โดยส่วนตัว ผมได้มีโอกาสเดินทางมาภูเก็ตหลายครั้ง อาจเพราะพื้นเพผมเป็นคนภูเก็ต เลยทำให้ผูกพันธ์กับจังหวัดนี้มากเป็นพิเศษ และทุกครั้งที่มาก็มีความประทับใจที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่มีโอกาสได้มาพักที่รีสอร์ทในเครือ SALA Hospitality Group ที่ตั้งบนหาดไม้ขาว อยู่ทางตอนบนของเกาะภูเก็ต เป็นหาดที่เงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน ทำให้บรรยากาศการพักผ่อนในครั้งนี้ต่างไปจากเดิม เพราะเหมือนได้อยู่ในโลกส่วนตัว ที่ไม่มีใครย่างกรายเข้ามารบกวน ป่ะ ไป พักผ่อนในรูปแบบ Relax & Retreat และ #บันทึกเที่ยว ลงในความทรงจำท่ามกลางสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นบนที่พักแห่งนี้…
“SALA Phuket Resort and Spa – Relax & Retreat”
SALA Phuket Resort & Spa อยู่ไม่ไกลจากสนามบินภูเก็ตมากนัก ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินเพียง 20 นาที พื้นที่ของรีสอร์ทมีขนาดกว้างขวาง บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน จากที่ผมสังเกตคนที่เข้าพักที่นี่ส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาอยู่ที่รีสอร์ททั้งวัน ไม่ค่อยได้ออกไปไหน อาจเพราะที่รีสอร์ทมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน บรรยากาศดี อาหารอร่อยเลยทำให้อยากใช้เวลาอยู่ที่นี่นานๆ จนไม่อยากออกไปข้างนอกก็เป็นได้ อีกทั้งที่นี่ยังได้การรับรองด้วยรางวัล Thailand Boutique Awards 2016-2017 อีกด้วย เรื่องคุณภาพและการบริหารหายห่วงได้เลย
แต่สำหรับทริปนี้ เราสองคนเลือกที่จะเช่ารถขับเพื่อจะได้เดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย โดยเราเลือกใช้บริการรถเช่าของ AVIS Thailand ซึ่งเค้ารับประกันว่าหากลูกค้ามาครั้งนี้แล้วไม่ได้รถเช่า ครั้งหน้าลูกค้าจะได้เช่ารถฟรีไปเลยทันที จัดไป!!! ถ้าการันตีขนาดนี้ เราก็เลยขอลองสักหน่อยละกัน ^^
เราเลือกเช่ารถ Honda CRV รุ่นใหม่ เครื่อง 2.0 (Group F) ภายในรถมีฟังก์ชั่นต่างๆ ครบครันทั้งจอ Touch Screen ขนาดใหญ่ พร้อมด้วย GPS ในตัว กล้องด้านข้างเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยตอนเลี้ยว ระบบเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ ฯลฯ ที่นั่งกว้างขวาง 7 ที่นั่ง โดยเบาะด้านแถวหลังสุดสามารถพับลงเพื่อเก็บกระเป๋าเดินทางได้ เก้าอี้คู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า เรียกได้ว่าครบครันทีเดียว แม้รถจะคันใหญ่ขนาดนี้ แต่ไม่กินน้ำมันเลย เพื่อนๆ ที่สนใจสามารถจองรถล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซท์ www.avisthailand.com เพื่อให้ได้ราคาที่คุ้มกว่า
เมื่อมาถึงบริเวณ Lobby ของโรงแรมก็จะพบกับตัวอาคารที่มีการตกแต่งอย่างสวยงาม มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า (อาจจะเรียกว่าเป็นสระน้ำตื้นๆ ก็ได้) ให้ความรู้สึกเย็น สบายตา และดูมีดีไซน์ที่แปลกตาไม่เหมือนใคร
พอเดินเข้ามาถึงด้านใน พนักงานต้อนรับก็รีบนำพวงมาลัยมาให้ และต้อนรับด้วย Welcome Drink ซึ่งเป็นน้ำขิงหอมๆ เย็นชื่นใจ
เมื่อเช็คอินเสร็จเรียบร้อย เดินต่อเข้ามาภายในรีสอร์ทจะรู้สึกได้ถึงความร่มรื่น เพราะตลอด 2 ข้างทาง มีต้นยางยาวตลอดทางเดิน บริเวณหน้าห้องก็มีต้นประทัดจีนปลูกไว้ทุกห้อง ให้ความร่มรื่นและเป็นธรรมชาติมากๆ ถัดเข้ามาจาก Lobby มีโซนให้บริการข้อมูลท่องเที่ยวแก่ผู้ที่มาพัก โดยจะมีโบรชัวร์ของบริษัททัวร์ต่างๆ วางไว้ให้เลือกมากมาย ใครสนใจ One day trip ไปเที่ยวใกล้ๆ ลองมาดูที่นี่กันได้นะครับ เข้ามาด้านในอีกนิดก็เป็น SALA Shop ที่มีของที่ระลึก และของใช้จำเป็นให้เราเลือกซื้อเลือกหา อาทิ ชุด กระเป๋า ผ้าบาติก โลชั่น หมวก แว่นกันแดด สร้อยคอ ฯลฯ ราคาก็สมเหตุสมผล ไม่แรงมากครับ
ห้องพักที่นี่มีมากมายหลายประเภท มีทั้งหมด 79 ห้อง แบ่งเป็น
1 Bedroom Pool Villa Suite มี 7 ห้อง / 1 Bedroom Duplex Pool Villa Suite มี 2 ห้อง /
2 Bedroom Pool Villa Suite มี 3 ห้อง / 2 Bedroom Presidential Suite มีจำนวน 1 ห้อง /
Deluxe Balcony มี 16 ห้อง / Garden Pool Villa มี 16 ห้อง และ SALA Pool Villa มี 34 หลัง
Deluxe Balcony อยู่บนชั้น 2 ของอาคาร ขนาดห้อง 63 ตารางเมตร ด้านในของห้องตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีสซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ต ที่ด้านนอกมี Day Bed ด้านนอก ห้องน้ำและอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ซึ่งสามารถลงแช่ตัวได้ 2 คนสบายๆ พร้อมทั้งมีม่านปิดเพื่อความเป็นส่วนตัว
ห้องพักนี้จะได้วิวสวน ให้ความรู้สึกรมรื่น สงบ
ที่ด้านล่างของตัวอาคารจะเป็นห้องพักแบบ Garden Pool Villa ขนาดห้อง 158 ตารางเมตร
มีสระว่ายน้ำส่วนตัวยาว 9 เมตร ลึก 1.5 เมตร ห้องน้ำอยู่ด้านนอกเช่นกัน แต่ต่างกับแบบแรกคือมีสระว่ายน้ำในตัว ห้องด้านบนมองลงมาไม่เห็นนะครับ เพราะระเบียงหันไปคนละด้านกับสระน้ำของห้องด้านล่าง
ถัดมาเป็นห้องที่ผมพักครั้งนี้ คือห้องพักแบบ SALA Pool Villa ซึ่งเป็น Signature ของที่นี่ เพราะได้รับความนิยมมากที่สุด และมีจำนวนมากที่สุด คือ มีทั้งหมด 34 หลัง ขนาดของห้องอยู่ที่ 157 ตร.ม. มีประตูกั้นให้ความเป็นส่วนตัวสไตล์เหมือนบ้านเดี่ยวในหมู่บ้านยังไงยังงั้นเลย พอเปิดประตูเข้ามา ก็สะดุดตากับสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ขนาด 2.65 x 8.5 เมตร ลึก 1.5 เมตรตลอดสระ เป็นสระน้ำล้นซึ่งมีจะเจ้าหน้าที่คอยดูแลเรื่องความสะอาดอยู่ตลอด ขนาดของสระกว้างพอให้เราเอาห่วงยางน่ารักๆ มาลอยเล่นได้ ^^
พอเข้ามาถึงห้องพัก พนักงานก็จะนำหมอนมาให้เลือกความแข็ง-นุ่มได้ตามขอบถึง 4 แบบ อีกทั้งยังมี Body Lotion และสบู่อีกอย่างละ 4 กลิ่นมาให้เลือก โดยกลิ่นที่เป็น Signature ของที่นี่ คือกลิ่น Lemongrass แต่หากใครอยากจะลองกลิ่นอื่นก็มีให้เลือกทั้ง Kaffir Lime, Cinnamon Orange ฯลฯ
ห้องพักเป็นห้องหน้ากว้างขนานไปกับสระน้ำ ประตูเยอะมากครับ พอเข้ามาภายในห้องพักก็จะพบกับเตียงนอน King Size น่านอนสุดๆ มี Topper ขนเป็ดรองที่นอนไว้ ทำให้นุ่ม นอนสบาย ผ้าห่มก็เป็นขนเป็ดด้วยนะครับ แถมยังมีหมวก กระเป๋าสานที่ทำจากเตยทะเล ผ้าโสร่ง (หรือจะใช้เป็นผ้าคลุมก็ได้) รองเท้าแตะ เสื่อไว้สำหรับนั่งเล่นริมหาด ไว้คอยให้บริการ ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ก็มีมินิบาร์ที่มีชา กาแฟไว้ให้เลือกมากมาย
ตอน Turn Down จะมีน้ำสมุนไพรมาให้ด้วยนะครับ วันแรกที่ผมได้เป็นน้ำมะตูม วันที่ 2 เป็นน้ำใบเตย หอม สดชื่น
อีกทั้งยังมีมุมโต๊ะทำงานแยกเป็นสัดส่วนไว้ให้ เรียบหรูดูดีมากๆ
มาดูที่ไฮไลท์ภายในห้องพัก นั่นคือ ห้องอาบน้ำ ซึ่งอยู่ด้านนอกห้องพัก เป็นแบบ Open Air พร้อมทั้งอ่างอาบน้ำ ให้ความโรแมนติกสุดๆ แรกๆ ก็แอบเกร็งอยู่เหมือนกันว่าห้องข้างๆ จะมาแอบเห็นรึป่าว แต่เจ้าหน้าที่ของโรงแรมบอกว่ากำแพงที่นี่สูงกว่า 3 เมตร และคำนวณมาแล้วว่าแต่ละห้องมองกันไม่เห็นในระดับสายตาแน่นอน อีกทั้งยังมีม่านกั้นไว้ให้ด้วย อ่างอาบน้ำที่นี่มีขนาดใหญ่พอตัว ตีฟอง นอนแช่เล่น ผ่อนคลาย สบายมากๆ แถมมีเกลือขัดตัวไว้ให้อีก
นอกจากห้องน้ำด้านนอกแล้ว ยังมีโซฟาไว้ให้นั่งพักผ่อน แค่เปิดพัดลมเบาๆ เอนหลังแป๊บเดียว หลับไปไม่รู้ตัวเลยครับ ^^
ที่ด้านข้างของสระว่ายน้ำ ยังมีเตียงไว้นอนเล่นพักผ่อนด้วยนะ
ดูในส่วนห้องพักทั้ง 3 แบบไปแล้ว มาชมและชิมอาหารในห้องอาหารของที่ ศาลา ภูเก็ต กันบ้าง SALA Restaurant ห้องอาหารที่อยู่ริมหาด ติดกับสระว่ายน้ำ บรรยากาศดี๊ดี ตอนกลางคืนก็จะมีการแสดงต่างๆ แตกต่างกันไปในแต่ละวัน มื้อแรกที่ผมทานเป็นมื้อเย็นของคืนวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันที่มีการแสดงรำไทย ในช่วงเวลา 19:30-21:00 น. เรียกความสนใจจากชาวต่างชาติได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
อาหารที่ได้ลิ้มลองในมื้อนี้ ได้แก่ กุ้งย่างส้มโอ สไตล์คล้ายเมี่ยงคำ มีกุ้งย่าง และเครื่องเคียงต่างๆ มาให้มากมาย อาทิ ส้มโอ หอมแดง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ พริกขี้หนูสด มะพร้าวคั่ว และใบสาระแน่
Lamp Meat Balls เป็นเมนูพิเศษที่เชฟคิดค้นขึ้นมาใหม่ มาเป็นชิ้นๆ รับประทานง่าย ขอรับประกันเลยว่าเนื้อแกะที่นี่ไม่เหม็นเลยครับ ละมุนมากๆ เป็นเมนูที่ผมชอบเป็นพิเศษ
Duck Confit เมนูนี้ คนที่ไปด้วยชอบมาก หนังเป็ดบางกรอบ เนื้อนุ่มฉ่ำลิ้น แถมขนาดใหญ่ด้วยนะ เรียกว่าชิ้นเดียวอิ่มกันเลย มาพร้อมหอมใหญ่และซอสสูตรพิเศษ เข้ากั้น เข้ากันอย่างลงตัว
ฟินกับอาหารในมื้อเย็นเสร็จ เข้าที่พักเพื่อพักผ่อนแล้วรุ่งเช้ามาต่อที่มื้ออาหารเช้า ซึ่งเป็น International Buffet มีอาหารให้เลือกหลากหลายประเภท ที่นั่งสามารถเลือกนั่งได้ทั้ง Indoor ส่วนใหญ่จะหันหน้าออกมองทะเลกับทิวสน หรือจะรับลมทะเลตรงที่นั่งด้านนอกก็ชิวได้ไม่แพ้กัน
โดยอาหารที่เราสามารถสั่งพิเศษได้คือ โจ๊กไก่/ปลา , Scramble , Egg Benedict , Omelette , Croissant Bread Pudding , Pancake และ Waffle โดยเมนูที่ผมเลือกลิ้มลองคือ Spicy Chiang Mai Sausage Omelette ขอบอกว่าเด็ดมากๆ ครับ เพราะมีทั้งไข่ ผัก เห็ด หัวหอม ไส้อั่ว พร้อมผักสลัด
อีกจานหนึ่งที่เด็ดไม่แพ้กันก็คือ Pulled Pork Egg Benedict ที่มีเนื้อหมูหอมนุ่มวางบน Croissant และโปะด้วย Omelette อีกชั้น อร่อยสุดๆ
สำหรับไลน์บุฟเฟ่ต์ก็มีอาหารให้เลือกทั้งผักสลัด Cold Cuts ชีส ขนมปังต่างๆ แยมที่มีให้เลือกมากมายถึง 10 รสชาติ ข้าวต้มไก่ ขนมเค้กต่างๆ ผลไม้ท้องถิ่น และที่เด็ดสุดๆ เห็นจะเป็นน้ำผักผลไม้สกัด
สำหรับมื้อกลางวันเปลี่ยนมานั่งโซนด้านนอกริมสระ มองทิวสนและรับลมทะเลเพลินๆ
ผมทานเป็นแบบ A la carte โดยเริ่มด้วยข้าวเกรียบพร้อมเครื่องเคียงต่างๆ ตามมาด้วย Salmon Tatar ที่มีแซลมอนนอร์เวย์ เนื้อนุ่มๆ เสิร์ฟพร้อมอโวคาโดหอมมัน และมะเขือเทศ ท็อปด้วย Rocket Salad
ต่อมาคือ Cabonara หอยเชลล์ และ Prawn Quesadillas ที่เป็นเหมือนพิซซ่าพัฟ ตัวแป้งบางกรอบ ด้านในมีเนื้อกุ้งหวานๆ ราดด้วยอโวคาโด และมะเขือเทศหวานฉ่ำ
จานถัดมาเป็นเบอร์เกอร์ลาบหมู รสชาติกำลังดี ไม่เผ็ดมาก พร้อมด้วยเครื่องเคียงหลากหลายและ French Fries ชิ้นโต
ตบท้ายด้วยขนมจีนน้ำยาปลา ที่สามารถเลือกระดับความเผ็ดได้ มีผักเคียงซึ่งเป็นผักพื้นบ้านมาให้เลือกมากมายทั้งเม็ดมะม่วงหิมพานต์ สับปะรด ฯลฯ
สำหรับเครื่องดื่ม ผมเลือก คาปูชิโนสมูทตี้ กาแฟปั่นรสกลมกล่อม และน้ำมะพร้าวอ่อน รสหอมหวาน
ไหนๆก็พูดเรื่องอาหารมา 3 มื้อแล้ว มาต่อกันที่มื้อสุดหวานในคืนพิเศษ สำหรับอาหารมื้อค่ำนี้เป็นแบบ Romantic Dinner จัดบน SALA Rooftop กับบรรยากาศช่วงเย็นหลังพระอาทิตย์ตก บอกได้เลยว่าหลงรักที่นี่ไปเลยครับ
อาหารที่มาเสิร์ฟคือ Signature Seafood Platter ที่เหมือนยกทะเลอันดามันมาเลยทีเดียว สามารถเลือกได้ว่าจะทานที่ Pool Villa ในที่พัก หรือทานที่ Gazebo ริมหาดก็ได้อาหารที่เสิร์ฟมามี 2 ชั้น โดยชั้นบนจะเป็นแบบร้อน ซึ่งมีทั้งกุ้ง Lobster เนื้อหวาน เนื้อปลาย่างเสียบไม้ และขนมปังกระเทียม
ส่วนชั้นล่างจะเป็นแบบเย็น มีทั้งกุ้ง ปูเป็นตัว และเนื้อปูหวานๆ กั้งปรุงสำเร็จ พร้อมซอส นอกจากนี้ยังมีซุป ผักสลัด และ French Fries มาให้ครบ
บรรยากาศยามค่ำคืนที่นี่โรแมนติกจริงๆ ครับ ทั้งอาหารและบรรยากาศทำให้ความฟินเพิ่มเป็นทวีคูณ
เครื่องดื่มมื้อนี้เป็น Lychee and Lemongrass Martini หอมหวาน ไม่แรงจนเกินไป แต่หากอยากดื่มไวน์เพื่อให้เข้ากับอาหารทะเล ทางโรงแรมก็มีให้บริการ
ในตอน 21:00 น. ของคืนวันเสาร์จะมีภาพยนตร์ฉายที่ Beachfront Bar ให้ได้ดูหนังกันเพลินๆ แถมมี Popcorn บริการ
ความฟินของมื้ออาหารและความโรแมนติกยังไม่หมดเท่านี้ เพราะในมื้อเช้าของอีกวันเป็นแบบ In-Villa Champagne
ยกมาเสิร์ฟให้ถึงห้องพักทั้งจัดเต็มทั้งของคาว ของหวาน น้ำผลไม้ ชา กาแฟ และแชมเปญอีกหนึ่งขวด รับประทานกันริมสระส่วนตัว ฟินสุดๆ กันเลยทีเดียว ^^
อีกหนึ่ง Facility ที่ขึ้นชื่อของที่นี่ต้องยกให้กับ SALA Spa ที่ต้อนรับเราด้วย Welcome Drink อย่างชามะนาว หอม หวาน
ผมได้ลองใช้บริการ Foot Massage ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เบา สบาย แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าคนที่เข้าใช้บริการ Spa ที่นี่มีค่อนข้างมาก ดังนั้น ควรโทรจองให้เรียบร้อยก่อนนะครับ
หลังจากนวดเสร็จ ทาง Spa ก็มีชาและกล้วยฉาบแสนอร่อยไว้ให้บริการ
ที่ด้านหน้าของ Spa มี SALA Fitness อุปกรณ์ต่างๆ ก็ทันสมัย หากใครสนใจโยคะก็สามารถติดต่อที่ Fitness ได้ แต่พอดีวันที่ผมไป ฝนตกในช่วงเช้าเลยไม่มีการสอนโยคะที่ริมหาด
นอกจากนี้ ทางโรงแรมยังมีการ จัดซุ้มแต่งงาน (Gazebo) วันที่ผมไปพอดีมีงานแต่งงานของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงได้เห็นความสวยงามของซุ้มที่ทางโรงแรมจัดไว้ งานแต่งงานนี้ดูกะทัดรัด อบอุ่นมากๆ เลย
มาดูในส่วนของสระว่ายน้ำที่ตั้งอยู่ริมหาดไม้ขาว ด้านข้างของห้องอาหาร เป็นสระที่ทอดยาวขนานไปกับทะเล มีทั้งสระผู้ใหญ่และสระสำหรับเด็ก
ร่มชายหาด พร้อมเตียงนอนรับลมทะเล วางเรียงรายกว่า 20 ตัว ไว้คอยรองรับให้แขกที่เข้าพักได้มาพักผ่อนหรือนอนอ่านหนังสือชิวๆริมหาด
ในส่วนของสระผู้ใหญ่จะอยู่มุมด้านข้าง ให้ความเป็นส่วนตัว สระนี้ลึกประมาณ 3 เมตรครับ
และถ้าใครอยากชมบรรยากาศภายในที่พักให้ทั่วหรือจะออกไปเที่ยวบริเวณหาดไม้ขาว ที่นี่มีจักรยานให้ยืมฟรีเพื่อปั่นไปเที่ยวใกล้ๆ ละแวกที่พักอีกด้วยครับ
เห็นแล้วใช่มั้ยครับว่า Facility และอาหารของที่นี่เยอะมากจริงๆ ทำให้ไม่อยากออกไปไหนเลย แต่ก็นับว่าเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่ามากๆ และรู้สึกได้เลยว่าร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ หากมีโอกาสได้มาอีก ผมจะกลับมาใช้บริการที่…“SALA Phuket Resort and Spa” อีกแน่นอน
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^