หากใครเคยฝันถึงบ้านพักหลังเล็กๆ บนเนินเขาที่เป็นส่วนตัว เปิดประตูมาก็เจอทุ่งหญ้าสีเขียวชอุ่ม พร้อมด้วยสระน้ำที่พร้อมให้เรากระโดดลงได้เมื่อนึกอยากเล่นน้ำกับคนรู้ใจ หรือจะนั่งชิงช้ารับลมชิลๆ พร้อมด้วยบรรยากาศยามดอกหญ้าปลิวเป็นฉากหน้าของแนวทิวเขาที่ทอดยาวสุดสายตา…จะบอกว่าสถานที่ที่กล่าวมานั้นมีอยู่จริง เพราะทริปนี้ผมจะมาชวนคุณวาร์ปไปเจอของจริงกับสถานที่ดังกล่าว พาคุณผู้อ่านเข้าไปอยู่ในสถานที่ในฝันแห่งนี้ กับที่พักบรรยากาศดีที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ…“SALA Khao Yai (ศาลา เขาใหญ่)”
SALA Khao Yai ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ทำให้เราสามารถเห็นวิวได้แบบ 360 องศา ให้ความเป็นส่วนตัวด้วยห้องพักที่มีเพียง 7 ห้อง 4 แบบ คือ Pool Villa Suite 2 ห้อง, Pool Villa 2 ห้อง, Deluxe Balcony 2 ห้อง และ Deluxe 1 ห้อง ทำให้บรรยากาศไม่พลุกพล่าน เหมาะแก่การพักผ่อน รับโอโซนเข้าเต็มปอดอย่างแท้ทรู
ขับรถจาก กทม. มาประมาณ 3 ชม. นิดๆ เรื่อยมาทางถนนธนรัชต์ เลี้ยวซ้ายก่อนถึงทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไปทางวังน้ำเขียว ขับตามป้าย SALA Khao Yai มาก็จะเห็นรีสอร์ทตั้งเด่นอยู่บนเขาเล็กๆ ได้ชัดเจน หลังจากจอดรถเสร็จแล้ว ก็ต้องเดินขึ้นบันไดมาพอสมควร แต่เพื่อความสวยงามแล้ว เป็นใครก็สู้ตาย ^^
Lobby ของที่นี่เป็นแบบเปิดโล่ง รับโอโซนธรรมชาติแบบเต็มๆ พอเริ่ม Check in ก็มี Welcome Drinks เป็นน้ำใบเตยเย็นๆ มาให้ดื่มดับกระหาย คลายเหนื่อยพร้อมขนมหวาน ที่ Lobby นี้มี DVD และหนังสือไว้บริการเพื่อให้แขกที่มาพักสามารถยืมไปที่ห้องได้
ถัดจาก Lobby มองออกไปจะเห็น สระว่ายน้ำส่วนกลาง ทอดตัวยาวขนานแนวเขา สระที่นี่เป็นแบบน้ำเกลือผสมคลอรีน ลึก 1.5 เมตร ทุกๆ เช้าจะมีพนักงานคอยทำความสะอาดอยู่ตลอด แค่เห็นก็อยากจะเปลี่ยนชุดว่ายน้ำมาเล่นน้ำพร้อมชมวิวเขาใหญ่ที่เรียงรายอยู่เบื้องหน้าแห่งนี้ ฟินมั้ยล่ะ แต่อย่าเพิ่งเพราะความฟินยังไม่จบเท่านี้
หรือถ้าใครอยากมานั่งชมวิวเพลินๆโดยไม่ลงเล่นน้ำ ที่บริเวณด้านข้างทางเข้า Lobby มีที่นั่งชิลๆ ระวังจะเผลองีบหลับไม่รู้ตัว
เดินอ้อมสระว่ายน้ำมาจะถึงห้องพักของเรา โดยห้องที่เข้าพักครั้งนี้เป็นห้องเบอร์ 5 แบบ Pool Villa Suite บนชั้นดาดฟ้ามีโซฟาสำหรับนั่งเล่นชมวิวภูเขาสวยๆ หรือจะชมพระอาทิตย์ตกจากมุมนี้ก็สุดแสนโรแมนติก ยังไม่พอแค่นี้ ดึกๆ ก็มานอนนับดาวได้ บางคืนที่มืดมากๆ อาจจะได้เห็นทางช้างเผือกอีกด้วย แค่คิดก็เหมือนฝันซะแล้ว
หากไม่ใช่หน้าฝน ทางรีสอร์ทจะมีบริการ BBQ ที่บนดาดฟ้าของห้องด้วย เสียดายว่าช่วงที่เราเป็นช่วงฝนตกพอดี เลยไม่มีบรรยากาศของ BBQ มาฝาก ถ้ายังไงเพื่อนๆ ลองเช็คกับทางรีสอร์ทอีกทีนะครับ อาจจะโชคดีได้ทาน BBQ ร้อนๆ บนดาดฟ้าแบบฟินๆ ก็ได้ แล้วอย่าลืมเอารูปมาอวดกันบ้างนะครับ
บริเวณรีสอร์ทมีดอกหญ้าเยอะมาก เวลาดอกหญ้าพริ้วไหวไปกับสายลมให้บรรยากาศราวกับเรากำลังเดินเล่นอยู่ในความฝันเลย ^^
ด้านหน้าห้องพัก เป็นสนามหญ้ากว้างสีเขียวชอุ่ม พร้อมด้วยสระว่ายน้ำส่วนตัว และศาลาที่มีชิงช้าให้นั่งเล่น นอนเล่นได้อย่างผ่อนคลาย แค่เห็นแบบนี้ก็แทบอยากจะอยู่ที่ห้องทั้งวันโดยไม่ออกไปไหนแล้ว แล้วเพื่อนๆ หละครับ เห็นบรรยากาศแบบนี้แล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้าง
ด้านในของห้องพักมีพื้นที่กว้างขวางมาก ลักษณะห้องเป็นแนวยาว เพื่อให้สามารถเห็นวิวธรรมชาติได้แบบเต็มๆ พอเปิดเข้ามาในห้องก็จะเจอกับมุมนั่งเล่นมากมาย ทั้งโซฟาตัวใหญ่ที่อยู่กลางห้อง โซฟาสำหรับนอนเล่นด้านข้าง และเก้าอี้โยก ไว้นั่งดู TV หรือฟังเพลงเพลินๆ
ด้านขวาของห้องมีเตียงนอนขนาดใหญ่ สามารถปิดม่านโปร่งลงมาได้ ให้บรรยากาศที่โรแมนติกสุดๆ
ฝั่งซ้ายมือของห้องมีม่านโปร่งกั้นไว้ ด้านในมีอ่างแช่น้ำขนาดใหญ่ฝังอยู่ที่พื้น ดูเก๋ทีเดียว ใครชอบแช่ตัว พลาดไม่ได้เลย ลึกเข้าไปด้านในเป็นห้องอาบน้ำแบบ Rain Shower และห้องน้ำที่แยกสัดส่วนไว้ชัดเจน
บรรยากาศยามเย็นของที่นี่บอกได้คำเดียวว่าห้ามพลาด คงไม่ต้องบรรยายมาก ให้ภาพบรรยายแล้วกันนะครับว่าสวยงามขนาดไหน ยิ่งตอนพระอาทิตย์ตก ดูวิวจากห้องเบอร์ 5 นี้ สวยงามที่สุด
อีกหนึ่ง Room Type ที่ผมได้เข้ามาชมคือ Pool Villa ขนาดห้องจะเล็กกว่า แต่ฟังก์ชั่นด้านใน สระว่ายน้ำ ยังมีครบแทบไม่ต่างกัน
มาที่ ห้องอาหาร กันบ้าง ห้องอาหารอยู่ติดกับ Lobby และสระน้ำส่วนกลาง เป็นแนว Open Air ที่นั่งก็มีให้เลือกหลายแบบ ทั้งโต๊ะเล็กสำหรับคู่รัก โต๊ะยาวสำหรับครอบครัว โต๊ะเตี้ยสำหรับนั่งแบบผ่อนคลาย หรือจะเป็นโซฟาด้านนอก เพื่อชมวิวก็เลือกได้ตามชอบ
อาหารเช้าที่นี่จะเป็นแบบ International Buffet ให้บริการเวลา 7:00-10:30 น. มีให้เลือกทานทั้ง Cereal, Salad ขอบอกว่าผักสดมาก ทานแล้วรู้สึกได้ถึงความสดเพราะผักกรอบสุดๆ นอกจากนี้ยังมี Cold Cut ไส้กรอก เบคอน ขนมจีบ ซาลาเปา ยำต่างๆ ข้าวต้มหมู/ไก่ แซนวิช ขนมปังปิ้ง Custard Yoghurt เมนูไข่ต่างๆ ที่สามารถออเดอร์กับพนักงานได้ อาทิ ไข่ดาวพร้อมด้วยเบคอนและมันฝรั่ง, Scramble, Egg Benedict, French Toast ฯลฯ ส่วนเครื่องดื่มมีให้เลือกทั้งน้ำผลไม้ ชา กาแฟ ชอคโกแล็ต แม้เมนูจะมีไม่มาก แต่คุณภาพทั้งนั้น รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน
สำหรับอาหารกลางวันและอาหารเย็น เป็นแบบ A la carte มีให้เลือกทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง
อาหารไทยที่นี่รสชาติจัดจ้านถึงใจ อาทิ สันคอหมูย่างเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว ที่น้ำจิ้มเด็ดดวง ทานแล้วต้องซี้ดซ้าดแน่ๆ
ผัดหมี่โคราช ที่เปรียบเสมือน Signature เพราะมาถึงเขาใหญ่ จะไม่ลองหมี่โคราชก็เหมือนมาไม่ถึง กุ้งตัวเบิ้มแบบเต็มๆ
ส้มตำปูนิ่ม เรื่องส้มตำคงต้องยกให้เจ้าถิ่นเค้าหละ ไม่ผิดหวังแน่นอน ปูนิ่มก็ให้แบบไม่มีกั๊กกันเลย
สำหรับอาหารฝรั่ง ขอแนะนำพิซซ่าแซลม่อน แป้งพิซซ่าบางกรอบ ชีสแน่นๆ เนื้อแซลม่อนเยอะ เป็นจานเด็ดที่แทบทุกโต๊ะต้องสั่ง
ซุปฟักทองที่กลมกล่อม ไม่ข้นหรือเลี่ยน ทานตอนอุ่นๆ ฟินจริงๆ
นอกจากนี้ ยังมีอาหารฟิวชั่นที่เป็น Special Menu อย่างเสต็กไก่กะเพรากรอบ เป็นอกไก่นุ้มนุ่มราดด้วยซอสกะเพรา
สำหรับเครื่องดื่ม ผมเลือก Mocktails อย่าง Virgin Pina Colada ที่มีส่วนผสมของสับปะรดและมะพร้าว และ Virgin Mojito ที่มีมะนาวผสมมิ้นต์ และโซดา ซาบซ่าถึงใจ ราคาเมื่อเทียบกับคุณภาพแล้วถือว่าไม่แพงมาก แถมได้บรรยากาศของเขาใหญ่โดยแท้ทรู แบบนี้แล้วจะพลาดได้อย่างไรกันครับ ^^
SALA Khao Yai นับว่าเป็นอีกหนึ่งรีสอร์ทที่เราสองคนประทับใจมากๆ เสมือนได้หลุดเข้าไปอยู่ในความฝัน ทั้งห้องพักที่สวยงามโรแมนติก ครบทุกองค์ประกอบ ทั้งบรรยากาศของขุนเขาและอากาศที่สดชื่นแบบปลอดมลพิษ ทั้งการบริการที่เป็นมิตรแต่คงไว้ซึ่งความเป็นมืออาชีพของพนักงานที่ได้รับการเทรนมาอย่างดี ถ้าใครได้มาพักหรือมาสัมผัสที่นี่ แน่นอนว่าคงไม่อยากให้ถึงเวลา Check Out เพราะคงอยากหยุดเวลาไว้ที่นี่ตลอดไป…“SALA Khao Yai (ศาลา เขาใหญ่)”
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^