รีสอร์ทในฝัน ผมเชื่อว่าหลายคนในที่นี้มีชื่อรีสอร์ทอยู่ในใจ
สำหรับตัวผมเคยไปพักมาหลายที่ ไปภูเก็ตมาหลายหน
รวมถึงครั้งล่าสุดไปเกาะยาวน้อยแล้วนั่งเรือผ่านรีสอร์ทนึงซึ่งตั้งอยู่บนเกาะ
มีร่มสีฟ้าเป็นจุดเด่น ที่นี่แหล่ะครับคือ…รีสอร์ทในฝันที่ผมอยากมาพักมากที่สุดคงไม่ใช่ความบังเอิญ
ที่ผมเห็นแค่ร่มสีฟ้าแล้วเกิดอาการตกหลุมรักที่นี่
แต่มีนักรีวิวหลายท่านได้ไปพักแล้วกลับมารีวิวให้อ่านกัน
10 ตาเห็นของคนอื่น ไม่เท่า 1 ตาเห็นที่สัมผัสด้วยตัวเอง
ฝันเป็นจริงกับความหรูเหนือระดับ ที่พักสุดหรูท่ามกลางธรรมชาติ…
“The Naka Island , Phuket”
สำหรับตัวผมเคยไปพักมาหลายที่ ไปภูเก็ตมาหลายหน
รวมถึงครั้งล่าสุดไปเกาะยาวน้อยแล้วนั่งเรือผ่านรีสอร์ทนึงซึ่งตั้งอยู่บนเกาะ
มีร่มสีฟ้าเป็นจุดเด่น ที่นี่แหล่ะครับคือ…รีสอร์ทในฝันที่ผมอยากมาพักมากที่สุดคงไม่ใช่ความบังเอิญ
ที่ผมเห็นแค่ร่มสีฟ้าแล้วเกิดอาการตกหลุมรักที่นี่
แต่มีนักรีวิวหลายท่านได้ไปพักแล้วกลับมารีวิวให้อ่านกัน
10 ตาเห็นของคนอื่น ไม่เท่า 1 ตาเห็นที่สัมผัสด้วยตัวเอง
ฝันเป็นจริงกับความหรูเหนือระดับ ที่พักสุดหรูท่ามกลางธรรมชาติ…
“The Naka Island , Phuket”
เริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ ผมใช้บริการสายการบินบางกอกแอร์เวย์
ขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ ไฟลท์เช้าๆแบบนี้แต่กลับไม่ค่อยวุ่นวาย
ใครที่เดินทางไปกับสายการบินบางกอกแอร์เวย์จะมีเล้าจ์รับรอง แต่ถ้าใช้ AIS Serenade อยู่แล้ว
สามารถอัพเกรดเข้าใช้ Blue Ribbon เล้าจ์ ได้เดือนละครั้งครับ
ขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ ไฟลท์เช้าๆแบบนี้แต่กลับไม่ค่อยวุ่นวาย
ใครที่เดินทางไปกับสายการบินบางกอกแอร์เวย์จะมีเล้าจ์รับรอง แต่ถ้าใช้ AIS Serenade อยู่แล้ว
สามารถอัพเกรดเข้าใช้ Blue Ribbon เล้าจ์ ได้เดือนละครั้งครับ
ข้อดีของ Blue Ribbon เล้าจ์ คือ มีเมนูอาหารร้อนให้เลือกหลายเมนู ทั้งเกี๊ยวกุ้ง ข้าวต้ม ปลาผัดคื่นฉ่าย
หรือจะเป็นของขึ้นชื่ออย่างข้าวต้มมัด และขนมจีบร้อนๆ พร้อมเสิร์ฟไม่อั้น
อย่าทานให้อิ่มมาก เพราะบนเครื่องยังมีอาหารอีกชุด บินกับบางกอกแอร์เวย์ อิ่ม ฟิน หลับ
ถึงที่หมายตอนไหนก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆ
ใช้เวลาบิน 1.30 ชม. จากสุวรรณภูมิถึงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต
ทางรีสอร์ทได้เตรียมรถมารับเพื่อที่จะพาไปส่งท่าเทียบเรือ อ่าวปอแกรนด์มารินา มี speed boat จากทางรีสอร์ท
มารอรับพวกผมอีกที
หรือจะเป็นของขึ้นชื่ออย่างข้าวต้มมัด และขนมจีบร้อนๆ พร้อมเสิร์ฟไม่อั้น
อย่าทานให้อิ่มมาก เพราะบนเครื่องยังมีอาหารอีกชุด บินกับบางกอกแอร์เวย์ อิ่ม ฟิน หลับ
ถึงที่หมายตอนไหนก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆ
ใช้เวลาบิน 1.30 ชม. จากสุวรรณภูมิถึงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต
ทางรีสอร์ทได้เตรียมรถมารับเพื่อที่จะพาไปส่งท่าเทียบเรือ อ่าวปอแกรนด์มารินา มี speed boat จากทางรีสอร์ท
มารอรับพวกผมอีกที
จากฝั่งภูเก็ตนั่ง speed boat มาถึงเกาะนาคาที่ตั้งรีสอร์ทสุดหรูแห่งนี้ใช้เวลาแค่ 5 นาทีเท่านั้น ใกล้มากเลยครับ
มีรถบักกี้มารอรับอยู่ตรงท่าเรือของรีสอร์ทแล้วววว ^^
มีรถบักกี้มารอรับอยู่ตรงท่าเรือของรีสอร์ทแล้วววว ^^
การต้อนรับของ The Naka Island จะไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เมื่อแขกผู้มาพักก้าวขึ้นฝั่ง
จะต้องมาตีฆ้อง 3 ครั้ง พร้อมกับอธิษฐาน เชื่อว่าเป็นการขอพรจากพญานาคที่เดิมเคยอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้
ถึงเป็นที่มาของชื่อเกาะนาคา
ด้านหน้าห้องพักแต่ละห้องจะพบกับก้อนหินกลมๆคล้ายตุ๊กตา ถ้าหันด้านที่ลืมตาเป็นสัญลักษณ์บอกว่าอนุญาต
ให้ทำความสะอาดห้องได้ แต่ถ้าเป็นด้านหลับตาจะเป็นสัญลักษณ์บอกว่าห้ามรบกวน
ห้องที่ผมพักเป็นประเภท Seaview Pool Villa ซึ่งมีอยู่ 25 หลัง ลักษณะห้องเป็นปูนเปลือย หลังคายกสูง
วิวจากในห้องมองออกไปเห็นสระน้ำและทะเลอยู่ใกล้แค่เอื้อม (แต่ไม่สามารถให้โดดลงเล่นน้ำทะเลนะครับ)
จะต้องมาตีฆ้อง 3 ครั้ง พร้อมกับอธิษฐาน เชื่อว่าเป็นการขอพรจากพญานาคที่เดิมเคยอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้
ถึงเป็นที่มาของชื่อเกาะนาคา
ด้านหน้าห้องพักแต่ละห้องจะพบกับก้อนหินกลมๆคล้ายตุ๊กตา ถ้าหันด้านที่ลืมตาเป็นสัญลักษณ์บอกว่าอนุญาต
ให้ทำความสะอาดห้องได้ แต่ถ้าเป็นด้านหลับตาจะเป็นสัญลักษณ์บอกว่าห้ามรบกวน
ห้องที่ผมพักเป็นประเภท Seaview Pool Villa ซึ่งมีอยู่ 25 หลัง ลักษณะห้องเป็นปูนเปลือย หลังคายกสูง
วิวจากในห้องมองออกไปเห็นสระน้ำและทะเลอยู่ใกล้แค่เอื้อม (แต่ไม่สามารถให้โดดลงเล่นน้ำทะเลนะครับ)
มีโต๊ะทำงานตั้งอยู่ตรงนี้ คิดว่าจะมีอารมณ์นั่งทำงานหรืออารมณ์นั่งมองวิวข้างนอกมากกว่ากัน ^^
ห้องน้ำจะอยู่ด้านนอกเป็นอาคารรูปตัว L มีทางเดินเชื่อมต่อจากที่พัก ระหว่างทางเดินมีมุ้งลวดกั้นตลอดทาง
เพื่อป้องกันสัตว์และแมลงต่างๆไม่ให้เข้ามา
ห้องน้ำจะอยู่ด้านนอกเป็นอาคารรูปตัว L มีทางเดินเชื่อมต่อจากที่พัก ระหว่างทางเดินมีมุ้งลวดกั้นตลอดทาง
เพื่อป้องกันสัตว์และแมลงต่างๆไม่ให้เข้ามา
แต่ถ้าใครชอบบรรยากาศนอนแช่อ่างน้ำ จะถูกแยกออกไปจากอาคารห้องน้ำ เพื่อความเป็นส่วนตัว
และใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น แถมมองออกไปยังเห็นทะเลอีกด้วย
และใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น แถมมองออกไปยังเห็นทะเลอีกด้วย
บริเวณด้านหน้าห้องพัก มีมุมพักผ่อน นั่งมองฟ้าและทะเลสีคราม นั่งฟังเสียงคลื่น ลมเย็นๆพัดผ่าน
เผลอแปปเดียวอาจงีบหลับได้ไม่รู้ตัว ^^
มาต่อในส่วนของห้องอาหาร The Naka Island มีห้องอาหารอยู่ 1 ห้อง
Tonsai (ต้นไทร) เป็นชื่อห้องอาหารที่ให้บริการทั้งวัน (มื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อเย็น)
แต่ในมื้อเย็นจะมีความพิเศษออกไป จะกล่าวถึงในตอนหลังนะครับ
ห้องอาหารที่นี่ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง สบาย ไม่ติดแอร์ เป็นลมจากธรรมชาติล้วนๆที่พัดเข้ามา
นั่งทานอาหารแล้วยังมีวิวที่เป็นทะเลอยู่เบื้องหน้า ครบทุกอารมณ์จริงๆ ^^
มื้อกลางวันที่ผมสั่งไป เป็นเมนูแนะนำของที่นี่ทั้งนั้น ทั้งอาหารไทย หรืออาหารยุโรป
เชฟสามารถจัดให้ได้หมด ^^
ช่วงบ่ายทางรีสอร์ทมี complimentary เป็นชุด Afternoon Tea ให้ด้วย กลิ่นของชาที่ชงมาหอมมากครับ
และขนมเค้กในชุดมีให้เลือกหลากหลาย มาเสิร์ฟที่วิลล่าที่พัก หรือทานตรงห้องอาหารต้นไทรก็ได้
ดูห้องพัก และทานอาหารเรียบร้อยแล้ว มาดู facility ของรีสอร์ทแห่งนี้กันว่ามีอะไรให้ใช้บ้าง
ที่นี่จะไม่มี Lobby จะมีแต่ Center Room ที่คอยประสานงานและช่วยเหลือตลอดเวลา 24 ชั่วโมง
มี shop ขายของที่ระลึก รวมถึงในส่วนของกิจกรรมทางน้ำจะมีบอกช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลง ^^
อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่มีวิวด้านหน้าเป็นทะเล
ความงดงามไม่ได้มีให้เห็นแค่ในช่วงตอนกลางวัน พอตกกลางคืนบริเวณสระน้ำเปิดไฟสวยงามสว่างไสว
จากที่เกริ่นไปในตอนต้นว่าห้องอาหารต้นไทรมื้อเย็นจะมีความแตกต่างออกไป
แบบแรกโซน My Grill จะอยู่ถัดจากห้องอาหารต้นไทรที่เรานั่งทานเมื่อตอนกลางวัน
เมนูอาหารที่ขายจะเป็นซีฟู้ด ต้องจองที่นั่งล่วงหน้าสำหรับแขกที่เข้าพัก
โดยที่นั่งจะมีทั้งด้านนอกโอบล้อมด้วยสายน้ำหรือจะเป็นที่นั่งด้านใน
แบบที่สอง พิเศษสุดๆส่วนตัวสุดๆโรแมนติกสุดๆ คือ นั่งดินเนอร์ใต้แสงเทียนริมทะเลภายในศาลาริมน้ำ
แบบนี้ต้องจองล่วงหน้าเช่นกันครับ
มื้อเย็นในค่ำคืนนี้เปิดตัวด้วยไวน์แดงและไวน์ขาว
ตามมาด้วยอาหารซีฟู้ดที่ทำแบบฟิวส์ชันทั้งแซลม่อน กุ้งลายเสือ ทูน่า และปิดท้ายด้วยเมนูของหวาน
ราตรีสวัสดิ์ค่ำคืนนี้ ^^
มื้อเช้าเริ่มต้นวันใหม่ ที่ห้องอาหารต้นไทร มีทั้งแบบบุฟเฟต์และแบบ เมนูอาหารร้อน A la cart
ที่เห็นต่างจากที่อื่นคือห้องควบคุมความเย็น ไว้สำหรับควบคุมอุณหภูมิของอาหารเย็นทุกชนิดทั้งผักสด ผลไม้
cold cut โยเกิร์ต รวมไปถึงแชมเปญ ที่แขกผู้มาพักสามารถเข้าไปตักอาหารจากด้านในแล้วมาทานด้านนอก
ปล.เข้าไปในห้องนั้นแล้วออกมาแว่นเป็นฝ้าทุกที ><
ปล2.อาหารเช้าที่นี่มีน้ำมะพร้าวเป็นลูกๆให้บริการด้วย ^^
แชมเปญกับอาหารเช้า ^^
เมนู A la cart มีให้สั่งได้จากเมนูที่วางบนโต๊ะ อย่างเมนูนี้คือ Poached Egg with Smoked Salmon
และยังมีอีกหลายเมนูทั้งอาหารคาวและของหวานอย่าง French Toasted Brioche , American pancakes
ช่างเป็นมื้อเช้าที่สมบูรณ์แบบจริงๆครับ ^^
ที่ The Naka Island แห่งนี้มีกิจกรรมให้แขกที่มาพักได้เข้าร่วมหลายชนิด เมื่อเข้ามาที่ห้องพัก
จะมีตารางกิจกรรมในแต่ละวัน แต่ละช่วงเวลาวางไว้อยู่บนโต๊ะ ใครสนใจกิจกรรมไหน
ลองดูตามสถานที่ของกิจกรรมนั้นๆแล้วไปเข้าร่วมได้ฟรีทุกชนิดเลยครับ ^^
อย่างกิจกรรมแรกที่ผมเลือกคือปั่นจักรยานเสือภูเขาไปหาดทับโป๊ะ
เส้นทางค่อนข้างวิบาก ทางขรุขระ บางช่วงถ้าคนไม่ชำนาญอาจต้องเข็นจักรยานเดิน
ถึงแล้วครับหาดทับโป๊ะ ห่างจากตัวรีสอร์ทประมาณ 3 กม.
ที่นี่จะมีกิจกรรมให้เล่นหลายชนิด มีทั้งแขกที่มาเที่ยว day tour จากทางภูเก็ตและนักท่องเที่ยวบนเกาะ
กิจกรรมทุกอย่างในนี้ไม่ได้เป็นของรีสอร์ทนะครับ ผู้ที่จะเล่นต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
กิจกรรมต่อไปที่เรียกความสนใจจากแขกฝรั่งได้มากคือ Thai Boxing ที่จัดขึ้นที่ Multi Purpose Sala
มีครูมวยสอนเตะ ต่อย ใครสนใจอยากออกกำลังกาย อยากระบาย >< เชิญเลยครับ รับรองว่าเหนื่อยสุดๆ
รวมถึงช่วงบ่ายของแต่ละวันจะมีไอศครีมโฮมเมดให้ได้ลิ้มลองวันละ 2 รส
มีสลับปรับเปลี่ยนบ้าง รสชาติดีเลยทีเดียว
เย็นนี้ผมได้มาทานดินเนอร์แบบชิวๆ มองพระอาทิตย์ตกที่บาร์ของที่นี่ Z bar
สังเกตุได้ว่าทุกห้องอาหารของที่นี่ รวมถึงบาร์ จะเน้นสัมผัสธรรมชาติ ไม่มีแอร์ ไม่ได้กั้นเป็นห้องๆ
ให้ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างแท้จริง
แสงยามเย็นสวยงาม มองจากตรงนี้จะเห็นฝั่งภูเก็ตได้เลย
Enjoy Sunset กับเครื่องดื่ม signature cocktails ทั้ง 3 ตัว
The Last Cocktail (Luxury Collection Signature) , Vada Gimlet (Luxury Collection Thailand) และ
Naka Coco Rum (Naka Island Signature) และเมนู Endless Tapas ที่นำอาหารทะเลมาฟิวส์ชั่น
ก่อนกลับผมได้ขอเข้าไปถ่ายรูปห้องพักที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของ The Naka Island ห้องพักห้องนี้
จะเห็นได้ตามใบโปรโมทหรือประชาสัมพันธ์ต่างๆ Royal Horizon Pool Villa ที่มีเพียง 1 หลังเท่านั้น
ห้องประเภทนี้นอนได้สูงสุด 6 คน มี 3 ห้องนอน
ด้านหน้าเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ แล้วถัดจาสระน้ำไปคือท้องทะเลสีคราม อย่างกับอยู่มัลดีฟแน่ะ ><
ทิ้งท้ายรูปรีสอร์ทด้วยรูปนี้ก่อนกลับ กทม เพียงแค่เข้าไปถ่ายรูปไม่ถึงครึ่ง ชม.
ผมยังรู้สึกว่าห้องนี้สวยงามและจัดได้อย่างลงตัวในหลายๆมุม
3 วัน 2 คืน ที่ผมได้เข้าพักที่นี่ ทำให้ผมรู้สึกพักผ่อนอย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าจะมีกิจกรรมให้ทำหลายอย่าง
จนแทบไม่มีเวลาพักก็ตาม แต่ด้วยความร่มรื่น กลิ่นอายของทะเล สายลมโชย ก็เพียงพอให้ผมได้รับสิ่งที่เติมเต็ม
ที่ขาดหายจากการพักผ่อน และทำให้ได้รู้ถึงความสุขเหนือระดับท่ามกลางหมู่มวลธรรมชาติอย่างแท้จริง กับ
“The Naka Island Phuket” บนเกาะนาคาใหญ่แห่งนี้
เผลอแปปเดียวอาจงีบหลับได้ไม่รู้ตัว ^^
มาต่อในส่วนของห้องอาหาร The Naka Island มีห้องอาหารอยู่ 1 ห้อง
Tonsai (ต้นไทร) เป็นชื่อห้องอาหารที่ให้บริการทั้งวัน (มื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อเย็น)
แต่ในมื้อเย็นจะมีความพิเศษออกไป จะกล่าวถึงในตอนหลังนะครับ
ห้องอาหารที่นี่ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง สบาย ไม่ติดแอร์ เป็นลมจากธรรมชาติล้วนๆที่พัดเข้ามา
นั่งทานอาหารแล้วยังมีวิวที่เป็นทะเลอยู่เบื้องหน้า ครบทุกอารมณ์จริงๆ ^^
มื้อกลางวันที่ผมสั่งไป เป็นเมนูแนะนำของที่นี่ทั้งนั้น ทั้งอาหารไทย หรืออาหารยุโรป
เชฟสามารถจัดให้ได้หมด ^^
ช่วงบ่ายทางรีสอร์ทมี complimentary เป็นชุด Afternoon Tea ให้ด้วย กลิ่นของชาที่ชงมาหอมมากครับ
และขนมเค้กในชุดมีให้เลือกหลากหลาย มาเสิร์ฟที่วิลล่าที่พัก หรือทานตรงห้องอาหารต้นไทรก็ได้
ดูห้องพัก และทานอาหารเรียบร้อยแล้ว มาดู facility ของรีสอร์ทแห่งนี้กันว่ามีอะไรให้ใช้บ้าง
ที่นี่จะไม่มี Lobby จะมีแต่ Center Room ที่คอยประสานงานและช่วยเหลือตลอดเวลา 24 ชั่วโมง
มี shop ขายของที่ระลึก รวมถึงในส่วนของกิจกรรมทางน้ำจะมีบอกช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลง ^^
อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่มีวิวด้านหน้าเป็นทะเล
ความงดงามไม่ได้มีให้เห็นแค่ในช่วงตอนกลางวัน พอตกกลางคืนบริเวณสระน้ำเปิดไฟสวยงามสว่างไสว
จากที่เกริ่นไปในตอนต้นว่าห้องอาหารต้นไทรมื้อเย็นจะมีความแตกต่างออกไป
แบบแรกโซน My Grill จะอยู่ถัดจากห้องอาหารต้นไทรที่เรานั่งทานเมื่อตอนกลางวัน
เมนูอาหารที่ขายจะเป็นซีฟู้ด ต้องจองที่นั่งล่วงหน้าสำหรับแขกที่เข้าพัก
โดยที่นั่งจะมีทั้งด้านนอกโอบล้อมด้วยสายน้ำหรือจะเป็นที่นั่งด้านใน
แบบที่สอง พิเศษสุดๆส่วนตัวสุดๆโรแมนติกสุดๆ คือ นั่งดินเนอร์ใต้แสงเทียนริมทะเลภายในศาลาริมน้ำ
แบบนี้ต้องจองล่วงหน้าเช่นกันครับ
มื้อเย็นในค่ำคืนนี้เปิดตัวด้วยไวน์แดงและไวน์ขาว
ตามมาด้วยอาหารซีฟู้ดที่ทำแบบฟิวส์ชันทั้งแซลม่อน กุ้งลายเสือ ทูน่า และปิดท้ายด้วยเมนูของหวาน
ราตรีสวัสดิ์ค่ำคืนนี้ ^^
มื้อเช้าเริ่มต้นวันใหม่ ที่ห้องอาหารต้นไทร มีทั้งแบบบุฟเฟต์และแบบ เมนูอาหารร้อน A la cart
ที่เห็นต่างจากที่อื่นคือห้องควบคุมความเย็น ไว้สำหรับควบคุมอุณหภูมิของอาหารเย็นทุกชนิดทั้งผักสด ผลไม้
cold cut โยเกิร์ต รวมไปถึงแชมเปญ ที่แขกผู้มาพักสามารถเข้าไปตักอาหารจากด้านในแล้วมาทานด้านนอก
ปล.เข้าไปในห้องนั้นแล้วออกมาแว่นเป็นฝ้าทุกที ><
ปล2.อาหารเช้าที่นี่มีน้ำมะพร้าวเป็นลูกๆให้บริการด้วย ^^
แชมเปญกับอาหารเช้า ^^
เมนู A la cart มีให้สั่งได้จากเมนูที่วางบนโต๊ะ อย่างเมนูนี้คือ Poached Egg with Smoked Salmon
และยังมีอีกหลายเมนูทั้งอาหารคาวและของหวานอย่าง French Toasted Brioche , American pancakes
ช่างเป็นมื้อเช้าที่สมบูรณ์แบบจริงๆครับ ^^
ที่ The Naka Island แห่งนี้มีกิจกรรมให้แขกที่มาพักได้เข้าร่วมหลายชนิด เมื่อเข้ามาที่ห้องพัก
จะมีตารางกิจกรรมในแต่ละวัน แต่ละช่วงเวลาวางไว้อยู่บนโต๊ะ ใครสนใจกิจกรรมไหน
ลองดูตามสถานที่ของกิจกรรมนั้นๆแล้วไปเข้าร่วมได้ฟรีทุกชนิดเลยครับ ^^
อย่างกิจกรรมแรกที่ผมเลือกคือปั่นจักรยานเสือภูเขาไปหาดทับโป๊ะ
เส้นทางค่อนข้างวิบาก ทางขรุขระ บางช่วงถ้าคนไม่ชำนาญอาจต้องเข็นจักรยานเดิน
ถึงแล้วครับหาดทับโป๊ะ ห่างจากตัวรีสอร์ทประมาณ 3 กม.
ที่นี่จะมีกิจกรรมให้เล่นหลายชนิด มีทั้งแขกที่มาเที่ยว day tour จากทางภูเก็ตและนักท่องเที่ยวบนเกาะ
กิจกรรมทุกอย่างในนี้ไม่ได้เป็นของรีสอร์ทนะครับ ผู้ที่จะเล่นต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
กิจกรรมต่อไปที่เรียกความสนใจจากแขกฝรั่งได้มากคือ Thai Boxing ที่จัดขึ้นที่ Multi Purpose Sala
มีครูมวยสอนเตะ ต่อย ใครสนใจอยากออกกำลังกาย อยากระบาย >< เชิญเลยครับ รับรองว่าเหนื่อยสุดๆ
รวมถึงช่วงบ่ายของแต่ละวันจะมีไอศครีมโฮมเมดให้ได้ลิ้มลองวันละ 2 รส
มีสลับปรับเปลี่ยนบ้าง รสชาติดีเลยทีเดียว
เย็นนี้ผมได้มาทานดินเนอร์แบบชิวๆ มองพระอาทิตย์ตกที่บาร์ของที่นี่ Z bar
สังเกตุได้ว่าทุกห้องอาหารของที่นี่ รวมถึงบาร์ จะเน้นสัมผัสธรรมชาติ ไม่มีแอร์ ไม่ได้กั้นเป็นห้องๆ
ให้ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างแท้จริง
แสงยามเย็นสวยงาม มองจากตรงนี้จะเห็นฝั่งภูเก็ตได้เลย
Enjoy Sunset กับเครื่องดื่ม signature cocktails ทั้ง 3 ตัว
The Last Cocktail (Luxury Collection Signature) , Vada Gimlet (Luxury Collection Thailand) และ
Naka Coco Rum (Naka Island Signature) และเมนู Endless Tapas ที่นำอาหารทะเลมาฟิวส์ชั่น
ก่อนกลับผมได้ขอเข้าไปถ่ายรูปห้องพักที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของ The Naka Island ห้องพักห้องนี้
จะเห็นได้ตามใบโปรโมทหรือประชาสัมพันธ์ต่างๆ Royal Horizon Pool Villa ที่มีเพียง 1 หลังเท่านั้น
ห้องประเภทนี้นอนได้สูงสุด 6 คน มี 3 ห้องนอน
ด้านหน้าเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ แล้วถัดจาสระน้ำไปคือท้องทะเลสีคราม อย่างกับอยู่มัลดีฟแน่ะ ><
ทิ้งท้ายรูปรีสอร์ทด้วยรูปนี้ก่อนกลับ กทม เพียงแค่เข้าไปถ่ายรูปไม่ถึงครึ่ง ชม.
ผมยังรู้สึกว่าห้องนี้สวยงามและจัดได้อย่างลงตัวในหลายๆมุม
3 วัน 2 คืน ที่ผมได้เข้าพักที่นี่ ทำให้ผมรู้สึกพักผ่อนอย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าจะมีกิจกรรมให้ทำหลายอย่าง
จนแทบไม่มีเวลาพักก็ตาม แต่ด้วยความร่มรื่น กลิ่นอายของทะเล สายลมโชย ก็เพียงพอให้ผมได้รับสิ่งที่เติมเต็ม
ที่ขาดหายจากการพักผ่อน และทำให้ได้รู้ถึงความสุขเหนือระดับท่ามกลางหมู่มวลธรรมชาติอย่างแท้จริง กับ
“The Naka Island Phuket” บนเกาะนาคาใหญ่แห่งนี้
ข้อดี
– มีความสงบ เป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับการมาพักผ่อน
– พนักงานทักทาย ยิ้มแย้มแจ่มใสมากกกกกกกก การบริการดีเลิศ
ข้อเสีย
– ราคาค่อนข้างสูง
– ด้วยขนาดของรีสอร์ทค่อนข้างกว้าง ถ้าใครได้ที่พักติดริมทะเล จะเดินไกล อาจต้องโทรเรียกรถบักกี้มารับอยู่ตลอด
จนบางครั้งด้วยจำนวนรถบักกี้ที่มีอาจไม่เพียงพอ
– มีความสงบ เป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับการมาพักผ่อน
– พนักงานทักทาย ยิ้มแย้มแจ่มใสมากกกกกกกก การบริการดีเลิศ
ข้อเสีย
– ราคาค่อนข้างสูง
– ด้วยขนาดของรีสอร์ทค่อนข้างกว้าง ถ้าใครได้ที่พักติดริมทะเล จะเดินไกล อาจต้องโทรเรียกรถบักกี้มารับอยู่ตลอด
จนบางครั้งด้วยจำนวนรถบักกี้ที่มีอาจไม่เพียงพอ
ท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ The Naka Island Phuket ที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
ขอบคุณชาวบ้านที่น่ารักบนเกาะนาคา ขี่จักรยานผ่าน ยิ้มให้ตลอดทุกครั้ง ^^
หากใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทางข้อความ ทางโพส ทางคอมเม้นรีวิวนี้
หรือในเพจของผมได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวที่พัก The Naka Island Phuket จนจบ