หน้าฝนแบบนี้ หลายคนคงอยากไปสัมผัสบรรยากาศการพักผ่อนท่ามกลางต้นไม้เขียวชะอุ่ม ร่มรื่น เพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย แน่นอนว่าเขาใหญ่ คงเป็นสถานที่ที่ตอบโจทย์เราได้เป็นอย่างดี ทริปนี้เราจะพาไปเปิดประสบการณ์การพักผ่อนรูปแบบใหม่กับ Theme Hotel น้องใหม่ ที่ “Hotel Labaris” แม้ชื่ออาจจะไม่คุ้นหูนัก แต่หากได้รู้ที่มาที่ไป และแรงบันดาลใจของการสร้างแล้ว รับรองว่าจะต้องตกหลุมรักในทุกรายละเอียดที่ผู้ออกแบบบรรจงสร้างเขาวงกตแห่งนี้ขึ้นมาแน่นอน
คำว่า “LABARIS” เป็นคำภาษากรีก มาจากคำว่า Labyrinth ที่แปลว่า “เขาวงกต” ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาถึง เราจะได้พบกับตัวโรงแรมซึ่งเป็นอาคารหินอ่อน ยอดแหลมรูปทรงแปลกตา ซ่อนตัวอยู่ในส่วนป่าทุ่งดอกไม้ เล่นกับสเปซและพื้นต่างระดับ ทำให้เกิดมุมมองที่แปลกตา ประกอบกับรายละเอียดต่างๆ ที่นำมาตกแต่งตามแต่ละมุมของโรงแรม ทำให้เกิดความรู้สึกน่าค้นหา
คอนเซ็ปต์ของโรงแรมเกิดมาจาก 3 Elements ได้แก่ Curiosity ความน่าสงสัย ทำให้เมื่อเราก้าวเข้ามาในโรงแรมแล้วรู้สึกว่ามีหลายสิ่งที่น่าค้นหา / Surprise ที่นักเดินทางทุกคนที่เข้ามาต้องประหลาดใจกับความงดงามและความอลังการของที่พำนักแห่งนี้ ตั้งแต่โครงสร้างของอาคาร และการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร / Romance บรรยากาศที่แสนจะโรแมนติกในดินแดนต้องมนต์
ตัวโรงแรมแบ่งเป็นทั้งหมด 5 Chapters ไล่จากด้านหน้าไปจนถึงด้านหลังของโรงแรม ในพื้นที่ทั้งหมด 15 ไร่ ท่ามกลางต้นไม้กว่า 500,000 ต้น ซึ่งมี “มิโนทอร์” เป็นผู้พิทักษ์ดินแดนเห่งนี้
Chapter 1 : Welcome Zone (เนินดินที่พำนักของเหล่าสัตว์วิเศษตัวน้อย)
โซนด้านหน้าของ Hotel Labaris ที่มี Elis และ Elk ซึ่งเป็นสัตว์ที่เกิดจากการผสมระหว่างเก้งและเลียงผา คอยต้อนรับนักเดินทางทุกท่านที่มาเยือนที่พำนักแห่งนี้ บริเวณนี้มีร้านคาเฟ่ชื่อ Rabbit Café ที่เปรียบเสมือนโพรงของเจ้ากระต่ายน้อย น่ารัก คอยต้อนรับนักเดินทางทุกท่านที่เข้ามาโซนนี้
ด้านในมีขนมและเครื่องดื่มแสนอร่อย อย่างที่เราจะมาแนะนำทั้ง Rabbit Coffee กาแฟที่ปรุงจากวัตถุดิบชั้นดี ตามความตั้งใจของเจ้าของโรงแรมที่ต้องการให้ผู้มาพักได้ดื่มด่ำกับวัตุดิบชั้นดีเช่นเดียวกับที่เขาดื่ม กาแฟหอม มัน ช่วยเติมความสดชื่นให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี / Sakura Matcha Float ชาเขียวคุณภาพดีที่ปลูกที่เขาใหญ่ มิกซ์กับความหอมของซากุระ ท็อปด้วยไอศกรีมชาเขียวรสเข้มข้น /Jacklapin ม็อคเทลที่ปรุงจากแครอทและเสาวรสที่ปลูกในท้องถิ่น จึงไม่ต้องห่วงเรื่องความสด และรสชาติหอมหวานตามธรรมชาติ / Iced Matoom Milk Tea เมนูแสนเก๋ที่นำเอาชาไทยหอมมัน มารวมกับความหอมของมะตูม
เครื่องดื่มแล้วมาต่อที่ขนมหวานอย่าง Labaris Waffle with Ice-Cream วาฟเฟิลร้อนๆ ทานคู่กับกล้วยหอมที่เบิร์นมาจนด้านนอกหอม กรอบ และวิปครีมแสนอร่อย / Honey Toast with Ice-Cream and Banana Caramelized ของหวานที่เป็นที่โปรดปรานของใครหลายๆ คน ถ้าได้มาทานที่นี่ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่ๆ
นอกจากขนมและเครื่องดื่มที่แสนอร่อยแล้ว ในคาเฟ่ยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ มากมาย อีกทั้งหากอยากสัมผัสธรรมชาติ สามารถนำมาทานที่สวนด้านหน้าได้อีกด้วย
อีกด้านของร้านคาเฟ่ เป็นสวนดอกไม้ที่มีดอกไม้มากมายหลายพันธุ์ ตามทางคดเคี้ยวเหมือนเขาวงกต เหมาะสำหรับทั้งผู้ใหญ่และเด็กเล็ก เพราะทาง Hotel Labaris เขาใส่ใจในรายละเอียดทำพื้นเป็นพื้นยาง แม้เด็กวิ่งเล่นแล้วล้มก็ไม่เจ็บ
Chapter 2 : The Heart of Labaris (พบผู้นำทางสู่ปราสาทหลังงาม)
ถัดจากโซนด้านหน้าเข้ามาจะเป็นโซนของ Lobby และ Castle บริเวณ Lobby มีความโอ่อ่า กว้างขวาง มีห้องสมุดเล็กๆ ที่เหมาะสำหรับการนั่งพักผ่อน
ห้องพักของที่นี่ เป็นรูปแบบ Castle ซึ่งมีทั้ง Midnight Castle และ Starry Castle รูปทรงของแต่ละห้องก็จะแตกต่างกัน ซึ่งมีทั้งห้องพักแบบ Deluxe Room, Grand Deluxe Room และ Duplex Room จำนวนรวม 60 ห้อง ซึ่งภายในของทุกห้องจะมีรูปแบบที่ไม่ซ้ำกันเลย มีประตูทางเข้าทั้งหมด 48 ประตู เลขห้องก็จะไม่ได้เรียงกันเหมือนโรงแรมทั่วไป ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเขาวงกตที่น่าค้นหา ถ้าสังเกตให้ดี Font ของเลขห้องจะไม่ใช่ Font ปกติที่เราเห็นทั่วไป เพราะเป็นตัวเลขที่ทางโรงแรมออกแบบเองตามโครงสร้างของแต่ละห้อง ผู้ที่พักโซนนี้จะได้ดื่มด่ำกับความงามของวิวสวนและสีสันของดอกไม้นานาพันธุ์ ที่ช่วยเติมความสดชื่นได้เป็นอย่างดี
Chapter 3 : Explore The Secret Room (ไปสู่สวนอันไร้ขอบเขต)
เป็นโซนของห้องพักแบบ Pool Villa ซึ่งมีทั้งหมด 10 วิลล่า (มีทั้งแบบ 1 และ 2 ห้องนอน) หน้าทางเข้าตกแต่งด้วยกระจกล้อมรอบ ให้ความรู้สึกพิศวง
ห้องที่เราพักครั้งนี้เป็นห้อง Pool Villa แบบ 1 ห้องนอน พื้นที่มากถึง 130 ตารางเมตร ให้ความเป็นส่วนตัว เตียงนอนใหญ่ นุ่ม พร้อมด้วยสมาร์ททีวีขนาดใหญ่ ตู้เย็น โซฟาและโต๊ะทำงาน
มินิบาร์ในห้องอลังการมาก พิเศษตรงที่ ทานได้ฟรีทั้งหมด ทั้งขนมและเครื่องดื่ม และยังเติมทุกวันที่เข้าพักอีกด้วย
ห้องน้ำมีอ่างล้างหน้า 2 อ่างให้สามารถใช้งานพร้อมกัน ห้องสุขาและห้องอาบน้ำแยกกันคนละฝั่ง พื้นที่ในห้องอาบน้ำกว้างมากๆ ตรงกลางมีอ่างแช่ตัวขนาดใหญ่
ที่ด้านนอกห้องมีสระน้ำเกลือส่วนตัว พร้อมเก้าอี้ให้ได้พักผ่อนแบบชิวๆ เหมาะสำหรับคู่รัก และครอบครัวที่ต้องการมาพักผ่อนสบายๆ หรือปาร์ตี้ในยามค่ำคืน
Chapter 4 : Tracking The Beauty of Romance (อิ่มอร่อยกับความสุขที่แสนดื่มด่ำ)
เป็นโซนของ Labaris Restaurant ที่เสิร์ฟทั้งอาหารเช้า อาหารกลางวัน และอาหารเย็น ภายในตกแต่งได้เรียบหรูสวยงาม โปร่งสบายด้วยผนังกระจกสูง
สำหรับอาหารเช้าจะเป็นสไตล์ International Buffet ที่มีอาหารให้เลือกมากมายทั้งสลัดผักสดๆ ที่มาจากฟาร์มในบริเวณเขาใหญ่
อาหารไทยจานร้อน เมนูไข่ต่างๆ ข้าวต้ม ซุป ขนมปัง แพนเค้ก วาฟเฟิล และเบเกอรี่ต่างๆ ชีสหลากหลายประเภท คอนเฟร์ก ผลไม้ตามฤดูกาล ส่วนเครื่องดื่มมีให้เลือกทั้งน้ำผลไม้ และชา กาแฟ ที่ชงแบบแก้วต่อแก้ว
ส่วนอาหารกลางวันและอาหารเย็นจะเป็นแนว Thai Cuisine & Grill Bar ให้ความรู้สึก Easy & Relax แต่รสชาติของอาหารบอกได้เลยว่าเข้มข้น กลมกล่อม สำหรับอาหารอาหารกลางวัน เราได้ลองทานเป็นสไตล์ไทยๆ โดยเมนูที่อยากแนะนำ คือ หมูสามชั้นทอดน้ำปลา เนื้อหมูที่ทอดได้ที่โรยด้วยงา ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่ว อร่อย ทานเพลิน / ยำปลาแซลมอนวาซาบิ เนื้อปลาแซลมอนสดๆ หั่นเต๋า พร้อมเครื่องยำและซอสวาซาบิสุดจี๊ด รสชาติจัดจ้านถึงใจ / แกงรัญจวน รสชาติกลมกล่อม พร้อมซีฟู้ดสดๆ ชิ้นใหญ่ๆ / กุ้งทอดพริกเกลือ กุ้งทอดตัวเบิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ / แกงมัสมั่นขาแกะ ที่มาเป็นขาแกะชิ้นเป้ง ไร้กลิ่น ปรุงจนเนื้อนุ่มละลายในปาก หอมเครื่องเทศสูตรเฉพาะ ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ฟินอย่าบอกใคร
ส่วนเครื่องดื่มขอแนะนำ Peach Earl Grey ที่ส่งกลิ่นหอมตั้งแต่ตอนเสิร์ฟ และ Lychee Ricci ที่หอมหวาน ล้างปากได้เป็นอย่างดี อาหารที่นี่มั่นใจได้ในเรื่องของความสด สะอาด เพราะใช้วัตถุดิบที่ขึ้นชื่อในท้องถิ่นมาเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหาร ทั้งชาเขียว เสาวรส อโวคาโด ไข่ไก่สดๆ ผักออแกร์นิค ฯลฯ
สำหรับอาหารเย็นเราทานเป็นอาหารยุโรป โดยเมนูแนะนำได้แก่ สลัดเนื้อปู อโวคาโดและเสาวรส เนื้อปูแน่นๆ กับอโวคาโดสดๆ และเสาวรสเนื้อหวาน ท็อปด้วยไข่ปลา นับเป็นออเดิร์ฟที่เรียกน้ำย่อยได้ดี / ตับห่านทอดเสิร์ฟกับแอปเปิ้ลและซอสมิกซ์เบอร์รี่ Foie Gras เนื้อนุ่ม ละลายในปาก ตัดกับรสหวานของแอปเปิ้ลและเบอร์รี่ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี / เฟตตูชินี่ผักโขมกุ้งเพสโต้ กุ้งเนื้อแน่นๆ กับเฟตตูชินี่ที่ปรุงรสมาอย่างดี นับเป็นอาหารจานหลักที่ลืมไม่ลงเลยทีเดียว / สเต๊กเนื้อแกะเสิร์ฟพร้อมพิตาชิโอ้บัตเตอร์ ฟักทองบด และคูสคูส เนื้อแกะที่ Grill มาอย่างดี เนื้อยังคงมีความฉ่ำ แต่ไม่มีกลิ่นให้กวนใจ ทานกับเครื่องเคียงแสนเก๋ ทั้งฟักทองบดหวานๆ และข้าวสาลีเม็ดเล็กๆ สไตล์โมรอคโค ขอยกให้เป็นเมนูที่ไม่ควรพลาด / สเต็กปลาแซลมอนเทอริยากิ เนื้อปลาแซลมอนสดๆ ย่างจนได้ที่ ทานกับซอสเทริยากิกลมกล่อม ยากที่จะลืมเลือนจริงๆ
เครื่องดื่มของเราในค่ำคืนนี้คือ Falling Star ที่สวยงาม ซาบซ่า แต่แฝงไว้ด้วยความหวานของลิ้นจี่
ที่ด้านหน้าของห้องอาหารยังมีรูปปั้นของ Cattle Queen ซึ่งเป็นพญาอินทรีย์ผสมกวาง บนเขามีดอกไม้สีแดงสื่อถึงความโรแมนติก นับเป็นจุดเดียวของทั้งโรงแรมที่ใช้สีแดงในการตกแต่ง ฝั่งตรงข้ามของห้องอาหารเป็น Labaris Town Hall ห้องบอลรูมขนาดใหญ่ที่จุคนได้ถึง 120 คน สามารถใช้เป็นห้องประชุมหรือจัดกิจกรรมต่างๆ ได้
Chapter 5 : The Meander Wonderer (ธารน้ำสวย)
บริเวณสระว่ายน้ำที่เป็นสระน้ำเกลือ สำหรับสระผู้ใหญ่ ความลึกอยู่ที่ 1.20 เมตร สระว่ายน้ำคดเคี้ยวไม่มีที่สิ้นสุด (Creek) และมีกระแสน้ำไหลเวียนตลอด สามารถเกาะห่วงยางลอยคอไปตามทางได้เรื่อยๆ มีสะพานข้ามไว้เป็นมุมถ่ายรูปเก๋ๆ
และสระเด็กที่มีสไลเดอร์เล็กให้น้องๆได้เพลิดเพลินกับสวนสวยแห่งนี้
โรงแรมแห่งนี้นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการมาพักผ่อนที่เขาใหญ่ ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ไม่เหมือนใคร ประกอบกับโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ และความใส่ใจในทุกรายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งสวนด้วยสัตว์ในเทพนิยายทั้ง 5 ชนิด ที่เกิดจากการผสมของสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในเขาใหญ่ การร้อยเรื่องราวให้เข้ากับสถานที่ ความใส่ใจในเรื่องของการบริการ ฯลฯ ทำให้สถานที่แห่งนี้ เป็นที่พักที่น่ามาลองค้นหา ถ้าผ่านมาแถวเขาใหญ่ อย่าลืมนึกถึงและแวะมาทักทายคุณมิโนทอร์กันที่…“Hotel Labaris” กันนะครับ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงแรม www.hotellabaris.com
และช่วงนี้ Hotel Labaris Khao Yai ออกโปรรับงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 52 ที่ ไบเทค บางนา บูธ A41- B41 ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. – 1 ก.ย. 2562 ราคาเริ่มต้น 3,500 บาท เปิดจองออนไลน์โปรเดียวกับ “งานไทยเที่ยวไทย” ได้ที่ -> Promotion งานไทยเที่ยวไทย พบกับโปรห้องพักและบัตรกำนัลรับประทานอาหารสุดคุ้ม!!! ห้องดีลักซ์ (Deluxe) ราคาเริ่มต้นที่ 3,500 บาท / พูลวิลล่า 1 ห้องนอน (Pool Villa) ราคาเริ่มต้นที่ 9,900 บาท
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^