ถ้าหลับตาแล้วตื่นขึ้นมา ภาพเบื้องหน้าคือทะเลสีฟ้าคราม
คั่นกลางด้วยสระว่ายน้ำวิวพาโนราม่า ที่มองออกไปจากห้องนอน
แค่จินตนาการตามที่คิดไว้ ก็มีความสุขแล้ว
และถ้าได้ไปพักที่พักที่เป็นดั่งในจินตนาการที่ว่านี้หล่ะ
คงไม่มีที่ไหนตอบโจทย์แห่งความสุขที่ถูกตั้งเอาไว้ได้ดีเท่าที่นี่…
“Silavadee Pool Spa Resort – ศิลาวดี สวรรค์ของคนรักทะเล”
ทริปนี้ผมเดินทางไปกับสายการบิน Bangkok Airways ที่บินตรงยาวไปลงเกาะสมุย
สะดวก สบาย ไม่ต้องต่อรถ ต่อเรือ โดยใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษๆเท่านั้น
แถมมีเล้าจน์ให้ใช้บริการระหว่างรอขึ้นเครื่องอีกด้วย
สำหรับเล้าจน์ Blue Ribbon ผู้โดยสารชั้นธุรกิจถึงจะมีสิทธิ์ใช้บริการได้
ด้านในเล้าจน์มีอาหารร้อนหลายอย่าง เครื่องดื่ม ขนม เสิร์ฟไม่อั้นกันเลยครับ
ผู้โดยสารวันนี้เต็มลำเครื่องบินเลยครับ ส่วนเมนูบนเครื่องเป็น ฉู่ฉี่กุ้ง
เพียงชั่วโมงเศษๆเครื่องบินได้บินมาถึงสนามบินสมุยแล้วครับ สนามบินที่ได้ชื่อว่าสวยงาม
เป็นเอกลักษณ์ของ Bangkok Airways มีพื้นที่กว้างขวาง เปิดโล่ง โปร่ง
ซึ่งมีเพียงแค่ 2 สายการบินเท่านั้นที่บินลงนั่นก็คือ TG และ Bangkok Airways
ด้านนอกสนามบินมีจุดรับรถเช่าตั้งอยู่รวมของ Avis ด้วย ติดต่อรถเช่าจากที่จองมา
แล้วมารับรถด้านหน้า ทริปนี้ผมเช่ารถ Toyota Vios คันเล็กๆแค่นี้ก็เที่ยวได้ทั่วเกาะแล้วครับ
ประมาณ 30 นาที ขับรถจากสนามบินสมุยก็จะถึงที่พักสุดหรูของทริปนี้แล้ว
Silavadee Pool Spa Resort ตั้งอยู่ปลายแหลมตรงกลางระหว่างกลาง
ของหาดเฉวงกับหาดละไม ซึ่งมีวิวและทำเลดีที่สุดในโรงแรมย่านนั้น
ตรงเข้าไปจะมองเห็น Lobby ซึ่งเป็นอาคารเปิดโล่ง โปร่ง รับลมตลอดเวลาถึงแม้วันที่ผมเข้าพัก จะตรงกับช่วงที่มีนักท่องเที่ยวมาค่อนข้างมาก
แต่เจ้าหน้าที่ต้อนรับทุกคน ยังยิ้มแย้มและคอยช่วยเหลือ ให้ข้อมูลอย่างไม่ขาดสาย
ส่วน Welcome Drink ของที่นี่เป็นน้ำตะไคร้ หอม เย็น สดชื่นหายเหนื่อยเลยครับ
เนื่องด้วยรีสอร์ทตั้งอยู่ริมผา และมีพื้นที่ชันอยู่หลายจุด เวลาจะเดินทางไปไหนในรีสอร์ท
จะมีรถกอล์ฟคอยให้บริการอยู่ตลอดเวลา สามารถกดโทรเรียกจากห้องพักได้เลย
สวัสดีห้องพักของผม ค่ำคืนที่ผมเข้าพักศิลาวดีนี้ ผมพักห้อง Ocean Front Pool Villa
ซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 9 หลัง ของห้องพักประเภทนี้ครับ
ตัวห้องมีขนาดประมาณ 150 ตารางเมตร มี 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ
มี Pool ส่วนตัว แถมยังมีวิวสวยๆอยู่เบื้องหน้าอีกด้วย
ห้องน้ำมีขนาดกว้างขวาง มีแยกโซนแห้ง โซนเปียกอย่างชัดเจน
มีอ่างอาบน้ำที่สามารถนอนแช่และมองออกไปเห็นวิวทะเลได้อีกด้วย
เครื่องใช้ในห้องน้ำมีให้ครบครัน
มาดูบรรยากาศนอกห้องกันบ้าง
สระว่ายน้ำแบบวิวอินฟินิตี้ มี Sun Bed นอนอาบแดด ชมทะเลกันฟินๆ
ในสระมีจากุชชี่ให้นั่งแช่ชมวิวอีกด้วย
ห้องว่าสวยแล้ว เจอวิวนอกห้องพร้อมสระส่วนตัวแบบนี้อีก สลบไปกับความฟินกันเลย!!!
จากห้องพักมองลงมาจะเห็นลานของห้องอาหารที่เป็นกลางแจ้ง
ปกติลานที่นั่งตรงนี้จะมีจัดเซ็ททื้อค่ำเป็น BBQ Seafood
แต่ช่วงที่ผมเข้าพักมีฝนลงมาโปรยปราย จึงย้ายไปทานด้านในครับ
พอตกค่ำ พนักงานของทางรีสอร์ทจะเข้ามา Turn Down คือเอามุ้งลงรอบเตียง
และมีขนมที่นำมาวางไว้ให้ตอน Turn Down ด้วยครับ นั่นก็คือ…กาละแม ขนมขึ้นชื่อของสมุยนั่นเอง
มาดูวิวแบบพาโนราม่าทั้งจากหน้าห้องพักตรงสระน้ำ
และจากในห้องพักมองออกไปข้างนอก เพื่อให้เห็นบรรยากาศครบแบบฟินๆกันเลยทีเดียว
หลังจากชมห้องที่ผมเข้าพักไปแล้ว วันนี้ทางรีสอร์ทได้เตรียมมื้ออาหารค่ำสุดพิเศษไว้ให้
เป็น Romantic Set Dinner ณ. ห้องอาหาร Star Roof Top ที่มีบรรยากาศแบบ Open Air
เห็นวิว และรับลมธรรมชาติเต็มๆ ซึ่งมีแค่ 4 โต๊ะเท่านั้น
ท่านใดสนใจอาหารมื้อสุดแสนพิเศษแบบนี้ ต้องสำรองโต๊ะล่วงหน้านะครับ
เริ่มต้นเบาๆด้วยเครื่องดื่มสมูทตี้และขนมปัง
ในเซ็ทจะมีทั้งหมด 6 Courses เป็นอาหารสไตล์ตะวันตกทานคู่กับไวน์และแชมเปญ
1. Mixed Seafood ที่มีส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างกุ้ง แซลม่อน และทูน่าแดงเสิร์ฟทานคู่กับไวน์ขาว
2. Silavadee Seafood Soup ซุปครีมมะเขือเทศที่มีส่วนผสมของซีฟู้ดสดๆทานคู่กับขนมปังกระเทียม3. Orange Sorbet แก้เลี่ยนด้วยของเปรี้ยวๆอย่างซอร์เบทส้ม4. Pan Fried Salmon 5. จริงๆเมนูนี้ต้องเป็นเนื้อวัว Tenderloin Rossini
แต่ผมไม่ทานเนื้อวัวจึงขอเปลี่ยนเป็นกุ้งแทน ทานคู่กับไวน์แดงอร่อยสุดๆไปเลย6. Raspberry & Vanilla Panna Cotta และปิดท้ายเซ็ทด้วยของหวาน
โดยรวมแล้วบรรยากาศดี อาหารอร่อย นั่งสวีทได้นานเลยครับ ^^
ห้องอาหารหลักของศิลาวดีคือ Sun Moon Star
Sun จะเป็นกลางแจ้งใกล้สระว่ายน้ำ
Moon คือห้องแบบ indoor ซึ่งอาหารเช้าจะทานที่นี่ มีวิวมองออกไปเห็นสระว่ายน้ำและทะเล
และ Star เป็นห้องอาหารแบบ Roof Top ที่ผมได้พาไปชมและทานอาหารไปแล้วเมื่อคืน
ไลน์บุฟเฟ่ต์อาหารเช้า มีเยอะมาก ทั้งผักสด ขนมปัง แยมโฮมเมด อาหารไทย
American Breakfast ผลไม้ และขนมหวาน เป็นต้น
มีน้ำผลไม้แบบแยกกากที่สามารถลองทำได้เองด้วยครับ
ที่นี่จะมีเมนูอาหารเช้าที่เป็นเมนูสุขภาพด้วย ซึ่งผมได้ลองสั่งมาทานบางเมนู เช่น
Five egg white omelets เป็นออมเล็ทที่ใช้ส่วนผสมแต่ไข่ขาว 5 ฟอง
สลับกับเมนูที่ไม่ใช่เมนูเพื่อสุขภาพอย่าง Frittata nella pancettaClassic eggs benedict เมนูนี้ถึงแม้จะไม่ใช่เมนูสุขภาพ แต่ทานคู่กับ Blueberry smoothie
ที่เป็นเครื่องดื่มสุขภาพ สดชื่นสุดๆเลยครับ ^^
Low calorie breakfast อีกหนึ่งเมนูสุขภาพที่ดีต่อใจ
Whole wheat and wheat germ pancakes เป็นแพนเค้ก low fat ทานคู่กับน้ำผึ้งพักย่อยซักพัก พามาชมสปาของที่นี่กันต่อ Silavadee Wellness Spa
ห้องทำสปาจะมีอยู่ทั้งหมด 5 ห้อง
มีผลิตภัณฑ์มากมายหลากหลายให้เลือกก่อนใช้บริการ
ตัวห้องมีขนาดกว้าง ไม่รู้สึกอึดอัด รวมถึงการนวด นวดดีจนผมเผลอหลับไปเลยครับ
ผ่อนคลายจากการทำสปาเสร็จแล้วมาต่อที่มื้อกลางวัน
ถ้ามาพักที่ศิลาวดี ผมแนะนำว่าให้ทานอาหารที่นี่
โดยไม่ต้องออกไปทานข้างนอกเลยจะดีกว่า
เพราะบรรยากาศดี อาหารอร่อย ราคาไม่สูงจนเกินไปเมื่อเทียบกับร้านดังๆ
โดยมื้อเที่ยงนี้ผมทานที่ห้องอาหารเดิมที่มาตอนทานอาหารเช้า
มื้อนี้สั่งไปไม่เยอะ เพราะเดี๋ยวจะมีปิดท้ายด้วยขนมหวาน Afternoon Tea Set
จึงเผื่อท้องไว้ทานขนมหวานด้วยดีกว่า ^^
เมนูที่ผมสั่งเป็น สลัดทูน่า กับ ผัดไท ทานคู่กับน้ำผลไม้ ชื่นใจดีครับ
ขนมหวานปิดท้ายที่มาทันในรอบนี้คือ Afternoo Tea Set สุดอลังการ
จะมีให้บริการตั้งแต่เวลา 14.00 – 17.00 น.
สามารถเลือกชนิดของชาที่จะทานคู่กับขนมหวานเหล่านี้ได้
กลิ่นหอมๆของชา ทานคู่กับขนมรสชาติเยี่ยม ฟินไปเลย ^^
เห็นวิวสระว่ายน้ำของที่นี่ตั้งแต่ทานอาหารอยู่ด้านบน
เลยลองมาเดินชมสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ของที่นี่ซักหน่อยในแบบวิวพาโนราม่า
ทอดมองออกไปเป็นทะเล จะเห็นนักท่องเที่ยวนอนอาบแดดกันอยู่ค่อนข้างมาก
มีทางเดินด้านข้างสามารถเดินเล่นชมหาดของอีกฝั่งหนึ่งได้
ช่วงกลางคืนริมสระน้ำมีเปิดไฟสวยงาม
อีกหนึ่งห้องอาหารของ ศิลาวดี ที่ขายเฉพาะอาหารไทย The Height
ตั้งบนเนินเขา มีให้นั่งทั้งโซน indoor และ outdoor
อีกทั้งมองลงไปยังเห็นวิวทะเลสวยๆอีกด้วย
นั่งทานอาหารไป มองวิวทะเลเพลินๆไป ชีวิตช่างมีความสุขเหลือเกิน ^^
มาถึงมื้อ Dinner อีกวัน ทุกคืนวันเสาร์จะมี Buffet BBQ
ซึ่งปกติต้องจัดตรงห้องอาหาร Sun แต่ช่วงที่ผมไปมีฝนโปรยปราย
เลยย้ายที่จัดเป็นห้องอาหาร Moon ซึ่งเป็น indoor
ความอลังการไม่ได้ลดหย่อนไปจากเดิม อาหารจัดเต็มทั้ง BBQ Seafood
อาหารไทย อาหารนานาชาติ สลัดผักสด จัดบาร์กันมาเต็มที่ไม่มีกั๊ก ^^
มีดนตรีสดเล่นเพลงเพราะๆให้ได้ฟังด้วยครับ
ลองจัดมาเป็นจานๆมานั่งทาน ถือว่าเยอะและคุ้มค่าครับ
ขนมหวานก็มีให้เลือกหลายอย่าง
ใครสนใจหรือชอบเมนูไหน เชิญหยิบได้ตามอัธยาศัยเลยครับ ^^
ได้เห็น facilities ทั้งหมดของรีสอร์ทไปแล้ว ต่อไปมาชมห้องพักประเภทอื่นๆกันบ้าง
ที่นี่มี 44 Private Pool Villas (โซน Villa ใหม่ 25 หลัง) และ 36 Deluxe Rooms
Tropical Pool Villa ห้องพักประเภทนี้เป็นวิวสวน แต่มีสระส่วนตัว
มีขนาด 140 ตารางเมตร มีจำนวน 5 หลัง ตัวห้องมีการออกแบบที่คล้ายกัน
เป็นคอนเซ็ปท์ “Back to Nature” ใช้ไม้เป็นส่วนประกอบอาคาร
สระว่ายน้ำส่วนตัวเป็นรูปตัว L มีจากุชชี่ให้แช่ชมวิวสวนธรรมชาติ
บรรยากาศร่มรื่นมากครับ
Ocean View Pool Villa อีกหนึ่งประเภทห้องพักที่มองเห็นวิวทะเล
แต่ทะเลไม่ได้ตั้งอยู่ด้านหน้าเหมือนห้องที่ผมพัก
มีขนาด 140 ตารางเมตร มีจำนวน 5 หลัง
สระว่ายน้ำส่วนตัวเป็นรูปตัว L มีจากุชชี่ให้แช่เหมือนกันทุกห้องที่มีสระ
มองไปจะเห็นวิวทะเลอยู่ไกลๆ แต่ละห้องมีความเป็นส่วนตัวสูง
เพราะกำแพงของแต่ละหลังจะไม่อยู่ติดกัน
ห้องพักประเภทสุดท้ายที่ผมได้มาชมในครั้งนี้
Ocean Front Pool Villa Suite เป็นประเภทห้องพักที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
ขนาด 300 ตารางเมตร มีจำนวน 4 หลัง
แต่ละหลัง มี 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และ 1 ห้องนั่งเล่นแยกออกจากตัวอาคารหลัก
บริเวณห้องนั่งเล่นที่สามารถนั่งมองวิวทะเลได้ด้วย
ห้องนอนที่พักนี้โซนเก่าจะเป็นแบบไม้
ซึ่งต่างจากห้องที่ผมพักจะเป็นแบบปูนผสมไม้
เต็มอิ่มกับที่พักสุดหรูในช่วงวันหยุดพักผ่อนไปแล้ว ช่วงเวลาช่างผ่านไปไวเหลือเกิน
ได้เวลากลับสู่โลกความจริง ขากลับที่สนามบินสมุย
จะมีตู้ Kiosk ที่ให้ทำ Self Check-in ได้เลยโดยไม่ต้องไปเสียเวลาต่อแถว
ในกรณีที่ผู้โดยสารไม่มีโหลดสัมภาระ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร
ขาไปเราได้เข้าเล้าจน์ Blue Ribbon ที่สุวรรณภูมิไปแล้ว
ขากลับผมได้เข้าใช้เล้าจน์ Blue Ribbon ที่สนามบินสมุยด้วย
ตัวเล้าจน์มีขนาดเล็กกว่าที่สุวรรณภูมิ เน้นโทนสีขาว ฟ้า
มีอาหารร้อน เครื่องดื่ม ขนม ให้เลือกมากมาย
ที่สำคัญมีบะหมี่เป็ดย่าง ทานคู่กับมะพร้าวน้ำหอม สัญลักษณ์เกาะสมุย
ฟิน!!! ก่อนบินกลับ ^^
แต่อย่าทานให้อิ่มมากเพราะบนเครื่องยังมีอีกหนึ่งมื้อนะครับ ^^
“สมุย” เกาะสวรรค์ของนักท่องเที่ยว เป็นดั่งสวรรค์ของคนรักทะเล
ที่นี่มีที่พัก รีสอร์ทสุดหรูอยู่หลายที่ แต่จะมีซักกี่ที่ที่ไปแล้วอยากกลับไปอีก
คงไม่ต้องสงสัยอะไรมากสำหรับ ศิลาวดี พูล สปา รีสอร์ท
ที่ที่ทำให้ผมตื่นจากจินตนาการแล้วพบกับความจริงว่า
ที่นี่เป็นดั่งสวรรค์ของคนรักทะเลอย่างแท้จริง
“Silavadee Pool Spa Resort สวรรค์ของคนรักทะเล”
สรุปข้อดีของศิลาวดี (ตามสไตล์ผม)
– สวยงาม วิวสวย ที่พักมีสระว่ายน้ำส่วนตัวทุกหลัง
– อาหารอร่อย ราคาไม่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับรีสอร์ทในระดับใกล้กัน
สรุปข้อเสียของศิลาวดี (ตามสไตล์ผม)
– ราคาค่อนข้างสูง
– ที่พักอยู่บนเนินเขาเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยเหมาะกับผู้สูงอายุ
สามารถจองที่พักได้ที่ -> ศิลาวดี สมุย
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^