ที่ผ่านมาเวลาเราไปพักผ่อนที่พัทยา เรามักจะเลือกที่พักแบบติดหาดเป็นส่วนใหญ่ มาคราวนี้เลยขอเปลี่ยนบรรยากาศสักเล็กน้อย เพื่อเอ็นจอยสีสันในเมืองยามค่ำคืน กับโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ที่ตั้งอยู่บนศูนย์การค้า Central Festival Pattaya Beach บนถนนเลียบชายหาดพัทยา หากขาดเหลืออะไรก็สามารถเดินลงมาหาซื้อของได้อย่างสะดวกสบาย หรือจะเดินลงมาชอปปิ้งยามว่างก็ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางอีกด้วย พบกับสวรรค์ที่จับต้องได้…“สวรรค์ลอยฟ้า กลางเมืองที่ไม่เคยหลับใหล Hilton Pattaya (ฮิลตัน พัทยา)”
ลูกค้าของโรงแรม สามารถจอดรถได้ที่ชั้น 2 ของห้างฯ และเดินมาขึ้นลิฟต์ไปยัง Lobby ของโรงแรม ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 16 ได้ (สำหรับผู้ที่พักห้อง Executive สามารถ Check In/Out ที่ Executive Lounge ชั้น 33 ซึ่งจะมีของว่างและเครื่องดื่มไว้ให้บริการด้วย)
ด้วยความสูงถึง 34 ชั้น ทำให้เราสามารถเห็นวิวทะเล Panorama ได้แบบเต็มๆ ทั้งวิวทะเลตอนกลางวันและสีสันของเมืองในยามค่ำคืน
เมื่อก้าวเข้ามาที่ Lobby ของโรงแรม จะรู้สึกราวกับยืนอยู่บริเวณชายหาดริมทะเล ด้วยสีกระเบื้องและพื้นห้องที่เปรียบเสมือนผืนทราย ริ้วบนเพดานที่เป็นคลื่นพริ้วไหว และเก้าอี้ที่เป็นเสมือนโขดหินริมชายหาด
การวางโครงสร้างห้องพักเป็นแบบก้างปลา ทำให้ทุกห้องสามารถเห็นวิวทะเลได้จากระเบียงส่วนตัว
ห้องพักที่นี่มีมากถึง 303 ห้อง บนชั้น 19-33 มี 7 ประเภท ทั้ง Hilton Deluxe Sea View (ขนาด 46 ตารางเมตร), Hilton Executive Sea View (ขนาด 46 ตารางเมตร), Ocean Sea View (ขนาด 78 ตารางเมตร), Hilton Executive Plus Sea View (ขนาด 65 ตารางเมตร), Deluxe Ocean Suite (ขนาด 78 ตารางเมตร), Grand Ocean Suite (ขนาด 125 ตารางเมตร) และ Family Apartment แบบ 2 ห้องนอน (ขนาด 138 ตารางเมตร) อีกทั้งยังมีห้องประชุมเอนกประสงค์อีกถึง 5 ห้อง เรียกว่าตอบโจทย์สำหรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจได้อย่างแท้ทรู
มาดูห้องพักกันบ้าง ห้องที่เราพักครั้งนี้เป็นห้องแบบ Hilton Deluxe Sea View มองเห็นวิวทะเลและชายหาดพัทยาเหนือได้จากระเบียงห้อง ภายในตกแต่งสไตล์เรียบหรู ดูโปร่ง สบายตา ตรงกลางห้องมีเตียงนอนหนานุ่มขนาด King Size ที่หันสู่ทะเล ทำให้ได้บรรยากาศของการพักผ่อนขั้นสุด บริเวณริมกระจกมีโซฟาขนาดใหญ่ให้สามารถนั่งเล่นพร้อมชมวิวทะเลแบบเต็มๆ อีกทั้งยังมีโต๊ะทำงานและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ห้องน้ำขนาดใหญ่ มีอ่างล่างหน้า ห้องสุขาและห้องอาบน้ำแยกสัดส่วนชัดเจน บริเวณอาบน้ำมีทั้งฝักบัว และ Rain Shower
ระหว่างห้องน้ำและห้องนอนกั้นด้วยกระจก สามารถนอนแช่อ่างพร้อมชมวิวทะเลได้แบบฟินๆ หรือจะปิดม่านเพื่อความเป็นส่วนตัวก็ได้
มาที่สระว่ายน้ำของโรงแรมกันบ้าง หากใครคิดว่าโรงแรมที่อยู่บนห้าง สระว่ายน้ำจะเล็ก ขอให้ลองมาดูที่นี่ เพราะเป็นสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool ที่อยู่บริเวณด้านข้างของLobby
ตัวสระน้ำตั้งอยู่ท่ามกลางสวน ตกแต่งสไตล์ชายหาด ให้ความรู้สึกราวกับอยู่บนชายหาดจริงๆ พร้อมมีมุม Jacuzzi ไว้ให้บริการ
สระนี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลที่สวยที่สุด ด้านข้างสระมี Shore Pool Bar คอยให้บริการค็อกเทลและน้ำผลไม้ พร้อมของว่างหลากหลาย โซนสระน้ำนี้จะเข้าได้เฉพาะลูกค้าของโรงแรมเท่านั้น เพราะต้องใช้ Key Cardในการผ่านประตู
นอกจากสระว่ายน้ำแล้ว ยังมี Fitness Center และ Spa ไว้ให้บริการอีกด้วย สำหรับ Fitness by Hilton นั้นอยู่ที่ชั้น 16 นับได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักสุขภาพโดยแท้ เพราะครบครันด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ทันสมัย ส่วน eforea spa ตั้งอยู่ที่ชั้น 17 จุดเด่นคือเป็นสปาที่ผสมผสานทั้งความเป็นธรรมชาติแบบ Organic และความล้ำหน้าทางวิทยาศาสตร์เข้าไว้ด้วยกัน
ห้องอาหารของที่นี่มีหลากหลายแนว มีให้เลือกทั้ง
– Drift (ชั้น 16) เป็น Lobby Lounge & Bar อยู่ถัดจากบริเวณ Lobby เข้าไป ให้บริการระหว่างเวลา 9:00-23:00 น. เหมาะอย่างยิ่งสำหรับแขกที่รอ Check In คอนเซปต์การตกแต่งคือเป็นริ้วทราย โซฟาด้านนอกเปรียบเสมือนเกาะน้อยใหญ่ในทะเล ที่นั่งมีทั้งโซน Indoor และ Outdoor จะจิบชาชมวิวพระอาทิตย์ตกก็สุดแสนจะประทับใจ
จุดเด่นของห้องอาหารนี้คือ วิว Panorama สวยๆ ที่เหมาะสำหรับขาโซเชียล แชะแล้วอัพรูปเก๋ๆ
และ Afternoon Tea ซึ่งมีให้บริการระหว่างเวลา 13:00-18:00 น. มีเบเกอรี่เป็นแบบ Homemade ที่ไม่อยากให้พลาดคือ Cheesecake เนื้อนุ่มละมุนลิ้น เบเกอรี่อื่นๆ ก็มีมากมาย หลายเมนูให้เลือก เครื่องดื่มมีให้เลือกทั้งชา กาแฟ โกโก้ ฯลฯ ห้องอาหาร Drift ถ้าไม่ใช่แขกที่เข้าพักก็สามารถมาลิ้มลองอาหารหรือ Afternoon Tea ได้นะครับ วิวหลักล้านซะด้วยคุ้มแน่นอน ^^
– Flare (ชั้น 15) เป็นห้องอาหารไทย สำหรับมื้อ Dinner คอนเซปต์ในการตกแต่งคือการดำน้ำลึก ให้บรรยากาศสุดคลาสสิก ให้บริการเวลา 18:00-22:30 น. ห้องอาหารนี้ผมไม่ได้ลองลิ้มรสครับ
– Edge (ชั้น 14) ให้บริการเวลา 6:00-22:30 น. นับเป็นห้องอาหารหลักของที่นี่ เพราะให้บริการแบบ All Day Dining ตกแต่งในคอนเซปต์ของการดำน้ำตื้น ที่นั่งก็มีให้เลือกมากมาย หลายมุม ทั้งด้านในและด้านนอก
Breakfast เป็นแบบ International Buffet มีอาหารให้เลือกมากมายทั้ง Cold Cut, สลัด, มุมอาหารญี่ปุ่นและเกาหลี อาทิ ข้าวปั้นหน้าต่างๆ กิมจิ หัวปลาแซลมอนตุ๋น ซุปมิโซะ, ขนมปัง, มุมอาหารอินเดีย, ก๋วยเตี๋ยว, อาหารไทย, ติ่มซำ, เมนูไข่ต่างๆ, น้ำผลไม้, แพนเค้ก, วาฟเฟิล, โทสต์, ผลไม้ตามฤดูกาล, ไอศกรีม ฯลฯ
– Horizon (ชั้น 34) ห้องอาหารที่อยู่บนดาดฟ้า ซึ่งจะเปิดให้บริการในช่วงเวลา 17:00-01:00 น. เหมาะสำหรับการจิบเครื่องดื่มสุดโปรด เคล้าเสียงเพลงสุดโรแมนติก พร้อมชมวิวพระอาทิตย์ตกที่บริเวณ Outdoor (ขอแนะนำให้สำรองโต๊ะล่วงหน้า) หรือจะสังสรรค์แบบส่วนตัวที่ห้องอาหาร Indoor ด้านในก็ได้
ที่นี่ไม่ได้ให้บริการเฉพาะเครื่องดื่มเท่านั้น แต่ยังมีบริการอาหาร Modern Cuisine (Fusion) เกรด Premium รสชาติเลิศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Miso Glazed Snowfish – ปลาหิมะหมักซอสมิโซะ ด้วยเนื้อปลาหิมะที่เคลือบซอสมิโซะ แล้วนำไปอบ ทำให้ได้เนื้อปลาที่ละมุนราวกับละลายบนลิ้น เสิร์ฟพร้อมสลัดแอปเปิ้ล มันม่วง องุ่น และซอสโนริ
ส่วนเมนูอื่นๆ ที่อยากแนะนำ คือ Seared Tuna Salad – สลัดทูน่าย่าง ที่มาพร้อมซอสพอนสึ และเครื่องเคียงอย่างถั่วแระญี่ปุ่น พร้อมด้วยมะม่วงและส้มเพื่อเพิ่มความสดชื่น / King Crab Tagliatelle – พาสต้าทาญเลียเตลกับปูอลาสก้าชิ้นโตๆ มาพร้อมซุปลอปสเตอร์รสกลมกล่อม / Kurobuta Pork – หมูดำคุโรบุตะที่เสิร์ฟพร้อมข้าวโพดหวาน และผักดอง
ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานอย่าง Sweet Caviar พานาคอตต้า และเมอแรงค์ ราดด้วยซอสสตรอว์เบอร์รี พร้อมด้วยสตรอว์เบอร์รีสด และคาเวียร์บัลซามิก (ผงวุ้นรูปทรงคล้ายไข่ปลาคาเวียร์)
สำหรับเครื่องดื่มอยากขอแนะนำให้ลอง Signature อย่าง Horizon 8 Shot Tower ที่สามารถเลือกเครื่องดื่มได้ 2 รสชาติ อาทิ Berry Fizz และ Blue Mojito
หรือจะเป็น Mocktail อย่าง Pattaya Fruit Salad และ Kiwi Apple Twist ที่ไม่ใช่แค่สีสันและการตกแต่งที่สวยงามเท่านั้น แต่รสชาติก็เลิศไม่แพ้ใคร จิบเครื่องดื่ม ทานอาหาร พร้อมชมวิวพัทยามุมสูง นี่แหล่ะสวรรค์ที่แท้จริง ^^
มีอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่อยากให้พลาด นั่นคือ Sunday Brunch ที่ห้องอาหาร Edge ทุกวันอาทิตย์ เวลา 12:00-15:00 น. (จริงแล้วธีมอาหารจะเปลี่ยนไปในแต่ละวัน 7 วัน 7 แบบ แต่รีวิวนี้จะเป็นของธีมวันอาทิตย์ครับ)
Sunday Brunch ที่นี่คุ้มค่ามากๆ เพราะมีอาหารคุณภาพ หลากหลายเมนูให้เลือกรับประทานในราคาที่เอื้อมถึงโดยมีเมนูไฮไลท์อย่าง Foie Gras, Seared Hokkaido Scallops, Tiger Prawns Linguini Pasta, Mushroom Ravioli
นอกจากนี้ยังมี Cold Cut ต่างๆ Cheese หลากชนิด อาหารไทย ทั้งยำ ลาบ ฯลฯ มีข้าวซอยเนื้อ/ไก่ ส้มตำ ขนมจีนแกงเขียวหวาน ก๋วยเตี๋ยว ซูชิ ซาซิมิ และสลัดผักสด
มีเมนูที่ย่างกันสดๆ ยกมาทั้งทะเล ทั้งกุ้งแม่น้ำ กุ้งลายเสือ เนื้อปลา และปูม้า รวมทั้ง Seafood On Ice พร้อมทานอย่างหอยนางรมตัวใหญ่ๆ หอยแมงภู่ ปูเนื้อแน่น คนรักเนื้อก็ห้ามพลาด เนื้อวัว กับ เนื้อแกะ ไม่เหม็นคาวด้วยนะ ^^
พิซซ่าหน้าต่างๆ ก็มีให้เลือก อีกทั้งยังมีติ่มซำ หมูแดง เป็ดย่าง สั่งได้เต็มที่
สายขนมหวานมีทั้งไทยและเทศตามฤดูกาล อาทิ ข้าวเหนียวมะม่วง ขนมชั้น ตะโก้ ลูกชุบ และไอศกรีมรสชาติต่างๆ พร้อมเครื่องให้ใส่ได้เองแบบไม่อั้น ขนมเค้กก็แสนจะหลากหลาย ลายตา จนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว (อย่างที่บอกไปตอนต้น เบเกอรีที่นี่ทำเองหมดทุกชิ้น รับประกันความอร่อย) เครื่องดื่มก็มีน้ำผลไม้ให้เลือกมากมาย หรือใครอยากจิบไวน์เพลินๆ ก็มี Wine Buffet ให้บริการเพิ่มเติมในราคาคนละ 1,300 บาทเท่านั้น
แถมยังมีมุมสำหรับเด็กๆ ให้สามารถตกแต่งหน้าเค้กได้ตามจินตนาการอีกด้วย
หากใครมีแผนจะมาเที่ยวพัทยาครั้งหน้า ลองดู Hilton Pattaya ไว้เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งกันนะครับ โดยผมขอให้ความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับที่พักที่นี่ไว้ดังนี้…
ข้อเด่น
+ Location เด็ด ทำให้ได้วิว Panorama ของชายหาดและตัวเมืองพัทยาแบบเต็มๆ
+ การตกแต่งสวยงาม ใส่ใจทุกรายละเอียด มีคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจน ให้ความรู้สึกสบายตา
+ การบริการที่สุดแสนประทับใจตามสไตล์โรงแรมระดับ 5 ดาว
+ อาหารมีให้เลือกหลากหลายแนว
+ Sunday Brunch คุ้มค่าสุดๆ ด้วยเมนูอาหารคุณภาพที่หลากหลายในราคาสมเหตุสมผล
ข้อด้อย
– ราคาห้องพักที่ค่อนข้างแรง แต่ถือว่าคุ้มค่ากับสถานที่และการบริการ
หลังจาก Weigh น้ำหนัก ข้อเด่นข้อด้อยไปแล้ว แน่นอนว่าการมาเยือน Hilton Pattaya นี้นับได้ว่าคุ้มค่ามากๆ แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่เราก็สามารถโกยความสุขกลับบ้านได้เต็มคันรถเลยทีเดียว ข้อมูลเพิ่มเติม pattaya.hilton.com หรือโทร (038) 253 000
แม้ราคาที่พักที่นี่จะแรง แต่เราก็มีตัวช่วยดีๆ ที่มาคอยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้อย่างสบายๆ ด้วยบัตรเครดิต GSB Precious Credit Card ของธนาคารออมสิน ที่เราสมัครไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ถึงจะไม่ได้เป็นพนักงานประจำที่มีเงินเดือน แต่ก็สามารถสมัครได้ง่ายๆ โดยใช้ สลากออมสินพิเศษที่มีอยู่ค้ำประกันเต็มวงเงิน (รายละเอียดการสมัครบัตรเครดิต)
เลยถือโอกาสนี้ นำบัตรเครดิต มาลองใช้ แล้วก็ต้องทึ่งเพราะเมื่อจ่ายค่าโรงแรมด้วยบัตรนี้ สามารถขอผ่อน 0% จำนวน 3 เดือน (ข้อมูลรายละเอียดโปร 0% ของบัตรเครดิต) ได้ด้วย เพียงแค่โทรเข้าแจ้งกับทางธนาคารกับโปรแกรม Sabaijai On Call by GSB (ก่อนวันตัดรอบบัญชีอย่างน้อย 5 วัน) แค่นี้ก็เที่ยวพักผ่อนได้แบบสบาย แถมมีเงินเหลือมาใช้ประจำวันได้ด้วย ขอแอบบอกเพิ่มอีกนิดว่าไม่ใช่เฉพาะค่าโรงแรมเท่านั้น ค่าตั๋วเครื่องบิน หรือค่าทัวร์ก็สามารถนำมาผ่อนชำระได้เช่นกัน นอกจากผ่อนจ่ายเบาๆ แบบนี้แล้ว ยังได้คะแนนสะสม GSB Reward Point อีกด้วย สะสมครบ 1,000 คะแนน สามารถนำมาแลกสลากออมสินพิเศษได้มูลค่า 100 บาท เอาไว้ลุ้นรางวัลกันทุกเดือน และแล้วความฝันในการเที่ยวรอบโลกของเรา ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ^^
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^