“The Shore at Katathani Phuket (เดอะชอร์ แอท กะตะธานี)” อีกหนึ่งโรงแรมสุดหรูที่แฝงตัวอยู่ในธรรมชาติ ณ หาดกะตะน้อย จังหวัดภูเก็ต โดยที่ตั้งโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ สอดรับกับความงามสีมรกตของทะเลอันดามัน คงทำให้เราจินตนาการได้เบาๆ ว่ายามที่เราได้ใช้เวลาอยู่ ณ. ที่แห่งนี้ จะช่วยเติมความสุขให้เราได้มากขนาดไหน…
หากจะถามว่าสิ่งที่โดดเด่นของที่นี่คืออะไร คงบรรยายได้เยอะมากๆ เพราะที่นี่โดดเด่นในเรื่องของรายละเอียดต่างๆ ทั้งเรื่องสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานความงามแบบตะวันตกและตะวันออกได้อย่างลงตัว / ความโรแมนติกในทุกจุดของดีไซน์ / Facilities ต่างๆ ในห้อง จุดชมวิว และห้องอาหาร / การเก็บ Requirement ของลูกค้าตั้งแต่ก่อนเข้าพัก รวมถึงการจัดห้องเพื่อรองรับ Event สำคัญในช่วงที่เข้าพักด้วย ซึ่งช่วงที่เราเข้าพักตรงกับวันเกิดพอดี เลยมีเซอร์ไพรส์เล็กๆแต่มากด้วยความรู้สึก ทำให้ยิ่งประทับใจมากกว่าเดิม
ก่อนหน้าที่จะถึงวันเข้าพัก ทางโรงแรมจะส่ง E-mail มาเพื่อสอบถามความต้องการของเราในเรื่องของ Welcome Fruit ที่ต้องการ สีที่ชอบ เกมส์ที่ต้องการไว้เล่นในห้อง ประเภทของหมอนที่ชอบ อาหารเช้าทุกรายการที่ต้องการ รวมถึงวันที่เราเข้าพักนั้นตรงกับ Event ใดหรือไม่ อาทิ Anniversary Honeymoon วันเกิด ฯลฯ แค่เพียงเราให้ข้อมูลที่ครบถ้วน รับรองว่าจะได้รับการบริการที่สมบูรณ์แบบตามแบบฉบับของโรงแรม 6 ดาว โดยแท้
จากสนามบินภูเก็ตเดินทางมาโรงแรมใช้เวลาประมาณ 50 นาที (20 นาทีจากหาดป่าตอง) เมื่อมาถึงโรงแรม The Shore at Katathani เราจะเห็นได้ว่าตัวโรงแรมได้ตั้งเรียงกันลดหลั่นเป็นลำดับขั้น ล้อไปตามเนินเขาบนหาดกะตะน้อย ได้อย่างสวยงาม และกลมกลืนกับธรรมชาติ
Lobby ของโรงแรมเป็นโถงแบบเปิดโล่ง ตกแต่งได้เรียบหรูแต่มีสีสันด้วยการบริการของเหล่าพนักงานที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี
ห้องพักที่นี่เป็นแบบวิลล่าทั้งหมด มีจำนวน 98 หลัง มีสระว่ายน้ำส่วนตัวทุกห้อง โดยจะแบ่งเป็น 5 Room Types คือ
1. Pool Villa เป็น Type เริ่มต้น มี 11 หลัง พื้นที่ใช้สอย 130 ตารางเมตร เป็นห้องที่ได้วิวสวนอันร่มรื่น
2. Seaview Pool Villa มี 31 หลัง พื้นที่ใช้สอย 130 ตารางเมตร ได้วิวชายหาด ทะเล และยอดไม้
3. Seaview Pool Villa Romance มี 37 หลัง พื้นที่ใช้สอย 130 ตารางเมตร ได้วิวทะเล และยอดไม้
4. Seaview Pool Villa in Love มี 14 หลัง พื้นที่ใช้สอย 130 ตารางเมตร ได้วิวทะเลแบบพาโนราม่า
5. Two-Bedroom Pool Villa มี 5 หลัง เป็นห้อง 2 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยรวม 260 ตารางเมตร ได้วิวสวน
ส่วนห้องที่เราพักครั้งนี้ เป็นห้อง Seaview Pool Villa Romance
ตัวห้องด้านนอกเป็นสีเขียว หลังคาสีน้ำตาล กลมกลืนกับธรรมชาติโดยรอบ ภายในห้องตกแต่งด้วยสีโทนสว่างละมุน ได้แก่ สีขาว น้ำตาลอ่อน ชมพู และม่วงพาสเทล เฟอร์นิเจอร์เป็นไม้สีขาว ให้ความสดชื่นแก่การพักผ่อนได้อย่างดี เมื่อเปิดเข้ามาในห้อง สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาเราก็คือ วิวทะเล ที่สามารถมองจากในห้องได้อย่างชัดเจนจากเตียงนอนขนาดใหญ่ที่หันหน้าออกสู่ทะเล และจากอ่างอาบน้ำในห้องน้ำ ทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังพักผ่อนอยู่ในบ้านพักตากอากาศส่วนตัว จนเกือบลืมไปว่ากำลังเข้าพักที่โรงแรมไปเลย
ก่อนเจอห้องนอน เราจะได้พบกับโต๊ะเครื่องแป้ง และมินิบาร์ ชา กาแฟ นอกจากนี้ ในตู้เสื้อผ้ายังมีอุปกรณ์ต่างๆ ให้ครบ ทั้งเตารีด ตู้เซฟ เสื้อคลุมอาบน้ำ Slipper ไดร์เป่าผม Beach Bag ไว้ใช้ตอนอยู่ที่โรงแรม
ในห้องนอนมีโซฟานั่งเล่น โทรทัศน์จอแบนขนาดใหญ่ พร้อมด้วยลำโพง Bluetooth ที่จะได้ยินทั้งในห้องนอน และห้องน้ำ บริเวณหัวเตียงตกแต่งด้วยโคมไฟเสมือน ให้ความรู้สึกโรแมนติก
ถัดมาเป็นส่วนของห้องน้ำ ซึ่งสามารถปิดประตู เพื่อแยกกับห้องนอนได้อย่างมิดชิด ตรงกลางมีอ่างแช่ตัวขนาดใหญ่ที่สามารถแช่พร้อมกันได้ทั้ง 2 คน ใครชอบตีฟอง ไม่ต้องพก Bath Bomb มาให้เสียพื้นที่ในกระเป๋า เพราะ Bubble Gel ของเค้าเยี่ยมจริงๆ เทลงไปปุ๊บ ฟองเพียบ อ่างล้างหน้ามี 2 อ่าง มีพื้นที่ให้วางของใช้เยอะมากๆ บริเวณที่อาบน้ำมีทั้งฝักบัวและ Rain Shower แบบคู่ ให้คู่รักสามารถใช้เวลาด้วยกันได้อย่างเต็มที่ ให้ความโรแมนติกสมกับชื่อห้องจริงๆ
เราสามารถเดินออกไปยังระเบียงได้ทั้งจากห้องนอนและห้องน้ำ รับรองความฟินในการลงสระ เพราะสระที่นี่เป็นสระควบคุมอุณหภูมิให้อุ่น ทำให้สามารถเล่นน้ำชมวิวได้ทุกเวลา ไม่ต้องสะดุ้งกับน้ำเย็นๆ
อีกหนึ่งจุดไฮไลท์ของที่นี่คงหนีไม่พ้นระเบียงอาบแดดที่มี Day Bed และม่านโปร่งที่จัดไว้ได้ลงตัว นับเป็นมุมยอดฮิตที่ผู้มาเยือนไม่ควรพลาดในการเก็บรูปไว้เป็นที่ระลึก นอกจากนี้ ยังมีโซฟานั่งเล่นไว้นั่งทานขนม อ่านหนังสือ พร้อมชมวิวทิวทัศน์ของทะเลอันดามันได้อย่างไร้ขอบจำกัด
ด้านหน้าห้องจะเห็นยอดไม้ ยามเช้าก็จะมีนกโบยบินมาส่งเสียงเจื้อยแจ้วทักทาย ลองสั่ง Floating Breakfast มาทานที่ห้องให้นกอิจฉาเล่นดูสิ รับรองว่าประทับใจไม่รู้ลืมแน่ ยิ่งช่วงใกล้พระอาทิตย์ตก ความงามของที่นี่ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ใครได้มาพักห้องนี้ รับรองว่าอิ่มกับความโรแมนติกแบบจุกๆ กันไปเลย
เวลาจะให้แม่บ้านมาทำความสะอาดห้อง ให้นำตุ๊กตาเต่ามาเสียบไว้ที่หน้าบ้าน แค่นี้ก็ได้ห้องสะอาด เนี้ยบ เหมือนใหม่แล้ว สำหรับใครที่ไม่ต้องการให้เปลี่ยนผ้าปูที่นอนหรือผ้าเช็ดตัว ก็สามารถนำตุ๊กตาเต่ามาวางไว้ เพื่อให้แม่บ้านทราบได้ ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของ The Shore at Katathani เลยก็ว่าได้
นอกจากห้องพักที่แสนจะพิเศษนี้แล้ว ทางโรงแรมยังมี Facilities ต่างๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ได้แก่ จุดชมวิว The Kissing Point แค่ชื่อก็คงพอเดาได้ว่าต้องเป็นมุมที่แสนโรแมนติก จนทำให้หลายคนอยากมาขอแต่งงานกันที่นี่ ใครได้มาสัมผัสเป็นต้องหลงรักกับจุดชมวิวพื้นกระจกใส ที่ยื่นออกไปในทะเลแห่งนี้ ยิ่งตอนพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า ความสวยงาม ณ จุดนี้ ยิ่งมากขึ้นเป็นทวีคูณ สำหรับใครที่อยากจะลองมาดินเนอร์กับหวานใจแบบสุดสวีทที่ The Kissing Point ต้องจองล่วงหน้า เพราะเค้าจะเปิดให้แค่วันละ 1 คู่เท่านั้น
อีกหนึ่งจุดที่เป็นไฮไลท์ไม่แพ้กัน นั่นก็คือ The Chapel โบสถ์แต่งงานที่อยู่บนยอดเขาของหาดกะตะน้อย รายล้อมด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ประดับประดาด้วยความงามสีมรกตของทะเลอันดามันแบบพาโนราม่า ซึ่งนับว่าเป็น Chapel แห่งแรกของภูเก็ต การตกแต่งเป็นแบบเรียบหรู สง่างาม มีทั้งแบบ In Door ที่ล้อมรอบด้วยกระจกใส และแบบ Out Door ที่มีทางเดินในน้ำ ใครได้มายืน ณ จุดนี้ เป็นต้องสตั้นกับความงามของเมืองภูเก็ตและท้องทะเลอันแสนงดงามของไทยเป็นแน่
ระหว่างที่เข้าพัก นอกจากจะ Enjoy กับสระส่วนตัวในห้องแล้ว อย่าลืมมาเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำริมหาด ซึ่งเป็นสระแบบ Infinity Pool ที่ทำให้เราได้เห็นวิวของชายหาดและทะเลได้เต็มๆ ตา สระหน้ากว้างยาวขนานไปกับชายหาด ทำให้การว่ายน้ำชมวิวเป็นเรื่องที่น่าสนใจจริงๆ
นอกจากนี้ ข้างๆ สระยังมีเตียงอาบแดด และเก้าอี้นั่งให้เราสามารถมานั่งจิบ Afternoon Tea (ให้บริการระหว่างเวลา 15.00 – 17.00 น.) หรือเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มสุดโปรดได้อีกด้วย
ถัดจากสระว่ายน้ำส่วนกลางมาเล็กน้อย จะเป็น The Nest ซึ่งตกแต่งสไตล์รังนก เหมาะสำหรับมานั่งพักผ่อนช่วงพลบค่ำ ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน
ถ้าจะหาความร่มรื่น ที่นี่ก็มี ทางเดินริมทะเล ซึ่งเป็นทางเดินไปลัดเลาะไปตามแนวชายหาด อุดมด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยนานาพันธุ์ ให้ความร่มรื่น สงบ ระหว่างทางยังมีจุดให้ถ่ายรูปอย่างชิงช้าขาวที่อยู่ใต้ต้นไม้ ราวกับได้นั่งเล่นเหมือนในหนังเลย จะมาออกกำลังกายตอนเช้า หรือจะมาเดินเล่นช่วงเย็นก็ช่างเหมาะจริงๆ
นอกจากห้องพักและ Facilities ต่างๆ ที่ทางโรงแรมจัดไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว เรายังมีอีกสิ่งที่อยากแนะนำ คือ อาหารของที่นี่ ที่ขอยกเรื่องรสชาติให้เป็นอันดับต้นๆ ของภูเก็ต ขนาดคนพื้นเมืองที่ภูเก็ตยังบอกเลยว่าอาหารที่นี่เด็ดจริงๆ ห้องอาหารมีให้เลือก 2 แห่ง คือ The Harbor ซึ่งเป็นห้องอาหารหลัก เสิร์ฟแบบ All-day Dining ตกแต่งด้วยสไตล์ร่วมสมัย เพดานสูงให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง สบาย หันหน้าออกสู่ทะเล ให้เราทานข้าวเคล้าวิวทะเลไป อิ่มทั้งกายและทั้งใจเลยทีเดียว
สำหรับอาหารเช้าจะเสิร์ฟเป็นแบบ A La Carte ตามเมนูที่เราเลือกไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าพัก อาหารมีให้เลือกหลากหลายทั้งอาหารพื้นเมือง อย่างเส้นหมี่แกงปูพร้อมห่อหมกรสจัดจ้าน หรืออาหารฝรั่งก็มีให้เลือกเช่นกัน
สำหรับมื้อเย็น เมนูที่เราได้ลองทานได้แก่ Trio Andaman Skewers มีทั้งแกะ กุ้ง และปูยักษ์ / Andaman Oysters หอยนางรมตัวใหญ่ๆ สดๆ จากทะเล พร้อมเครื่องเคียงรสแซ่บ / ต้มข่ากะตะน้อย / Home Made Satay ที่ประกอบด้วยสะเต๊ะหมู ไก่ และแกะ / เครื่องดื่มคั่นรายการอย่าง Lime-Mint and Vodka Sherbet / Rock Lobster and Cobia Fish ตบท้ายด้วยของหวานอย่าง Fruit Flame with Ice Cream
อีกห้องอาหารหนึ่งของที่นี่ ที่ขึ้นชื่อมากๆ ก็คือ ห้องอาหารไทยปรัมปรา (PARAM PARA) ที่จะพาเราเดินทางเข้าสู่ป่าหิมพานต์ซึ่งเป็นป่าแห่งสรวงสวรรค์และสิ่งอัศจรรย์ต่างๆ เราจะได้ตามรอยวรรณคดีไทยเรื่องต่างๆ ที่จำแลงลงมาเป็นอาหารสูตรไทยแบบโบราณร่วมสมัยแต่ละจานที่ถูกรังสรรค์อย่างปราณีต เมื่ออาหารมาถึงโต๊ะ จะมีพนักงานมาคอยเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเมนูแต่ละจานให้เราฟังอย่างน่าสนใจ ใครอยากลองทานต้องจองล่วงหน้า เพราะ ณ ตอนนี้ สามารถรองรับได้ประมาณ 20 ที่เท่านั้น
อาหารที่เราได้ลองครั้งนี้ ได้แก่ ป่าหิมพานต์ ซึ่งเป็นของว่างเรียกน้ำย่อยที่มีอาหารนานาชนิดให้เลือกทานมากมาย อาทิ ช่อม่วง ปั้นสิบไส้ปลา ขนมจีบไทยรูปนก ปูจ๋า ถุงทอง หรุ่ม ฯลฯ จานต่อมา คือ ฉุยฉายพราหมณ์ (ฉุยฉายขนมเบื้องโบราณ) เป็นขนมเบื้องไส้ปูและกุ้ง ทานคู่กับน้ำจิ้ม รสชาติกลมกล่อม ได้อารมณ์ของอาหารไทยชาววังเลย จานถัดมา คือ ผัดธิดาสร้อยดอกหมาก (ผัดโหงวก้วยทรงเครื่อง) ที่มาของชื่อเมนูมาจากชื่อของธิดาสร้อยดอกหมากซึ่งเป็นธิดาของพระเจ้ากรุงจีน ที่ได้เดินทางมาอภิเษกสมรสกับพระเจ้าแผ่นดินแห่งเมืองอโยธยา จึงได้กลายมาเป็นเมนูอาหาร 5 อย่าง (โหงวก้วย) ที่ประกอบด้วย รากบัว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ แปะก๊วย และพุทราจีน
ตามมาด้วยเมนูพระรามโสรจสรง ซึ่งก็คือแกงเขียวหวานเนื้อพริกขี้หนูสวนกับโรตี (สำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อ สามารถขอให้เปลี่ยนเป็นหมูได้) รสชาติเข้มข้น หอมเครื่องแกง ทานกับโรตีเนื้อแน่นๆ ช่างเข้ากั้นเข้ากัน และอีกหนึ่งเมนูไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ สีดาลุยไฟ (พะแนงไก่ย่างตะไคร้ใบเตยหอมพร้อมเครื่องเคียง) ที่พนักงานจะมาจุดไฟให้เราที่โต๊ะเลย ส่วนเมนูสุดท้าย คือ ฟองนกกัณฑิมา (กุ้งทอดมันเคล้ามันกุ้งทรงเครื่อง)
อาหารแต่ละจาน นอกจากชื่อที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว การจัดจานก็ทำได้อย่างสวยงามและน่าสนใจ เพราะมีการนำตัวละครของเรื่องนั้นๆ มาโลดแล่นอยู่บนจานให้เราได้เห็นกันด้วย เรื่องรสชาติที่นี่ ยืนหนึ่งจริงๆ ได้มาลอง รับรองว่าไม่ผิดหวัง แต่อาจจะต้องเผื่อเวลาไว้พอสมควร เพื่อจะได้ดื่มด่ำกับเรื่องราวของอาหารแต่ละจาน และละเมียดลิ้มรสอาหารอันโอชะอย่างเต็มที่ โดยห้องอาหารนี้จะเปิดเฉพาะมื้อเย็นเท่านั้น
ทุกเรื่องย่อมมีข้อจำกัด แม้โรงแรมจะสมบูรณ์แบบ แต่ยังมีเรื่องของข้อจำกัดการเข้าพัก เพราะที่นี่จะรับเฉพาะผู้ใหญ่และเด็กที่อายุมากกว่า 12 ปีเท่านั้น เพื่อคงไว้ซึ่งความเป็นส่วนตัวของผู้เข้าพักทุกรายและความเงียบสงบในทุกการพักผ่อน นับเป็นโรงแรมที่เหมาะกับคู่รักโดยแท้ สามารถตอบโจทย์ได้ทุกช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองตั้งแต่ขอแต่งงาน แต่งงาน Honeymoon หรือฉลองครบรอบ Anniversary ต่างๆ รับรองว่า The Shore at Katathani ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
บรรยายมาซะขนาดนี้ หลายคนอาจคิดว่าราคาแรง แต่ขอบอกเลยว่าช่วงนี้เป็นช่วงทองของคนไทย เพราะมีโครงการจากรัฐบาล #เราเที่ยวด้วยกัน ทำให้เราได้สัมผัสในราคาที่เอื้อมถึง…เพีบงลงทะเบียนและถ้าได้รับสิทธิรัฐบาล คุณจ่ายเองเริ่มต้นเพียง 4,999 บาท (ที่เหลือรัฐบาลจ่ายให้) พิเศษ! รับเครดิตสปามูลค่า 1,000 บาท และส่วนลดค่าอาหาร 10% เมื่อพัก 2 คืนขึ้นไป
⭐ Pool Villa คุณจ่ายเอง 4,999 บาท/วิลล่า/คืน
⭐ Seaview Pool Villa คุณจ่ายเอง 6,999 บาท/วิลล่า/คืน
⭐ Seaview Pool Villa ROMANCE คุณจ่ายเอง 8,999 บาท/วิลล่า/คืน
⭐ Seaview Pool Villa IN LOVE คุณจ่ายเอง 9,999 บาท/วิลล่า/คืน
⭐ 2-Bedroom Pool Villa คุณจ่ายเอง 16,999 บาท/วิลล่า/คืน
? ซื้อบัตรห้องพักได้ที่: https://bit.ly/TS-TTG-PRO (จองล่วงหน้า 3 วันก่อนเข้าพัก)
#วันเข้าพัก : วันนี้ – 31 ต.ค. 63 (วันนี้ – ก.ย. 63 เปิดให้เข้าพักเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์)
#หมายเหตุ : ราคาข้างต้น เป็นราคาที่ต้องจ่าย 60% ตามเงื่อนไขของโครงการ
เดอะชอร์ เป็นรีสอร์ทสำหรับผู้ใหญ่ ไม่อนุญาตให้ผู้เข้าพักอายุน้อยกว่า 12 ปี เข้าพัก
? INBOX: m.me/theshoreatkatathani
? LINE Official: @katathani_hotels (มี @)
? อีเมล: TheShoreReservation@katathani.com
#สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ? โทร: 076-318-350
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^