ดีบุก ประกอบกับความพิเศษของหาดในยางซึ่งอยู่ในอุทยานแห่งชาติสิรินาถ เป็นหาดที่เงียบสงบ คงไว้ซึ่งความเป็นธรรมชาติ แม้แต่คนท้องที่เองยังนิยมหลีกหนีความวุ่นวายมาพักผ่อนที่หาดแห่งนี้ โรงแรมแห่งนี้อยู่ห่างจากสนามบินเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น ทำให้เดินทางมาได้สะดวกอีกด้วย
The Slate เป็นหนึ่งใน Design Hotels ที่ได้รับการออกแบบโดย Bill Bensley สถาปนิกชื่อดังชาวอเมริกัน ภายใต้คอนเซ็ปต์อาว็อง-การ์ด ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่ยาวนานบวกกับการผสมผสานกับดีไซน์ร่วมสมัย เมื่อก้าวเข้ามาในบริเวณโรงแรม ก็ต้องตะลึงกับความอลังการ เพราะโรงแรมแห่งนี้มีพื้นที่ถึง 88 ไร่ มีห้องพักถึง 177 ห้อง และ Pool Villa อีก 7 หลัง ห้องอาหารและบาร์รวม 8 แห่ง พร้อมด้วยสระว่ายน้ำกลางแจ้งถึง 3 สระ โรงเรียนสอนทำอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ฯลฯ หากใครได้เข้ามาพักแล้ว รับรองว่าไม่อยากออกไปไหนแน่
เรามาเริ่มที่ Lobby ของโรงแรมกันก่อน บริเวณนี้ตกแต่งด้วยสีโทนเข้มตัดกับสีส้ม โดดเด่นด้วยอัญมณีสีน้ำเงิน ให้ความรู้สึกมีเสน่ห์น่าค้นหา Welcome Drinks ของที่นี่เป็นน้ำมะตูม และที่เก๋สุดคือ มีริบบิ้นร้อยดอกบัวขาวซึ่งเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความเคารพมาคล้องข้อมือให้สุภาพสตรีที่เข้าพักทุกท่าน
ห้องพักที่นี่มีให้เลือกมากถึง 6 ประเภท ได้แก่ D-Buk Suites / Pearl Bed Suites / Pool Suites / Pearl Shell Suites มีทั้งแบบ 1 Bedroom และ 2 Bedrooms / The Bensley Suite เป็นห้องที่ตั้งชื่อตามผู้ที่ออกแบบมีเพียงห้องเดียว 2 ชั้น โดยชั้นล่างจะเป็นห้องนั่งเล่น ส่วนชั้นบนเป็นห้องนอน / Private Pool Villas แต่คราวนี้ผมจะพาไปชมแค่ 3 ประเภทแรกและอีก 1 วิลล่าที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่กันครับ
D-Buk Suites
ห้องประเภทนี้มีขนาด 76 ตารางเมตร มีทั้งหมด 42 ห้อง ภายในห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีสันสดใส ซึ่งตัดกับสีห้องได้อย่างลงตัว มี Day Bed ที่สามารถปิดม่านเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว มีอ่างแช่น้ำ (Charcoal-black Bathtub) อยู่ภายในห้อง พร้อมทั้ง Walk-in Closet ขนาดใหญ่
Pearl Bed Suites
เป็นห้องที่เราพักครั้งนี้ มีขนาด 65 ตารางเมตร มีทั้งหมด 94 ห้อง เป็นห้องสวีทขนาดใหญ่ ตกแต่งสไตล์คลาสสิก เพดานสูงโปร่งให้ความรู้สึกโล่งสบาย ภายในห้องจัดวางข้าวของเครื่องใช้ไว้อย่างครบครัน ลงตัว เมื่อเปิดเข้ามาจะเจอกับเตียงนอนและจอ TV ขนาดใหญ่ พร้อมเก้าอี้นั่งเล่นด้านข้าง และมินิบาร์ที่ให้บริการชาและกาแฟฟรี
ถัดเข้าไปเป็นโซนห้องน้ำ เป็นแนวยาว มีพื้นที่กว้างมากๆ มีทั้งอ่างแช่ตัว โซนห้องอาบน้ำที่มีทั้งฝักบัวและ Rain Shower โซนสำหรับแต่งตัว อ่างล้างหน้าขนาดใหญ่ถึง 2 อ่าง พร้อมด้วยเครื่องปรับอากาศแยกกับบริเวณห้องนอน แถมยังมีโต๊ะนั่งทำงาน/แต่งหน้าตัวยาว
การตกแต่งภายในให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังเดินเข้ามาในเหมืองแร่ดีบุก ข้าวของเครื่องใช้ดูแสนจะคลาสสิก และห้องนี้มีถึง 2 ระเบียง สามารถเดินออกไปจากห้องนอนหรือห้องน้ำก็ได้
Pool Suites
ห้องประเภทนี้มีขนาด 112 ตารางเมตร มีทั้งหมด 35 ห้อง
จุดเด่นของห้องประเภทนี้คือ Punkawallah (พัดอินเดีย) ซึ่งอยู่ด้านนอกห้อง มีสระว่ายน้ำและอ่างแช่น้ำที่ด้านนอกด้วย
Private Pool Villas
มีทั้งแบบ 1 Bedroom Pool Villas พื้นที่ 650 ตารางเมตร มีทั้งหมด 5 หลัง มีสระส่วนตัวขนาดใหญ่ มี Bulter ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง มี Jacuzzi และ Sauna พร้อมด้วยเตียงสปา
และ 2 Bedrooms Pool Villas พื้นที่ 1,050 ตารางเมตร มีเพียง 2 หลัง Facilities ต่างๆ เช่นเดียวกับแบบ 1 Bedroom Pool Villas
มาที่ห้องอาหารของโรงแรมกันบ้าง เริ่มจากห้องอาหาร Tin Mine ที่ให้บริการอาหารเช้าแบบ International Buffet ระหว่างเวลา 6:30-10:30 น.
การตกแต่งของที่นี่ยังคงไว้ซึ่งคอนเซ็ปต์ของเหมืองแร่ ไม่เว้นแม้รายละเอียดบนโต๊ะ หรือที่เก้าอี้นั่ง ให้อารมณ์เหมือนเรากำลังย้อนกลับไปสู่ยุคแห่งความรุ่งเรืองของโรงงานอุตสาหกรรม
ไลน์อาหารหลากหลายทั้งติ่มซำที่มีทั้งขนมจีบ ซาลาเปา ข้าวต้มปลากะพง ปาท่องโก๋สังขยาที่ทำกันสดๆ ใหม่ๆ ซีเรียล กาโนล่า และถั่วต่างๆ มากมายหลายชนิด อาทิ อัลมอนด์ ลูกเกด เม็ดทานตะวัน วอลนัท ฯลฯ ทานคู่กับนมมะพร้าวเข้ากั้นเข้ากัน ขนมปังและแยมนานาชนิด ทั้งแยมมะพร้าว แยมกล้วย แยมมะละกอ และแยมมะม่วง Egg Benedict เบคอน ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยวผัด มันฝรั่ง ไส้กรอก ชีสต่างๆ ทั้ง Blue Cheese, Edam, Brie, Cheddar ผักสลัด ผักไทยๆ Cold Cut เบเกอรี่ อาหารร้อนอาทิหมูผัดพริกไทยดำ ผลไม้ โยเกิร์ต น้ำผลไม้ สมูทตี้นานาชนิด ชา กาแฟ เยอะจนบรรยายเกือบไม่หมดเลยทีเดียว
อีกหนึ่งความใส่ใจของโรงแรมคือมีขนมปังและ มัฟฟินแบบ Gluten Free ด้วย ที่ Tin Mine นี้ยังให้บริการอาหารค่ำซึ่งจะเป็นอาหารนานาชาติในบรรยากาศสบายๆ ระหว่างเวลา 18:00-23:00 น. อีกด้วยครับ
สำหรับมื้อกลางวัน เรามาทานกันที่ห้องอาหาร Underground Café ซึ่งเปิดให้บริการเวลา 11:00-17:00 น. เป็นห้องอาหารบรรยากาศกลางแจ้ง อยู่ริมสระน้ำ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย มีเมนูเพื่อสุขภาพ ไร้สารปรุงแต่ง ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติแทนการใช้น้ำตาลในการให้ความหวาน มีเมนูสำหรับ Vegetarian และเมนูแบบ Gluten Free เมนู International
ที่เราลองคือ Avocado Roll ที่ประกอบด้วยอโวคาโด แซลมอนรมควัน ซาวด์ครีม และเมล็ดงา รสชาติหวานมันลงตัว
ส่วนเมนูอาหารไทย ขอแนะนำ Rice Custard Crab Cake ที่มีทั้งสลัดส้มโอ มะพร้าว ผักสลัด รสชาตินุ่มละมุน เนื้อปูเต็มๆ คำ พร้อมด้วย Parma Ham Pizza ที่โรยหน้าด้วยผัก Rocket Fresh Basil และมะเขือเทศสดๆ นอกจากนี้แล้ว ยังมีเมนู Sandwich, Burger, Charcoal Grill และ Side Dishes ต่างๆ ให้เลือกมากมาย
ส่วนเครื่องดื่ม ขอนำเสนอ Healthy Blends อย่าง Very Berry ที่มีทั้ง Blueberry, Raspberry, Kale โยเกิร์ต น้ำผึ้ง และเมล็ด Chia อีกเมนูหนึ่งที่เราลองคือ High Fibe! ที่มีทั้งข้าวโอ๊ต แอปเปิ้ลแดง อบเชย นมอัลมอนด์ และโปรตีน เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง เพราะให้พลังงานและมีไฟเบอร์สูง และช่วยให้หายแฮงค์ได้เร็วขึ้น
เมนูของหวานที่ไม่อยากให้พลาด คือ Indigo’s Ice Cream ซึ่งเป็นไอศกรีมที่มีส่วนผสมของมะนาว กล้วย มะพร้าว และอัญชัน หอมหวานเข้ากันได้อย่างลงตัว เมนูนี้ลูกเดียวไม่พอจริงๆ นะครับ ^^
นอกจากนี้ยังมีห้องอาหารญี่ปุ่น Rivet ที่ภายในตกแต่งได้อย่างสวยงาม เก้าอี้นั่งดีไซน์เก๋ๆไม่ซ้ำใคร
ที่ชั้นบนของห้องอาหารเป็นส่วนของ Rebar สำหรับนั่งจิบเครื่องดื่มชิวๆ ทั้ง 2 ส่วนนี้จะเปิดให้บริการตอนเย็นเท่านั้น แต่ตอนกลางวันหากใครชอบถ่ายรูปก็ถือได้ว่าเป็นมุมที่เหมาะมุมหนึ่ง โดยช่วงที่เราไป Rebar ตกแต่งสำหรับ Theme งาน Moroccan Nights สวยงามราวกับนั่งอยู่ในร้านอาหารที่เมือง Casablanca ประเทศ Morocco กันเลย
นอกจากนี้ยังมี Tongkah Tin Syndicate ที่ให้บริการเครื่องดื่ม พร้อมด้วยโต๊ะสนุกเกอร์ให้มาสังสรรค์กันได้เบาๆ หากคืนไหนมีบอล ขอแนะนำว่าอย่าพลาดมาที่นนี่เด็ดขาด แล้วคุณจะรู้ว่าบรรยากาศการได้เชียร์บอลกับคอบอลที่แท้ทรูเป็นเช่นไร การตกแต่งภายในโดดเด่นด้วย Punkawallah (พัดอินเดีย) ที่เข้ากันกับบรรยากาศได้อย่างไม่น่าเชื่อ
อีกหนึ่งห้องอาหารที่นับเป็นไฮไลท์ของที่นี่ ขนาดชาวต่างชาติยังบินมาภูเก็ตเพื่อมาทานอาหารที่นี่โดยเฉพาะ หรือแม้กระทั่งแขกที่พักที่โรงแรมอื่น ยังจองคิวเพื่อมาทานอาหารค่ำในบรรยากาศไทยๆ กลางน้ำอย่างที่ห้องอาหาร Black Ginger –> รีวิว Black Ginger จะดีแค่ไหนถ้าเราได้เที่ยวชมบรรยากาศของเรือนไทยโบราณ และรับประทานอาหารพื้นเมืองของภาคใต้ไปพร้อมๆ กัน นอกจากอาหารจะอร่อยแล้ว บรรยากาศของที่นี่นับเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สร้างความประทับใจไม่รู้ลืม หากสนใจอยากมาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ แนะนำว่าควรจองล่วงหน้า เพราะแขกทั้งในและนอกมากันเต็มทุกวัน
อิ่มท้องแล้วก็มาดูสระว่ายน้ำของโรงแรมกันบ้าง สระแรกคือ Family Pool เหมาะสำหรับครอบครัว มีทั้งสระเล็กและสระใหญ่ กว้างขวาง ร่มรื่น มีมุมให้หลบแดดได้ดี ตกแต่งโทนสีน้ำเงินเข้ม เปิดให้บริการเวลา 10:00-18:00 น.
สระที่ 2 คือ Infinity Pool เป็นสระที่สงบมากๆ เหมาะกับการมาเล่นน้ำชมวิวชายหาดที่อยู่ใกล้ๆ หรือนอนเล่นอ่านหนังสือเพลินๆ ตัวสระเป็นสีฟ้าสดใส แค่เห็นก็อยากเอาร่างแช่น้ำในทันทีเลย
อีกสระหนึ่งเป็นสระสำหรับผู้ใหญ่ (16+) นั่นคือ Pulley Bar มีบาร์ให้บริการอยู่ในสระ แค่เดินเข้ามา เราก็จะได้ยินเสียงเพลงชวนแดนซ์กันเลย ที่สระนี้ชาวต่างชาติเยอะมาก นับว่าเป็นสีสันของการพักผ่อนจริงๆ สระนี้เปิดให้บริการระหว่างเวลา 10:00-18:00 น.
Facilities ของโรงแรมยังไม่หมดแค่นี้ ยังมี Coqoon Spa ที่อยู่ท่ามกลางแมกไม้ โครงสร้างเป็นหวายเทียมให้ความรู้สึกเหมือนได้รับการบำบัดอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ราวกับนอนอยู่ในรังนกบนต้นไม้ นอกจากนี้ยังมี Beach Club, Kids Club, Fitness Studio, Yoga Hall และ Tennis Courts ให้ลูกค้าใช้บริการได้ตามชอบ
หากใครอยากสัมผัสกับ The Slate ให้ครบทุกอณู เราขอแนะนำให้ว่าควรมีเวลามาสัก 2-3 วัน เพราะ Facilities ต่างๆ ที่นี่มีมากมาย คงต้องใช้เวลากันพอสมควร อีกทั้งห้องพักและสระว่ายน้ำที่ทำให้เราไม่อยากออกไปไหน รับรองว่ามาที่นี่แล้ว คงลืมสิ่งต่างๆ ภายนอกไปโดยอัตโนมัติ หากไม่เชื่อ ลองมาสัมผัสดู แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมเราถึงให้ที่นี่เป็นไข่มุกแห่งหาดในยางที่น่าค้นหา แล้วคุณจะหลงรักภูเก็ตในอีกมุมหนึ่งเป็นแน่ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงแรม www.theslatephuket.com
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^