ช่วงนี้หลายคนคงกำลังหาที่เที่ยวพักผ่อน บรรยากาศดีสักที่ เพื่อผ่อนคลาย สำหรับใครที่ไม่อยากเที่ยวแล้วโดนกักตัว เราขอแนะนำเที่ยวในไทยไปก่อน ซึ่งที่ที่เราจะพาไปนี้อาจไม่คุ้นเคยสำหรับคนไทย แต่ถ้าได้มาแล้วต้องติดใจอย่าง เขาหลัก จังหวัดพังงา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากภูเก็ต ขับรถแค่ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้ว ทำไมถึงควรไปเขาหลัก ?…เขาหลัก อาจไม่ใช่ Destination หลักของคนไทย แต่สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวเยอรมัน คงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าที่นี่คือสวรรค์บนดินแท้ๆ จะมาพักผ่อน ชมพระอาทิตย์ตกริมหาด หรือจะนั่งเรือไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ ก็ไม่ยาก อากาศช่วงนี้ก็ดี ไม่มีฝุ่น PM 2.5 อาหารทะเลสดและอร่อย ส่วนที่พักถ้าใครไม่อยากตกเทรนด์ มาแล้วมีรูปอัพได้ตลอดทั้งปี แนะนำที่นี่เลย…“La Vela เขาหลัก”
La Vela เขาหลัก ตั้งอยู่บนหาดบางเนียงอันสวยงาม และ เงียบสงบ ดีไซน์ของที่พักแปลกตา เพราะได้แรงบันดาลใจมาจากรูปทรงสามเหลี่ยมของเรือใบ (คำว่า ลา เวล่า แปลว่ากลุ่มดาวเรือใบ) แม้จะไม่คุ้นตา แต่ก็ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว
ที่นี่มีทั้งหมด 5 ตึก คือ ตึก A, B, C, D และ E มีห้องพักทั้งหมด 181 ห้อง แบ่งเป็น 8 Room Types คือ Deluxe Room, Deluxe Poolside, Deluxe Oceanside, Deluxe Seaview, Family Room, Pool Access Room, Pool Access Grand และ Pool Access Grand Seaview
สระว่ายน้ำ มีทั้งหมด 5 สระ ใน 4 สระจะเป็นกระเบื้องหินอ่อนสีขาว ตั้งอยู่โซนห้องพัก
ส่วนอีก 1 สระ ตั้งอยู่ใกล้กับห้องอาหารบริเวณชายหาด ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ทำให้มีคนแน่นตลอดเวลา หรือถ้าใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ไปนั่งโล้ชิงช้าหรือเตียงผ้าใบนอนอาบแดดเล่น ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากเช่นกัน
เห็นดีไซน์เก๋ๆ แล้ว มาดูห้องที่เราพักกันดีกว่า เป็นห้องแบบ Pool Access Grand มีทางลงสระส่วนตัว ห้องแบบนี้มีทั้งหมด 6 ห้อง มีพื้นที่ใช้สอยมากถึง 60 ตารางเมตร เตียงนอนเป็นเตียงขนาดใหญ่ทั้งหมด จากเตียงนอนมองไปเห็นสระและวิวทะเลได้แบบชิวๆ (วิวทะเลขึ้นอยู่กับแต่ละห้อง) เรียกว่าลุกจากที่นอนปุ๊บ เปลี่ยนชุด เปิดประตู กระโดดลงสระได้เลย
สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในห้องมีเพียบ ทั้งเตียงนอนนุ่มขนาดใหญ่ ตู้เสื้อผ้าแบบเปิดโล่งขนาดใหญ่ด้านหลังที่นอน โต๊ะทำงาน ตู้เย็น มินิบาร์ ตู้นิรภัย โทรทัศน์ ห้องอาบน้ำที่มีทั้งฝักบัวและ Rain Shower และห้องสุขาที่แยกสัดส่วนกันชัดเจน มีอ่างล้างหน้า 2 อ่าง สามารถใช้งานพร้อมกันได้ โซฟานั่งเล่นตรงปลายเตียง
บริเวณหน้าห้องมี Day Bed และอ่าง JACUZZI ขนาดใหญ่ จะนอนแช่น้ำมองวิวสระหรือจะว่ายน้ำเล่นดูวิวชายหาดก็ทำได้
ห้องพักว่าเลิศแล้ว อาหารของที่นี่ก็เด็ดไม่แพ้กัน เริ่มจากอาหารเช้าที่เสิร์ฟกันที่ห้องอาหาร Spice Restaurant ซึ่งมีเมนูอาหารให้เลือกมากมาย อาทิ คอนเฟร์ก เบเกอรี่ต่างๆ ชีสหลากชนิด Cold Cut สลัดผัก ไส้กรอก เบคอน โรตี ก๋วยเตี๋ยว ข้าวผัด ข้าวต้ม ซุป ข้าวต้มแห้งที่ไม่ต้องขับรถไปถึงภูเก็ตนะจ้า เมนูไข่ต่างๆ ทั้งไข่กวน ไข่ม้วน ไข่ต้ม Egg Benedict ฯลฯ ข้าวเหนียวหมูย่างที่ย่างกันบนเตาถ่านหอมๆ ซูชิ แพนเค้ก เครป วาฟเฟิล ผลไม้สดตามฤดูกาล ชา กาแฟ และน้ำผลไม้หลากชนิด
กองทัพอาหารเช้าที่เหล่าผู้เข้าพักต้องฝ่าฝันไปให้ได้ ^^
ส่วนมื้อกลางวัน เราทานแบบ A LA CARTE ที่ห้องอาหาร Kokulo Beach Bar ซึ่งตั้งอยู่ริมหาด ร้านอาหารนี้ ไม่ได้มีดีแค่วิว เพราะเขาได้รับการแนะนำจากมิชลินไกด์บุ๊กด้วย ที่นั่งมีให้เลือกทั้งแบบ Indoor และ Outdoor
เริ่มที่ Starter อย่าง Caesar Salad ที่เสิร์ฟผักมาเป็นต้นเบิ้มๆ เลย ส่วน Main Course ที่อยากให้มาลองกันก็คือ Kokulo Homemade Pizza ซึ่งเป็น Signature ของที่นี่ เพราะเป็นเมนูที่เชฟคิดสูตรการทำแป้งพิซซ่าสีดำโดยนำหมึกของปลาหมึกมาเป็นวัตถุดิบ หน้าซีฟู้ดรสจัดจ้าน เห็นจานใหญ่ๆ แบบนี้ ทานเพลินจนแป๊บเดียวหมดเกลี้ยงเลย
อีกเมนูที่อยากแนะนำ คือ SEA BASS ที่เสิร์ฟพร้อมพาสต้าดำแผ่นขนาดพอเหมาะ เนื้อปลาสดๆ
ตอนบ่าย ใครอยากดับร้อน ขอให้มาลองไอศกรีมที่ทางโรงแรมยกร้าน Torry’s สุดฮิตของภูเก็ตมาไว้ที่นี่ โดยเมนูที่เป็น Best Seller ของที่นี่ก็คือ ครัวซองต์อบร้อน สอดไส้ไอศกรีม 3 ลูก พร้อมกล้วยหอม ราดด้วยซอส ทานแล้วชื่นใจสุดๆ ส่วนรสชาติของไอศกรีม ไม่ควรพลาดกับไอศกรีมมะพร้าวสีฟ้าขาว ที่ให้ความสดชื่นดับร้อนได้เป็นอย่างดี
ส่วนมื้อเย็น เรารับประทานกันที่ Kokulo Beach Bar เช่นเคย ซึ่งในแต่ละวัน เขาจะเสิร์ฟเมนูที่แตกต่างกัน วันที่เราเข้าพักเป็นวันพุธ จะเป็น Unlimited Japanese A La Carte Buffet โดยจะเสิร์ฟอาหารมาเป็นจานๆ แต่เราสามารถสั่งทานได้ไม่อั้นตลอด 2 ชั่วโมง ในราคาเริ่มต้นเพียงคนละ 590 บาท เท่านั้น (เมนูพรีเมี่ยมราคาคนละ 790 บาท โดยที่เพิ่มมาคือ เนื้อวากิว ซูชิ และซาชิมิบางชนิด)
เมนูมีทั้งเทปันยากิ เกี๊ยวซ่า เทมปุระ ซุปญี่ปุ่น ซูชิ ซาชิมิสดๆ และไอศกรีมหลากรส สำหรับคู่รักที่อยากเพิ่มความโรแมนติก สามารถจองที่นั่งแบบ Gazebo ได้ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สามารถสอบถามกับทางโรงแรมได้โดยตรง)
ระหว่างวัน หากอยากทานเครื่องดื่มหรือขนม สามารถมานั่งชิวได้ที่ Cotton Cafe & Library ที่ให้อารมณ์ห้องสมุด โล่ง โปร่ง สบาย ล้อมรอบด้วยสระว่ายน้ำ จิบเครื่องดื่ม ชมวิวเพลินๆ เมนูก็มีให้เลือกมากมายทั้งชา กาแฟ ชาไข่มุก น้ำหวานอย่างอิตาเลี่ยนโซดา ขนมเค้ก ครัวซองต์ และเบเกอรี่ต่างๆ
นอกจากนี้ ยังมี Petit Captain Kids Club ที่คอยเด็กๆ มาสนุกกัน ซึ่งอยู่บริเวณข้างสระว่ายน้ำ ติดกับ Cotton Cafe & Library
อีกทั้งยังมี Spa Qaqula (สปากากูล่า) ให้ได้ผ่อนคลาย ในบรรยากาศสวยๆ ราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในท้องฟ้าอันไร้ขอบเขต แถมแต่ละวันยังมีโปรแกรมราคาพิเศษที่ไม่เหมือนกันด้วยนะ
นับได้ว่าเป็นโรงแรมที่มีดีไซน์เก๋ ไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังมีมุมถ่ายรูปเยอะมากๆ สามารถเดินเล่นถ่ายรูปเพลินๆ ได้ตลอดทั้งวัน สระว่ายน้ำสวยงาม สามารถเล่นได้ทั้งวัน ห้องอาหารก็มีให้เลือกเพียบ แม้จะอยู่หลายวันก็ไม่เบื่อ เพราะเปลี่ยนเมนูอาหารทุกวันไม่จำเจ
ข่าวดี !!! ใครที่อยากไปสัมผัส La Vela เขาหลัก ตอนนี้ทางโรงแรมใจดี ออกโปร “Summer Calling 2020” ด้วยแพ็คแกจ 3 วัน 2 คืน (สำหรับ 2 ท่าน) ราคาเริ่มต้นเพียง 5,800 บาทเท่านั้น พิเศษคูณ 2 รับส่วนลดเพิ่มอีก 5% เมื่อใช้โค้ด SC20-24 (ราคาเริ่มต้น จาก 5,800 บาท เหลือเพียง 5,510 บาท เท่านั้น) จองเลย -> lavelakhaolak-summercalling ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 มี.ค. 63 เข้าพักได้ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. – 15 พ.ย. 63 (ยาวถึงช่วงไฮซีซั่นฤดูกาลหน้าเลย)
แถมด้วยสิทธิประโยชน์พิเศษ : สามารถเลือกรับเซ็ต RELAX หรือ REFRESH ได้ฟรี
– RELAX – Aroma Massage + Treatment รวม 90 นาที ณ SPA QAQULA ต่อท่าน
– REFRESH – Free Flow ดื่มไม่อั้น 2 ชั่วโมงต่อเนื่อง ที่ Kokulo / Bar ต่อท่าน
ใจดีขนาดนี้ คงไม่มีใครให้เท่าที่นี่แล้ว จองไว้ก่อน แล้วค่อยไปเที่ยวทีหลัง เขาใจดีเปิดให้เข้าพักถึงกลาง พ.ย. เลยนะ ไม่ไปเที่ยวตอนนี้ ก็ไม่รู้จะมีโปรแบบนี้อีกเมื่อไหร่ พลาดไปเสียดายแย่ แล้วอย่าหาว่าเราไม่บอกนะ ^^
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^